ไสยศาสตร์มีมาแต่ดั้งแต่เดิม คนเราก่อนที่จะรู้จักศาสนา ต้องพัวพันกับไสยศาสตร์มาก่อนทั้งนั้น เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าเผ่าไหนพันธุ์ไหนก็ตาม ท้ายสุดก็จะมีผู้นำทางจิตวิญญาณอยู่คนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือหมอผี พวกนี้ต้องบอกว่า born to be เกิดมาแล้วก็รู้เห็นพวกนี้ อย่างที่อาตมาไปลองของกับหมอผีกะเหรี่ยง แค่อยากรู้ว่าเวลาผีมาแล้วจะเป็นอย่างไร พอไปอยู่ในพิธีผีไม่เข้ามา ไปยืนหัวค้ำภูเขาอยู่ข้างนอก หมอผีกะเหรี่ยงเขาไม่เริ่มพิธีสักที เพราะผียังไม่เข้ามา ก็แสดงว่าพวกเขารู้เห็นกันทุกคน
ในเมื่อรู้เห็นกันทุกคน ก็เหมือนคนปกติทั่วไป พอผีไม่เข้ามาก็ทำพิธีไม่ได้ ท้ายสุดอาตมาต้องถอนสมอ ปรากฏว่าพอถอยออกไป ผีลงแล้วอาละวาด เมื่อก่อนผีไม่เคยอาละวาด เพราะปกติมาก็ลงได้เลย พอผีมาอาละวาด เจดีย์ไม้ไผ่ที่ปัก ๆ ไว้ ร่างทรงเอาแขนกวาดหักหมดเลย ไม้ไผ่นะ เอาแขนเปล่า ๆ กวาดหักหมดเลย อาตมาก็ว่าไอ้ห่..นี่ซ่ามาก ต้องเล่นสักหน่อย แอบเล่นไม่ให้หมอผีรู้ ว่าคาถาสะกด เอาหัวแม่เท้าจิกดินไว้ เขามีเคล็ดลับที่ตรงนั้น
ผีอาละวาดสุดชีวิตเลย จะออกก็ออกไม่ได้ ปรากฏว่าเกือบชั่วโมง อาตมาเองก็เหงื่อไหลท่วมตัวเลย กูจะเสร็จมันไหมนี่ ? ปรากฏว่าผีหมดสภาพก่อน..ยอมกราบ ท้ายสุดก็ลงมากราบ ถ้าต่อได้อีก ๑๕ นาที อาตมาเสร็จก่อนแน่ ลองกับพวกนี้ไม่ได้หรอก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเสมอว่า อย่าอวดดีกับผี อย่าลองดีกับพระ เพราะเขาไม่ต้องพัก แต่พวกเราต้องพัก ตอนพักนี่แหละที่จะเสร็จเขา
อาตมาตั้งใจแกล้งเฉย ๆ ไม่ได้จะไปเฉ่งใครโดยตรง ใครจะไปนึกว่าสะกดแทบไม่อยู่ กลั้นใจว่าแล้วเอาหัวแม่เท้าจิกดินไว้ อย่ายกขาขึ้นจนกว่าเราคิดจะปล่อย ถ้ายกหัวแม่เท้าขึ้นเมื่อไรก็หลุด เท่าที่ศึกษามาที่ขำที่สุดคือคาถาไสยศาสตร์ เป็นหัวใจพระธรรมทั้งนั้น ส่วนใหญ่เอาจากพระไตรปิฎก แปลกดีนะ...เอาศาสนาพุทธไปเล่นเรื่องผีได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2013 เมื่อ 02:42
|