พระอาจารย์กล่าวว่า "จีวรสีพระราชนิยมจริง ๆ ก็คือจีวรที่เป็นสีกรัก ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่าสีกรักทอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขอให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ช่วยค้นคว้าพระไตรปิฎกดูว่า สีกรักที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตนั้นมีลักษณะอย่างไร ? ท้ายที่สุดสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็สรุปออกมาเป็นสีกรักทอง
ในพระวินัยกล่าวถึงพระมหากัสสปะ ไปถึงเมืองอาฬวีแล้วคนแตกตื่นหนีพระกัน ถึงขนาดเหลือบไปเห็นวัวก็โดดหนี คิดว่าเป็นจีวรพระ ในที่สุดเปรียบเทียบกันแล้วท่านก็สรุปของว่าเป็นสีอย่างนี้
ส่วนสีของด้านพระธรรมยุติสายวัดป่าที่เป็นสีกรักค่อนข้างจะเข้มนั้น เนื่องจากท่านอยู่กับป่า กับเขา กับดิน กับทราย ถ้าย้อมสีเข้มหน่อยก็ดูเปรอะเปื้อนยากขึ้น ซึ่งถ้าสายวัดป่าก็จะคงสีกรักออกเขียว หรือไม่ก็กรักออกดำ ส่วนสายพระบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นห่มแบบสีกรักก็ดี ห่มแบบสีเหลืองก็ดี ถ้าเข้าวังต้องเปลี่ยนเป็นสีนี้ทั้งหมด เพราะถือว่าในหลวงทรงโปรดสีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสีที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่สุด ก็เลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าสีพระราชนิยม
ตอนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปรับพัดในวังก็เปลี่ยนเป็นสีนี้ พวกเราไม่คุ้นตากัน อาตมาเองถ้าไปรับปริญญาของ มจร. ก็ต้องเปลี่ยนไปห่มสีเหลือง เหตุที่ห่มสีเหลืองนี่ไม่ได้เป็นข้อบังคับ แต่เนื่องจากมีเจ้าภาพถวายผ้าไตร ซึ่งเป็นสีเหลืองทั้งหมด โดยมารยาทของพระ เมื่อเขาถวายแล้วก็ต้องฉลองศรัทธา อาตมาฉลองครั้งเดียวแล้วรู้สึกว่ายุ่งยากมาก ก็เลยใช้วิธีห่มผืนตอนรับปริญญาตรีนั้นเข้าไปรับตอนปริญญาโทใหม่ ผ้าไตรที่รับมาใหม่ก็เก็บใส่รถไป เพราะผืนเก่าเป็นสีเดียวกันอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนรับปริญญาเอกก็จะห่มผืนนั้นไปอีก ตอนนี้เขียนไว้แล้วว่ารับปริญญาตรีวันที่เท่าไร รับปริญญาโทวันที่เท่าไร ต่อไปก็รับปริญญาเอกวันที่เท่าไร หลังจากนั้นก็นำออกประมูล..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2015 เมื่อ 02:52
|