ดูแบบคำตอบเดียว
  #53  
เก่า 29-06-2014, 19:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,749
ได้ให้อนุโมทนา: 152,177
ได้รับอนุโมทนา 4,420,379 ครั้ง ใน 34,339 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ของพระราหุลต้องบอกว่าบุญของท่านเอง พระนางพิมพาเห็นพระพุทธเจ้าพาหมู่สงฆ์ออกบิณฑบาต ก็ชี้บอกพระราหุลว่า “มหาสมณะที่เดินนำหมู่ ประดุจดวงอาทิตย์ที่แวดล้อมด้วยหมู่ดาว นั่นก็คือพระราชบิดาของเจ้า ให้เจ้าไปทูลขอราชสมบัติของพระราชบิดา” เพราะว่าตอนพระพุทธเจ้าประสูติ มีขุมทรัพย์เกิดขึ้นที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ แล้วขุมทรัพย์นั้นเป็นของคู่บุญ ถ้าไม่ใช่พระองค์ท่านแล้วคนอื่นเอาไปไม่ได้

พระราหุลได้ยินแม่สอนดังนั้นก็ย่องตามไป พระพุทธเจ้าบิณฑบาตเสร็จแล้วกลับวัดไปฉัน ท่านก็ตามไป ด้วยความที่เป็นเด็ก จิตใจยังบริสุทธิ์สะอาด พอเดินเข้าเขตวัดก็รู้สึกเย็น สบายกายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ท่านก็หลุดปากออกมาว่า “โอหนอ..สมณะ ร่มเงาของท่านช่างร่มเย็นจริงหนอ”

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสถามว่า "ดูก่อน..ราชกุมาร ท่านมาด้วยเหตุใด ?" พระราหุลก็ทูลว่ามาขอราชสมบัติ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ทรัพย์อื่นที่จะยั่งยืนเหมือนอริยทรัพย์นั้นไม่มี ถ้าอยากได้สมบัติของพ่อ ก็ให้บวช" แล้วส่งให้พระสารีบุตรไปบวช พระเจ้าสุทโธนะเสียใจมากว่า พระพุทธเจ้าหนีไปบวชคนหนึ่ง ราชสมบัติไม่มีใครสืบทอด หวังให้พระราหุลที่เป็นหลานสืบทอด ก็มาบวชเสียอีก เลยขอร้องพระพุทธเจ้าไว้ว่า "ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หากจะให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรใด ขอให้บิดามารดาอนุญาตก่อน" จึงกลายเป็นธรรมเนียม ถึงเวลาจะบวช พระคู่สวดต้องถามว่า “อนุญฺญาโตสิ มาปิตุหิ” บิดามารดาอนุญาตแล้วหรือยัง ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา