ดูแบบคำตอบเดียว
  #113  
เก่า 18-01-2015, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,022 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าใครได้ดูคลิปวงดนตรีพระ ที่บรรดาพระภิกษุเล่นดนตรีกันสนุกสนานกลางป่า โปรดทราบว่าเป็นพระพม่านะจ๊ะ ไม่ใช่พระไทย เพลงที่ร้องก็เป็นเพลงพม่าด้วย บังเอิญว่าอาตมาฟังออกบ้าง ไม่ใช่เห็นแล้วรีบด่าไปก่อน พระพม่าเขาทำกันเป็นปกติ วัดของพม่ามีทีมบอลแข่งกับชาวบ้านได้ ฝ่ายหนึ่งก็ขัดเขมรลงสนามกันแดงพรึ่บไปเลย เพราะพระพม่านุ่งสีแดง (https://www.youtube.com/watch?v=YudiyiadtNE)

ไปนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๔ พระองค์ทรงเปิดกว้างมาก เพราะมีคนไปฟ้องท่านว่า พระตั้งวงเตะตะกร้อกัน ทรงมีรับสั่งว่า "เจ้ากูจะเล่นบ้าง ก็ช่างเจ้ากูเถอะ" เจ้ากูสมัยนั้นก็คือพระทั่วไป ถ้าขรัวตาหมายถึงพระผู้ใหญ่ที่เป็นพระเถระ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเจ้าอาวาส พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ แต่เห็นว่าบางทีการที่คนหนุ่มไปโดนจำกัดอยู่ในธรรมวินัยก็เกิดความเครียด ในเมื่อท่านออกกำลังอยู่ในวัดก็ออกไปเถอะ

แต่ถ้าเป็นแบบหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านกับเพื่อนอีกสามองค์ฝึกกรรมฐานกันอยู่ในป่าช้า ท่านใช้วิธีหาบน้ำคนละสองปีบ ขีดเส้นเอาไว้ วิ่งวนรอบป่าช้า เหยียบเส้นเมื่อไรเป็นอันว่าทรงฌานทันที ท่านซ้อมแบบนี้ ปรากฏว่ากำนันเถาไปเจอ ไปฟ้องหลวงปู่ปาน "ท่านใหญ่ พระของท่านหาความสำรวมไม่ได้เลย วิ่งกันอยู่ในป่าช้าโน่น" หลวงปู่ปานก็ถามว่าที่ไหนนะ ? "ในป่าช้า" "แล้วมึงเสือกไปดูเขาทำไม ? เขาอุตส่าห์หลบเข้าไปในป่าช้าแล้ว" กำนันเถาหน้าม้านเลย

ถ้าฝึกซ้อมการทรงฌานจนมีความชำนาญ กำหนดได้เลยว่าจะเอาอย่างไร วสีคือความคล่องตัว ความชำนาญ สามารถกำหนดได้ ถ้ากำหนดได้คล่องขนาดนั้นจะรู้วันตายของตนเอง เพราะกำหนดได้ว่าจะไปเมื่อไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-01-2015 เมื่อ 09:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา