หลวงตา : หลวงตาก็เลยเดี่ยวไมโครโฟน ตอนนี้เดี่ยวคู่นะ ทีแรกตอนบ่ายหลวงตามีธุระจริง ๆ นะลูกนะ เป็นความลับ บอกไม่ได้ ก็เลยทำให้แผนการเปลี่ยนไป แต่เอาเสียตอนนี้แหละ กินข้าวช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไรนะ
ที่ซอยสายลมครั้งหนึ่ง ระหว่างที่หลวงพ่อท่านรับแขก เราจะนั่งอยู่ข้าง ๆ ฆราวาสนั่งก่อนนะ แล้วเป็นพระ สักพรรษาเดียวพระก็ถูกห้ามไม่ให้ตามไปแล้ว อันนั้นก็เป็นวิบากกรรมที่ยอมรับ ตอนหลวงพ่อนั่งคุยอยู่ เราก็สังเกต ใจเราก็แวบ ๆ พอเขาถามปุ๊บ เราก็อือ ๆ เราเข้าใจว่าเรารู้นะ แล้วหลวงพ่อก็ตอบตามนั้น เราก็คิดว่า “กูทิพยจักขุญาณเท่าหลวงพ่อหรือเปล่าวะนี่ ?” ทะลึ่งขนาดนั้นนะ เป็นความเข้าใจผิด
พอคุยไปคุยมา คล้ายจะรู้ไปเลยว่าตอนบ่ายจะมีคนถามอย่างนี้ ถ้าถามอย่างนี้หลวงพ่อจะตอบอย่างนี้ โอ้โห..เรานี่สติสัมปชัญญะอ่อน แต่ว่าคิดว่าแข็ง เข้าใจว่าเรานี้มีญาณหยั่งรู้นะ ใจพองไปหลายวัน เวลาเตือนนี่หลวงพ่อท่านทำเสียงกระแอม ตอนฉันน้ำนะ มีเสียงลอดใต้แก้วมา “ไอ้สันดาน..!” อะไรอย่างนี้นะ คือท่านจะเตือนขนาดนี้นะ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:20
|