พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอสมัยก่อนก็คือมีดใช้งานนั่นแหละ ส่วนใหญ่ชาวบ้านไปไหนก็มีมีดติดตัวไปเล่มเดียว ไปหากินเอาข้างหน้า ขุดเผือกขุดมันแทนข้าว หาหอยหาปูหาผักเป็นกับข้าว มีดเล่มเดียวเขาอยู่ได้
เวลาไปเจอพวกกะเหรี่ยงอาตมารู้สึกเขาสมถะกว่าพระอีก มีมีดอยู่เล่มหนึ่ง นุ่งกางเกงขาสามส่วน ผ้าขาวม้าเคียนหัว เสื้อบางทีก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง แล้วมีย่ามเล็ก ๆ นิดเดียวประมาณ ๒ ฝ่ามือ ส่วนใหญ่ก็ใส่พวกยาสูบกับไฟแช็กก็ไปได้แล้ว ของอาตมามีทั้งกลด ทั้งบาตร ทั้งจีวรทั้งกระติกน้ำ โห..หนักอย่าบอกใครเลย
มาระยะหลังที่ออกธุดงค์ ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้พกอะไรไปเลย พระอื่นเจอเข้าก็ตกใจ ถามว่าพวกท่านมาทำอะไรกันนี่ ? “ก็มาธุดงค์เหมือนกับคุณนั่นแหละ” แล้วไม่มีอะไรเลยหรือ ? บอกไปว่า “มีเยอะแล้ว” เขาไม่รู้หรอกว่าที่ไม่มีอะไรเลยของอาตมา อยู่ป่าได้นานกว่าเขาอีก นี่ถ้าไม่ติดขัดด้วยพระวินัยว่า พระไปไหนจะต้องเอาผ้าไตรไป ดีไม่ดีผ้าไตรก็อาจเหลือแค่ชุดที่ใส่นี่แหละ
ที่อาตมาเป็นมาลาเรียก็เพราะอย่างนี้ เพราะว่าระยะหลังไม่ได้เอากลดไป ถึงเวลาก็ใช้จีวรตีโปงนอน ไปนึกถึงพระสมัยโบราณว่าท่านก็ไม่ได้ใช้กลด สมัยพุทธกาลท่านก็อยู่ใต้โคนไม้ ท่านจะเอากลดที่ไหนมา แล้วอากาศที่อินเดียร้อนหนาวดุเดือดกว่าเราตั้งเยอะ บทหนาวขึ้นมาก็หนาวจะแย่ ท่านยังอยู่กลางแจ้งกันได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2015 เมื่อ 03:35
|