ดูแบบคำตอบเดียว
  #53  
เก่า 23-01-2014, 14:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,019
ได้รับอนุโมทนา 4,417,924 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อรูปฌานแต่ละอย่างเป็นเอกเทศซึ่งกันและกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะว่าเป็นเอกเทศก็ไม่ได้ ต้องเรียกว่าสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพราะว่าต้องได้รูปฌาน ๔ ก่อน เมื่อได้รูปฌาน ๔ แล้วก็เริ่มต้นที่อากาสานัญจายตนฌาน ก็คือจับกสิณขึ้นมากองหนึ่งที่ไม่ใช่อากาสกสิณ แล้วก็เพิกภาพไป ตั้งใจจับความว่างของอากาศแทน จนอารมณ์ทรงตัวเต็มที่ในระดับฌาน ๔

คราวนี้ต่อไปเป็นวิญญาณัญจายตนฌาน เป็นการกำหนดความรู้สึกก็คือว่า แม้อากาศจะว่างไร้ขอบเขต แต่ยังสามารถกำหนดได้ด้วยความรู้สึก ก็คือวิญญาณของเรา ก็เลยไปกำหนดความไม่มีขอบเขตของวิญญาณที่กว้างขวางกว่าอากาศแทน จึงเป็นการสนับสนุนกัน

พอไปอากิญจัญญายตนฌาน ถึงแม้ว่าวิญญาณที่กว้างขวางไร้ขอบเขต ยังมีความรู้สึกที่ชัดเจนปรากฏอยู่ เขาก็เลยจับอากิญจัญญายตนฌาน ก็คือความไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยหนึ่ง เพราะฉะนั้น..แต่ละอย่างต้องไปตามลำดับ ถึงจะสนับสนุนกันได้ สักแต่ทำกระโดดไปกระโดดมาไม่ได้หรอก พอทำ ๓ อย่างแรกได้ อย่างที่ ๔ มาเองโดยอัตโนมัติ ก็ในเมื่อไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว อะไรเกิดขึ้นก็ช่าง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รู้สึกก็เหมือนกับไม่รู้สึก

ถ้าจะทำอรูปฌาน ต้องได้รูปฌานคล่องตัวก่อน แล้วได้กสิณอย่างน้อย ๑ กอง ที่ไม่ใช่อากาสกสิณ ถ้าเป็นไปได้ก็คือไม่ใช่อาโลกกสิณด้วย เพราะอาโลกกสิณส่วนใหญ่เกิดจากแสงสว่าง ลักษณะคล้าย ๆ กับความว่างของอากาศ ดังนั้น..คนที่ไม่ชำนาญอาจจะจับไม่ติด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2014 เมื่อ 14:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา