สาละที่ว่านี่ ถ้าเราเรียกง่าย ๆ คือสาละอินเดีย ดอกคล้าย ๆ ดอกจำปายักษ์ ไม่ใช่แค่ใหญ่นะ ถ้าเทียบกับมืออาตมาคงประมาณปลายนิ้วชี้ถึงนิ้วโป้งเวลากางออก ที่โบราณเขาเรียก ๑ เกียก ความยาวระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ถ้าความยาวระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วกลางคือ ๑ คืบ ต้องวัดตัวเองดูว่า ๒ คืบจะได้ศอกหนึ่งพอดีของทุกคนเลย คืบใครก็ศอกคนนั้น
คราวนี้ต้นสาละทำให้คุณหมอมโน (ดร.นพ.มโน เลาหวณิช) ตอนแกบวชอยู่ใช้ฉายา เมตตานันโท บวชอยู่ที่วัดธรรมกาย แล้วธรรมกายส่งไปเรียนต่อปริญญาเอก ตอนหลังเขาเห็นว่าจะคุมไม่อยู่ก็เลยขับคุณหมอออก คุณหมอก็เลยมาเป็นนักวิชาการทางศาสนาอยู่ระยะหนึ่ง หมอเมืองไทยเราเก่ง เป็นได้ทุกเรื่องยกเว้นเป็นหมอ..! นักการเมืองก็เป็น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีอะไรเป็นหมด เห็นไม่เป็นอยู่อย่างเดียวคือหมอที่ตัวเองเรียนมา
คุณหมอทำงานวิจัยอยู่ชิ้นหนึ่ง ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ปรินิพพานใต้ต้นสาละแน่นอน หลักฐานก็คือว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเดือน ๖ สาละไม่ได้บานเดือน ๖ แสดงว่าคุณหมออ่านพระไตรปิฎกไม่ทั่ว เพราะในพระไตรปิฎกระบุไว้ชัดว่า “สาละออกดอกนอกฤดูกาล” สงสัยอ่านข้ามไปประโยคเดียว
ฉะนั้น..ถ้าอยากรู้จักสาละอินเดียคงต้องไปประเทศอินเดียถึงจะรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จะว่าไปแล้วทรงดอก ถ้าจับลูกยางจับเอาปลายที่เป็นครีบลง แล้วครีบหุบ ๆ หน่อยหน้าตาจะเหมือนดอกสาละ อาตมาไม่รู้จะเปรียบอย่างไร เป็นดอกจำปาขนาดยักษ์แล้วกัน แล้วแปลก ช่อดอกไม่ได้ชี้ขึ้น แต่ทิ่มลง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2014 เมื่อ 17:07
|