รูปปั้นเด็กตีวงล้อหรือขอบกระด้ง
ท่านอาจารย์ให้ศิษย์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นช่าง ปั้นรูปเด็กผู้ชายตัวเล็กกำลังวิ่งเล่นไล่ตีขอบกระด้งอย่างสนุกสนาน รูปปั้นเล็ก ๆ นี้ท่านเก็บเอาไว้ที่กุฏิ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าในวัยเด็กท่านก็เหมือนเด็กอื่น ๆ ทั่วไป ชอบวิ่งเล่นซุกซน ของเล่นก็มีเพียงขอบกระด้งแล้วเอาไม้ไล่ตีให้หมุนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นของมีราคาค่างวดอะไร ท่านไม่คิดว่าจะได้เป็นพระคู่สวดและได้รับพระราชทานยศเป็นถึงท่านเจ้าคุณ ดังนี้ รูปปั้นจึงเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้ท่านเจียมเนื้อเจียมตน ไม่หลงใหลไปกับลาภยศสรรเสริญ จะเห็นได้ว่าท่านอาจารย์มีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ท่านเกิดในตระกูลผู้ดีเก่า ท่านอาจารย์เคยกล่าวว่าใครเขาอยากจะใหญ่ก็ปล่อยให้เขาใหญ่ไป เราอยู่ของเราเงียบ ๆ อย่างนี้แหละดีแล้ว ปิดทองหลังพระจะดีกว่า
สมัยเด็กท่านอาจารย์มีเรื่องขำตัวท่านเองอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านเล่าว่าท่านได้มีโอกาสติดตามท่านบิดาไปในงานพิธีต่าง ๆ เมื่อเห็นข้าราชการบางคนติดเหรียญตราเต็มหน้าอกไปหมด ท่านก็คิดตามประสาเด็กว่าคงจะเป็นผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์สูงกว่าใคร ๆ ถึงมีเหรียญตรามากมายเช่นนั้นจึงถามท่านบิดา ดังนั้นท่านบิดาจึงต้องอธิบายถึงเรื่องเครื่องหมายประดับยศสำหรับตำแหน่งต่าง ๆ ให้ท่านเข้าใจ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อเห็นใครติดเหรียญตราเต็มหน้าอกอีก ท่านจึงรู้ว่าไม่ใช่เป็นผู้มีตำแหน่งสำคัญที่สุด
พระประธาน พระรูปหล่อ
ในโบสถ์วัดสนามรัตนาวาสมีพระประธานปางมารวิชัยรมดำ และมีพระรูปหล่อปิดทองของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ พระอุปัชฌาย์ และท่านธมฺมวิตกฺโก ท่านอาจารย์เล่าว่า พระประธานเป็นฝีมือเอกของช่างสมุทรสงคราม ต้องนั่งเรือไปอัญเชิญมา และต้องระวังพวกนักเลงตามทางด้วย ส่วนพระรูปหล่อทั้งสององค์ เป็นฝีมือช่างของกรมศิลปากร ภายในองค์พระประธานบรรจุพระบรมธาตุ และพระธาตุเจ้าหลายองค์ รวมทั้งพระธาตุข้าวต้มของหลวงปู่ครูบาชัยวงษาด้วย แต่ที่สำคัญองค์หนึ่ง เป็นพระบรมธาตุสีทับทิมมีพระรัศมีงดงามสดใสมาก ท่านทูตผู้หนึ่งผู้เป็นศิษย์ได้มาจากชเวดากอง และนำมาถวาย เมื่อคิดว่าท่านอาจารย์เกิดวันอาทิตย์ และได้พระบรมธาตุสีแดงทับทิม อันตรงกับสีของวันเกิดมาบูชา ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
ภายในพระรูปหล่อของสมเด็จฯ พระอุปัชฌาย์บรรจุพระอัฐิธาตุของพระองค์ท่านซึ่งผู้ที่นำไปบูชาหลายคนได้บอกว่ากลายเป็นพระธาตุ ส่วนภายในพระรูปหล่อของท่านธมฺมวิตกฺโกบรรจุทนต์ ๑ ซี่ ที่ท่านมอบให้ท่านอาจารย์สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผ้าซับเท้าวันมรณภาพของท่านธมฺมวิตกฺโก ส่วนพระบุพโพพร้อมกับผ้าจีวรชิ้นเล็ก ได้มาเพราะแรงอธิษฐานจิต เนื่องจากสมเด็จฯ พระบรมราชินีนาถได้มีพระราชเสาวณีย์ให้เจ้าพนักงานรวบรวมพระอัฐิธาตุ และพระอังคารทุกชิ้นหลังจากการพระราชทานเพลิงศพ เพื่อนำไปบรรจุในมณฑปที่สร้างถวาย เมื่อเจ้าพนักงานทำหน้าที่อย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกประการเรียบร้อยแล้ว ภายหลังท่านอาจารย์ได้เข้าไปตรวจดูอีกครั้งพบส่วนหนึ่งของพระบุพโพ กับเศษจีวรชิ้นเล็ก ๆ ที่ไม่ไหม้ไฟ สมดังคำอธิษฐานท่านจึงนำมาบูชาและบรรจุไว้ในพระรูปหล่อ อัญเชิญไปประดิษฐานที่โบสถ์วัดสนามรัตนาวาส ที่สร้างเพื่อเป็นอนุสาวรีย์ หรืออนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงพระบุรพาจารย์ทั้งสอง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 19-08-2009 เมื่อ 21:08
|