หนทางสู่ ”จิตหนึ่ง” ของเจ้าคุณนรรัตน์ฯ
ท่านธมฺมวิตกฺโกภิกขุ ได้เคยเล่าไว้ให้คุณการุณ เหมวนิช ฟังไว้อย่างน่าสนใจยิ่งว่า เรื่องของการทำสมาธินั้น ท่านได้ทำมาตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส ซึ่งโดยปกตินั้น ท่านมีนิสัยชอบความสงบเงียบ และชอบคนตาย โดยได้ให้เหตุผลว่า “คนตายให้แต่ความดีงาม ทำใจให้สงบ เพราะเมื่อเห็นแล้วก็เป็นเครื่องเตือนสติว่า ตัวเราก็ต้องตายไม่ช้าก็เร็ว นอกจากนี้ คนตายยังให้ความรู้ เป็นอาจารย์ใหญ่ทางการแพทย์ได้อีกด้วย ไม่เหมือนคนเป็น ซึ่งอาจมีทั้งคุณและโทษ ถ้าพบคนเลวก็มีแต่โทษ มีแต่ความลำบากใจไม่รู้จักหยุดหย่อน....”
ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ทุกครั้งที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ตามเสด็จไปยังพระราชวังบางปะอิน ในเวลาว่างราชการ ท่านก็มักจะปลีกตนไปปลีกวิเวกในป่าช้าใกล้ๆอยู่เสมอ โดยเมื่อล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖ หากทรงต้องการให้หา ก็จะทรงให้คนไปตามตัวท่านที่ป่าช้าได้ทุกเวลา
ต่อมา แม้เมื่อท่านออกบวช ท่านก็ยังฝึกกรรมฐานต่อโดยตัดกระดาษเป็นรูปวงกลม ติดไว้ที่ฝาห้องแล้วนั่งเพ่งจนเห็นภาพนี้ชัด ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา เป็นภาพอุคคหนิมิตที่ติดอยู่ที่จิต และสามารถขยายหรือย่อภาพนิมิตนี้ให้เล็กหรือใหญ่ได้ตามความประสงค์ หรือจะให้แตกขยายออกเป็นรูปวงกลมมากมายนับจำนวนไม่ถ้วนก็ได้ ซึ่งสำหรับเหตุที่ท่านธมฺมวิตกฺโก เลือกรูปวงกลมนี้เป็นที่เพ่งจิตแทนพระพุทธรูปหรืองค์ภาวนาอย่างอื่นนั้น ท่านให้เหตุผลว่า ท่านเห็นรูปวงกลมนี้เป็นเหมือนกับสังสารวัฏที่หมุนเวียนอยู่เสมอ
ต่อมา เมื่อท่านธมฺมวิตกฺโกพิจารณาเห็นว่า ท่านมีกำลังอำนาจจิตแก่กล้าถึงระดับหนึ่งแล้ว ท่านจึ่งได้เปลี่ยนมาใช้หัวกะโหลกของมนุษย์มาตั้งเรียงไว้ถึง ๔ หัวข้างที่นอนของท่าน จากนั้นท่านก็ได้นั่งสมาธิเพ่งหัวกะโหลกเหล่านั้นเป็นอารมณ์กรรมฐาน โดยเมื่อนั่งใหม่ๆ ได้ปรากฏภาพนิมิตแปลกประหลาดพิศดาร โดยปรากฏเป็นภาพหัวกะโหลกได้ลอยมาหลอกหลอนท่านในอาการต่างๆ ทั้งลอยเข้ามาใกล้บ้าง ลอยถอยห่างออกไปบ้าง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่ภายหลังเมื่อท่านได้กำหนดภาพนี้ให้ผ่านเลยไปแล้ว ท่านก็ได้เห็นหัวกะโหลกเหล่านี้ตามความเป็นจริง ไม่มาหลอกหลอนท่านอีกต่อไป ซึ่งก็ยังความยินดีให้แก่ท่านมากขึ้น และท่านก็ได้ใช้จิตที่ทรงกำลังแก่กล้าเป็นพื้นฐานเช่นนี้ มาเจริญวิปัสนากรรมฐานจนบรรลุอริยมรรค อริยผลจนถึงขั้นสูงสุดในเวลาต่อมาได้เป็นผลสำเร็จในที่สุดฯ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 15-07-2009 เมื่อ 11:29
|