พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่เราเรียกว่า ปลัดขิก จริง ๆ แล้วก็คือศิวลึงค์ เป็นเครื่องหมายเพศของพระศิวะ แล้วก็มีอุมาโยนี เป็นเครื่องหมายเพศของพระอุมา ซึ่งโบราณพวกบรรดาพราหมณาจารย์และโยคีต่าง ๆ ได้ศึกษาและเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพลังในการให้กำเนิด เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพลังเพื่อสร้างโลกโดยเฉพาะ ในเมื่อเข้าใจถึงตรงจุดนี้ก็เลยทำสัญลักษณ์ขึ้นมา เป็นศิวลึงค์และอุมาโยนี ซึ่งอยู่ในลักษณะว่า ถ้า ๒ อย่างประสานกันขึ้นไป มีพลังอำนาจถึงขนาดก่อเกิดชีวิตได้ ท่านถึงได้ทำการสร้างรูปเคารพขึ้นมาอย่างที่พวกเราเรียกกันว่าศิวลึงค์ หรือว่าพอมาบ้านเราแล้วครูบาอาจารย์ท่านปรับสร้างให้ขนาดเล็กพกติดตัวได้ แล้วก็ไปเรียกปลัดขิกตามที่บ้านเราเรียกกัน
ปลัดขิกบ้านเราตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้ ที่สร้างแล้วมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันก็มีของ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ของหลวงพ่อซ่วน วัดท่าลาดใต้ ของ หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน แล้วก็หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก บางท่านถึงขนาดเสกปลัดขิกว่ายน้ำได้เหมือนปลาเลย บางท่านเสกแล้วปลัดขิกบินแข่งกับเครื่องบินได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2015 เมื่อ 08:11
|