ดูแบบคำตอบเดียว
  #20  
เก่า 14-03-2014, 09:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,300 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตามประวัติของท่านอาจารย์สิงห์ทอง ท่านภาวนาแล้วเหนื่อย ท่านก็เลยไม่เดินจงกรม แล้วก็มีหนูมาเดินให้ดู หนูเดินสี่ขาไปสุดทาง แล้วก็ยืนสองขากอดอกแบบตั้งสมาธิ แล้วก็ลดลงเดินสี่ขากลับมาสุดทาง แล้วก็ยืนกอดอกตั้งสมาธิ เป็นพระอาจารย์ใหญ่ยังโดนหนูสอนขนาดนั้น

แต่ถ้าไปดูประวัติพระอนุรุทธเถระ ท่านปฏิบัติโดยไม่นอนเลย ถือเนสัชชิกอยู่ ๕๕ พรรษา ท่านบอกว่า ๒๕ พรรษาแรกไม่นอนเลยแม้แต่นิดเดียว พอ ๓๐ พรรษาหลังใช้นั่งหลับเวลาปัจฉิมยาม ก็คือยามสุดท้ายก่อนสว่าง ต้องคิดนะ ๕๕ ปีไม่ยอมให้หลังแตะพื้น ตอนนั้นท่านเป็นพระอรหันต์แล้วนะ แต่ช่วงแรกยังไม่ได้เป็น พระอนุรุทธเป็นช้ามาก อย่างพระสารีบุตรว่าช้าก็ ๑๕ วัน แต่พระอนุรุทธติดอยู่หลายปี เพราะว่าท่านตรึกในมหาปุริสวิตกไม่ขาด มัวแต่ห่วงอยู่

พอพระพุทธเจ้ามาตรัสข้อสุดท้ายว่า พระธรรมวินัยนี้เป็นของผู้ที่ยินดีในธรรมอันไม่เนิ่นช้า ก็คือละเสียซึ่งธรรมอันเนิ่นช้า ได้แก่ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ ตรองตกถึงได้บรรลุ ท่านได้ทิพจักขุญาณตั้งแต่แรก ๆ แล้วทิพจักขุญาณของท่านก็เกิดปัญหา บอกว่าบางทีกำหนดก็เห็นภาพ บางทีกำหนดก็เห็นแต่แสง ก็ต้องไปถามพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็บอกให้ว่า ถ้าเราตั้งใจกำหนดถึงแสง ภาพก็จะหายไป ถ้าตั้งใจกำหนดภาพ แสงก็จะหายไป เพราะฉะนั้น..ต้องเลือกเอาอย่างเดียว แล้วท่านก็เพลิดเพลินกับการดูอุปนิสัยสัตว์โลก ก็เลยไม่บรรลุสักที ติดอยู่หลายปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-03-2014 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา