พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราส่วนหนึ่งกลัวว่าจะดำ อาตมาเองขนาดเป็นลูกเจ๊กแท้ ๆ ยังตากแดดจนดำเลย ไปกลัวอะไรกับแดด ถ้าคนไหนขาว ๆ นี่จำไว้เลยว่าเอาตัวไม่รอดหรอก เข้าป่าอดตายแน่..!
ที่อาตมาดำจนเหมือนกับคนละคนกับสมัยก่อน ก็เพราะว่าไปโดนหนักตอนช่วงเป็นทหาร ขนาดผิวลอกเป็นแผ่น ๆ เลย รู้สึกหูคัน ๆ ลองจับดู หนังกรอบหลุดออกมาเป็นแผ่นเลย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก
ตอนหล่อพระที่อาตมาบอกว่าไปแบกฟืน แผลเพิ่งจะหาย เวลาทำงานมัวไปห่วงหล่อห่วงสวยอยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ไปนึกถึงรุ่นพี่สาวสมัยก่อนเขาก็พันผ้าเป็นไอ้โม่งเหมือนกัน และใส่งอบ พูดถึงงอบสมัยนี้ไม่เจอเลย สมัยนั้นจะมีหมวกกุยเล้ยของจีนกับงอบ กุยเล้ยนี่โยมแม่ของอาตมาสานเองได้ เก็บใบไผ่ใบใหญ่ ๆ มาค่อย ๆ สอดทีละใบ ๆ จนแน่นฝนไม่รั่วเลย
งอบต้องบอกว่าเป็นภูมิปัญญาของไทยเรา เพราะว่าตัวรังงอบระบายอากาศได้ดี ที่แน่ ๆ ก็คือกลายเป็นของที่ระลึกที่วิเศษมาก ฝรั่งชอบซื้อ สมัยนี้น่าจะเหลือแต่ขายเป็นของที่ระลึกแล้ว เพราะว่าชาวนาเขาไม่ได้หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแล้ว ส่วนใหญ่อาศัยควายเหล็ก อาศัยรถดำ รถเกี่ยว รถหว่าน สมัยก่อนเขาต้องไถดะ ไถแปร ตีโคลน กว่าจะหว่านได้ ต้องบอกว่าบรรพบุรุษของเราลำบากลำบนมามาก เป็นกระดูกสันหลังของชาติจริง ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2015 เมื่อ 05:31
|