ก็ยื่นมือจะไปรับ เสียงพระคุณครู พระคุณพ่อของเรานี่แหละ ดังมาจากไหนไม่รู้ ? เข้ามาทางข้างหลังหลวงตานี่แหละ (ด้านหลังศีรษะ) ไพเราะมาก “ไอ้สัตว์นรก..! เอามือกลับมาเดี๋ยวนี้นะ” หลวงตาก็ใจเสีย ตกใจ นึกถามสวนไปในเสียงนั้นว่า “ผมเลวขนาดนั้นเชียวหรือพ่อ ?”
ท่านบอก “เออ..ให้ระวังไว้ แกลองตอบคำถามฉันสิ ว่าคนที่เขาไปไหว้ข้าข้างบน เขาไหว้ด้วยการตั้ง นะโมฯ ถึงสรณคมน์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ แล้วถวายสังฆทานถวายส่วนตัวกับข้านี่ เขาถวายมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ใจเขาอิ่มเอิบเบิกบานออกมา แล้วเขาก็ฟังข้าเทศน์เรื่องความตาย ยึดมั่นอารมณ์พระโสดาบันอย่างน้อยไว้เป็นอารมณ์ แล้วก็เดินลงมาหาแก มาหาพระสงฆ์รูปหนึ่ง น้ำใจของพระอริยะขนาดนั้น ถ้าใครก็ตาม ถึงสรณคมน์เป็นสรณะ ปรารถนาพระนิพพาน มีศีลบริสุทธิ์ เริ่มเบื่อหน่ายร่างกายตามสมควร นั่นคือน้ำใจของพระโสดาบันเป็นอย่างน้อย แล้วพระอริยะระดับนี้ เขาเต็มอิ่มมา เขาควักสตางค์คิดว่าแกเป็นเนื้อนาบุญ ยื่นเข้ามา แกจะไปรับนี่ อารมณ์ของแกเท่าเขาไหม ?”
บางคนอาจจะเถียงว่าเท่า แต่ขอถามว่าเขากำลังอิ่มด้วยศีล ของเราศีล ๒๒๗ เราคิดทันไหม ? ตอนนั้นมัวแต่ดีใจ “๕๐๐ เว้ย” ตอนนั้นอารมณ์ตกไปแล้ว จึงกำหนดใจถามท่านว่า “แล้วจะทำอย่างไรละครับ ?” เสียงท่านบอกว่า “เอ้า..แกตั้งอารมณ์ใหม่ แล้วก็บอกเขาไปด้วย”
อาจารย์เล็กนี่จะชำนาญมโนมยิทธิ หลวงตาก็พยายามเรียน ก็บอกให้ลูกหลานทราบว่า พอหลวงพ่อบอกว่า “แกบอกเขาไปด้วย” เหมือนอย่างกับว่า ครูท่านจะเข้ามาในหัวเรา เข้ามาในเครื่องแปลงเอกสารในสมองเรานะ ในสัญญา ในสังขารเรา พอเราเข้าใจ เราก็ต้องพูดออกไปให้เขาฟังด้วย เหมือนกับว่าเป็นคำพูดของเรา ธรรมะของเรา แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เป็นของครูบาอาจารย์ นี่เป็นเหตุให้คนหลงเคารพหลวงตา โดยคิดว่าเป็นของหลวงตาเอง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะ แค่แปลเร็วทันใจเท่านั้นเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-01-2015 เมื่อ 12:17
|