"ภาระทุกอย่างอาตมาจะพยายามแบกรับไว้แทน ไม่ให้หลวงพ่อท่านจะต้องเดือดร้อน แล้วมักจะตัดสินใจแทนเลย ซึ่งคนอื่นเขาไม่กล้าทำตรงนี้ แต่บางอย่างก็ตัดสินใจไม่ได้จริง ๆ ช่วงที่ตัดสินใจให้ไม่ได้ก็คือช่วงที่ผู้ว่าฯ อุทัยธานีท่านมา
ปี ๒๕๓๐ ในหลวงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ วัดท่าซุงทำงานใหญ่หลายชิ้นร่วมถวายเป็นพระราชกุศล นำเข้าโครงการของจังหวัด ก็มีสร้างโรงพยาบาลแม่และเด็ก สร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา สร้างตึกรับแขกใหม่ สร้างมณฑปแก้ว สร้างวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร สร้างมณฑปสมเด็จองค์ปฐม ถ้าเป็นงบประมาณหลวงก็หลายร้อยล้านบาท ทางจังหวัดเขาก็กระตือรือร้นกัน อยู่ ๆ ได้ผลงานขนาดนี้ แต่มาผิดเวลา มาตอน ๘ โมงกว่า ๆ มาขอเข้าพบหลวงพ่อ เรื่องโครงการที่จะถวายในหลวง
หลวงพ่อท่านรู้ ก่อนที่ท่านจะเข้าไปพัก ท่านบอกว่า “เล็ก..วันนี้พ่อจะให้น้ำเกลือ ใครมาอย่าให้รบกวนนะ บอกว่าไปพบเวลารับแขกอย่างเดียว” ก็เรียนท่านผู้ว่าฯ ไป “หลวงพ่อให้น้ำเกลืออยู่ครับ รอไว้พบตอนบ่ายดีกว่า” ท่านผู้ว่าฯ หลุดปากมาว่าอย่างไรรู้ไหม ? ท่านบอกว่า “ให้น้ำเกลืออยู่ก็คุยได้ไม่ใช่หรือ ?”
ตอนนั้นอาตมาตีหน้าไม่ถูก ไม่ได้โกรธคนมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นรู้ว่ากูโกรธมึงฉิบหายเลย แต่ว่าปั้นหน้าไม่ถูก ลืมไปว่าความโกรธเป็นอย่างไร ในเมื่อปั้นหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เลยหันหลังเดินกลับไปหน้าตาเฉย ปล่อยเขายืนหัวโด่อยู่นั่นแหละ ทั้งคณะก็ละล้าละลัง นายทวารไม่เปิดประตูให้ จะเข้าอย่างไรเล่า ? ท้ายสุดเห็นว่าอาตมาไม่คุยด้วยจริง ๆ ท่านก็กลับ
ก็เลยทำให้เห็นว่า คนเราต่อให้เก่งกล้าสามารถขนาดไหน แต่ถ้าถึงเวลาก็จะเอาผลประโยชน์ตนเป็นใหญ่ เล่นถึงขนาดให้น้ำเกลืออยู่ก็พูดได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาตมาตัดรายชื่อผู้ว่าฯ ท่านนี้ออกจากสารบบความจำไปเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2014 เมื่อ 07:06
|