ดูแบบคำตอบเดียว
  #35  
เก่า 18-01-2014, 11:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,775 ครั้ง ใน 34,261 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อพระครูสิริบุญโสภิต วัดใหม่ยายนุ้ย ได้เลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ท่านจัดงานฉลอง ๓ วัน แสดงว่างานที่อาตมาจัดงานนั้นผิด เพราะว่าจัดแค่ ๓ ชั่วโมง อาตมาเป็นคนไม่ค่อยชอบงานเอิกเกริกเฮฮา โดยดูต้นแบบมาจากหลวงพ่อวัดท่าซุง

หลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานไม่เคยมีมหรสพ มีหลุดไปอยู่ ๒ ปี ก็คือปี ๒๕๒๗ มีวงดนตรีของทหารม้าไปเล่นให้ เพราะว่าผู้การสถาพรนำไป พอมาปี ๒๕๒๘ ไม่ทราบว่าลุงเพชรไปบนอะไรไว้แล้วสำเร็จ ต้องแก้บนด้วยลำตัดหวังเต๊ะแม่ประยูร คราวนี้พระก็อยากดู แต่หลวงพ่อท่านห้ามดู ตอนนั้นพระจึงต้องขยัน ไปเป็นช่างคุมเครื่องไฟ ปรากฏว่าคุมไปคุมมา แม่ประยูรหยุดรำหยุดร้องหันมา "หลวงพี่..ไปนอนเสียทีสิ อยู่แล้วเล่นไม่ออก" พระอยู่แล้วเล่นหยาบไม่ได้ โดนไล่ ต้องยอมเขา เพราะเป็นเวทีของเขา

ช่วงหลัง ๆ อาจารย์บุปผาชาติ จากวิทยาลัยครูนครสวรรค์ เอานิสิตไปเล่นกลองยาวบ้าง เล่นอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีงาน พวกละครไม่ต้องเสียเวลาหรอก วัดท่าซุงไม่จ้าง วัดท่าขนุนก่อนหน้านี้งานประจำปีทุกปีต้องมีละครพม่า พอปี ๒๕๔๔ อาตมาไปอยู่เพื่อช่วยเขาบูรณะวัด ตอนนั้นไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านให้ไปช่วยบูรณะวัดหน่อย เขามีละครพม่าตามปกติ ละครพม่าเขาก็คล้าย ๆ ลิเกบ้านเรา พี่น้องทั้งมอญ ทั้งพม่า รู้ข่าวเขาก็มาดูละครกัน ไกลแค่ไหนก็ไป ไปดูกันมืดฟ้ามัวดิน

อาตมาสั่งพระเณรทั้งหมด ห้ามแม้แต่เดินผ่านบริเวณนั้น คืนนั้นเล่นละครพม่าตรงบริเวณที่เป็นลานธรรมปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เป็นสนามหญ้าลึกลงไปศอกกว่า ๆ ถ้าหน้าฝนก็มีน้ำขัง ก็ปรากฏว่าพระเณรที่พักอยู่กุฏิประจวบดี ซึ่งอยู่ข้างสนาม มีเพื่อนมาอาศัยที่ห้องเพียบเลย กุฏิอื่นมาอาศัยอยู่ด้วย เพื่อเปิดหน้าต่างดูละคร พระอาจารย์ห้ามไม่ให้เดินผ่าน ไม่เดินก็ได้ อยู่บนกุฏิเลย เปิดหน้าต่างดูเอา

พอเห็นว่าอาตมาไม่เอาด้วยจริง ๆ ท้ายสุดก็ต้องเลิกไป เพราะว่าละครพม่าจริง ๆ ดึงคนได้ แต่เสียเงินเยอะ ค่าจ้างครั้งหนึ่งเป็นแสนบาท แล้วจะไปได้อะไรนักหนา เพราะเก็บที ๒๐ บาท ต้องคนดูเป็นหมื่น ถึงจะคุ้มทุน ท้ายสุดจึงเลิกไปโดยปริยาย

ตอนนี้เวลามีงานก็มีแต่ญาติโยมที่ตั้งใจไปรำถวาย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีมหรสพอะไรกับใคร แล้วที่บรรดาเพื่อนพระวัดอื่น ๆ เขาสงสัยมากเลยก็คือ แม้แต่ธงยังไม่ปักเลย แล้วจัดงานได้อย่างไร ? ป้ายโฆษณาสักแผ่นก็ไม่มี ธงก็ไม่มี แต่จัดงานได้ทุกปี เลยบอกกับเขาว่า ถ้าปักธงเดี๋ยวเจ้าหนี้รู้ เห็นธงเยอะ ๆ รู้ว่าวัดมีงาน เดี๋ยวเขามาทวงหนี้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2014 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา