ท่านและคณะก็มาที่กุฏิหลวงตาบ่อยขึ้น (กุฏิมันอยู่ติดกับเมรุเผาศพ ดูขลังอยู่ละ) ครั้งสำคัญนั้นก็คือมาบอกว่าพระในอารมณ์กรรมฐานมาบอกให้ท่านและลูกหลานคอยโมทนาธุการเหตุการณ์สำคัญ ...หลวงตาของพวกเราทั้งหลายจะจบกิจ บรรลุอรหัตผล ในเวลา ๐๔.๐๐ น. ...ของคืนสำคัญนั้น ท่านก็เลยจัดงานสำคัญล่วงหน้า คือนิมนต์พระสงฆ์วัดท่าซุง ๕ องค์ มีหลวงตาเป็นประธานไปโปรดลูกหลานถึงถิ่นที่อยู่ทางไกลโน้น... ในวันที่หลวงตาจะได้บรรลุ...เออหนอ...เป็นพระขีณาสพเจ้า ไปฉลองเป็นมงคลแก่ท้องถิ่นนั้น ฝนฟ้าจะได้ตกต้องแผ่นดินเสียที แห้งแล้งกันมานานแล้ว...
ก็เครียดสิหลวงตา !
ก็ชักจะได้กลิ่นฝนตามเขาไปสิหนา ... จะคิดอย่างไรดีหนอ
ไอ้เราก็รู้ว่าเรายังติด ยังขัด ยังขาดอะไรเพียงไหน... มันจะได้เชียวหรือในคืนเดียวนี้
เอ...ถ้ามันไม่มีเค้า เขาก็คงไม่จริงจังกันขนาดนั้น หรือจะจริงตามเขาว่า
เอาละ ! เราก็ทำความเพียรปรกติอยู่บ้างแล้ว จะเพิ่มอธิษฐานทับให้ได้ทันตามเขาว่าเสียดีไหม ถึงอย่างไรก็ไม่ขาดทุนเสียหายอะไรนี่นา
ลูกหลานเอย...ความเพียรที่ผิดปรกติ..ความเพียรที่มีความหวังตามเขาว่า อยากให้เขาได้โมทนาคุ้มค่าน้ำใจเขา เป็นความเพียรที่สร้างความเครียดให้หลวงตามาก..มาก เอ.. พรุ่งนี้เขามารับจะนั่งตรงไหน นั่งท่าไหน จึงจะสมภูมิ ..เอ้อ ..พระ.. อรหันต์ (โอย ..พุทโธ ธัมโม สังโฆ) แล้วหลวงพ่อ.. หลวงพี่นันต์.. หลวงพี่โอ.. หลวงพี่อาจินต์ ท่านจะ..จะ..ว่า จะโมทนาตอนไหน ลูกเอย...คืนนั้นหลวงตาไม่ได้นอน...ผุดลุกผุดนั่ง เดินจงกรมบ้าง ยืนบ้าง จนตี ๔...
|