ถาม : คำว่าสมมุติสัจจะกับคำว่ากฎของกรรมนี่เป็นตัวเดียวกันไหมคะ ?
ตอบ : กฎแห่งกรรมเป็นความเที่ยงแท้ของการกระทำ ไม่ว่าทำดีหรือทำชั่วก็จะได้รับผลแน่นอน ส่วนสมมุติสัจจะนั้น เป็นสิ่งที่เราสมมุติขึ้นมา เพื่อสะดวกในการเรียกหาหรือว่าสืบค้น อย่างเช่น สมมุติสิ่งนี้เรียกว่าขัน แต่จะสมมุติเรียกว่าโอ่งก็ได้ ถ้าหากเขาเรียกอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก ก็จะกลายเป็นโอ่ง..ไม่ใช่ขัน
ถาม : แล้วเรื่องของบุญกับบาปละคะ ?
ตอบ : ถ้าเรื่องของบุญบาปแล้ว ส่วนใหญ่เป็นอภิสังขาร ก็คืออยู่เหนือการปรุงแต่งขึ้นไป เกิดจากการกระทำของเราก็คือกรรม
ถาม : แล้วถ้าบุญกับบาปเป็นสมมุติสัจจะด้วย แล้วก็เป็นกรรมด้วย ?
ตอบ : ถ้าในส่วนของสมมุติ จะเป็นการแยกแยะเพื่อให้รู้ว่า สิ่งนี้คนเขาสรรเสริญว่าเป็นความดี นั่นคือส่วนของบุญ สิ่งนี้คนเขากล่าวว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี คือส่วนของบาป ถ้าแยกในลักษณะอย่างนั้นก็จะเป็นสมมุติสัจจะ แต่ถ้าในตัวความเป็นจริงก็คือผลของการกระทำนั่นเอง
ถาม : ตัวสมมุติก็คือตัวที่แยกแยะ ?
ตอบ : แยกแยะออกมาเพื่อให้ง่ายในการเรียกหา สืบค้น หรือว่าแนะนำบอกกล่าวคนอื่นเขา
ถาม : แล้วสมมุติว่าคนสรรเสริญว่าเป็นความดี แต่ไม่ได้อยู่ในส่วนของบุญกิริยาวัตถุละคะ ?
ตอบ : ก็ต้องดูด้วยว่าส่วนที่ดีนั้น ดีในลักษณะไหน ระดับไหน ดีในส่วนของทาน ดีในส่วนของศีล ดีในส่วนของภาวนา หรือว่าดีในส่วนของจารีตประเพณี ดีตามกฎหมายบ้านเมือง มีหลายซับหลายซ้อน
ถาม : แล้วการทำดีตามกฎหมายบ้านเมืองถือว่าเป็นบุญด้วยไหมคะ ?
ตอบ : บางอย่างก็เป็นบุญเหมือนกัน อย่างเช่นว่า ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ฆ่าคน ไม่กินเหล้า เพราะกฎหมายบ้านเมืองส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานของศีล
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2015 เมื่อ 16:51
|