"ไปนึกถึงสมัยยังเป็นฆราวาส มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงต้องล้างท้องติด ๆ กัน แล้ว "ท่านแม่" ก็แนะนำให้ฉันน้ำเกลือแร่ อาตมาแวะไปกราบหลวงพ่อทีไรก็ซื้อไปทีละครึ่งโหล ตอนนี้รู้ตัวว่าตัวเองโดนคืนแล้ว ท่านไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น ขวดสองขวดก็ไม่มีปัญญาจะฉันแล้ว เอาไปทีละครึ่งโหล มาสมัยนี้ตัวเองเจอแบบเดียวกันแล้ว ของบางอย่างต้องการชิ้นเดียว คนถวายมาเป็นคันรถ..!
มีอยู่ช่วงหนึ่ง "ท่านแม่" ให้หลวงพ่อบอกแม่ครัวทำผัดหมูสามชั้นแบบรวนเค็ม เอามาฉันกับข้าวต้มติดกันเป็นเดือนเลย ปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นพรวด ๆ ๑๐ กว่ากิโลกรัม “แม่แกบอกว่าร่างกายช่วงนี้จะแย่มาก ต้องกินให้มีกำลังเข้าไว้” แล้วให้ฉันอะไรไม่ฉัน ดันเป็นหมูสามชั้นรวนเค็ม นั่นก็เป็นงานเฉพาะกิจ ในเมื่อเป็นงานเฉพาะกิจ ถึงเวลาแล้วเราไปคิดว่าหลวงพ่อท่านชอบอย่างนั้นแล้วเอาไปอีก แต่เลยเวลาไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์
กับข้าวที่เห็นหลวงพ่อท่านฉันเป็นปกติเลยคือน้ำพริกปลาร้า มีอยู่เที่ยวหนึ่งไม่รู้ว่าโยมที่ไหน เขาเปิดโรงงานทำปลาร้ากระป๋อง เป็นปลาร้าอบแห้งใส่กระป๋อง คาดว่าสมัยนี้น่าจะมีขายทั่วไป เขาก็เอาไปถวาย วันนั้นหลวงพ่อท่านฉันเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ สมัยโน้นปลาร้าหายาก มาสมัยนี้หาง่ายแล้ว โดยเฉพาะอุทัยธานี ร้านจ่าเทืองผลิตปลาร้าอย่างเดียวเลย วิ่งรถไปทางร้านแก ห่างประมาณ ๒๐๐ เมตรก็ได้กลิ่นปลาร้าแล้ว จะมีทั้งที่เป็นน้ำพริก เป็นปลาร้าสับ ปลาร้าสดเป็นตัว ฯลฯ สั่งเป็นปีบเลยก็ได้ ตั้งร้านอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดปลาสดที่เอามาหมักปลาร้า
อาตมาถึงได้บอกว่าโบราณเราเก่ง ของเราเองถนอมอาหารด้วยการหมัก เนื้อสัตว์มากก็ทำเนื้อสัตว์หมัก ของคนจีนพลเมืองเยอะ แล้วเนื้อสัตว์ไม่ค่อยมี ก็ทำเป็นผักแห้ง อย่างพวกหัวผักกาดแห้ง ผักกาดดอง ของเกาหลีเขาทำกิมจิ เขาเอาไว้ตอนไม่มีจะกิน ส่วนของเราตอนนี้จะกินอะไรก็มี ดันไปซื้อกิมจิมาฝากกัน..! นึกแล้วก็ขำ ถ้ารู้ว่าแรกเริ่มมีที่มาอย่างไร ก็คือเขาไม่มีจะกินในฤดูหนาว เขาก็ต้องหมักผัก ตากผักเอาไว้กิน เรามีกินอุดมสมบูรณ์ก็ยังอุตส่าห์ตะกายไปหามากินกัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 22-11-2014 เมื่อ 22:43
|