บท หังโธโนโต ทูโรถินังติ นั้นท่านถอดเป็นบทโดยอนุโลมปฏิโลมไว้เป็นดังนี้
หังตินังโธโนถิโรโตทู
ทูโตโรถิโนโธนังติหัง
พระคาถาหัวใจอิติปิโสบทนี้ทั่ง ๙ อักขระ อุปเท่ห์ที่ใช้มีมากมายถ้าจะสะเดาะโซ่คาขื่นตรวน ให้ว่า ๑๑ จบ ถ้าถูกขังไว้ในตะรางและกรงเหล็กก็ดี ให้ภาวนา ๑๐๘ คาบ แยกออกได้แล ถ้าจะนอนป่าให้เอาฟืน ๗ ดุ้นมาเสกกองไฟขึ้น ๗ กอง แล้วเสกใบไม้ปูนอน เขาเห็นเป็นคน กันภัยอันตรายต่างๆ ถ้าเดินภาวนาไปเห็นเป็นคนหลายคน
ส่วนบทที่ถอดเป็นอนุโลมปฏิโลมนั้น ท่านให้ใช้ภาวนาเมื่อ ถึงเวลาอับจนเขาล้อมเราไว้เมื่อจะหลบไป ให้ภาวนาบทถอนทั้งสองบทนั้นเดินออกไปเถิดมิเห็นตัวเราเลย ถึงเห็นก็จำมิได้เสกแป้งหอมน้ำมันหอมทาตัว เขาเห็นเราเข้าดังพระนารายณ์แปลงรูป
บท อิสะวิระมะสาพุทเทวา ท่านวางอุปเทห์วิธีใช้ไว้ดังนี้ ให้เสกหมากกิน เสกน้ำมันหอมทาคงแก่หอกดาบอยู่ทั้งปืนและเหล็กแหลม คงทั้งในน้ำคงทั้งบนบก ถ้าจะกะทำตะกรุดให้ลงคาถานี้ลบถมใส่ตะกั่วดำทำเป็นตระกรุดแคล้วคลาดคงทนดีนักแล แม้ผิดท่านจะฆ่าเรามิได้เลย ถึงแม้จะใช้ช้างแทง ช้างก็มิอาจจะแทงได้
บท อิอะสังวิอะสะพุติ พระคาถาบทนี้ใช้เสกน้ำมันดิบ ทาตัวอยู่คงทนจับมิอยู่เลย เสกน้ำมันต์ถอนเถ้าแก้อาถรรพ์ทั้งปวง เสกปัดพิษแมลงก็ได้ ภาวนาไว้จำแลงตัวเป็นช้างเป็นเสือก็ได้แล
อาสังสุ สังสุสุ พระคาถานี้เป็นยอดธงไชยของพระพุทธเจ้าแล เป็นหัวใจที่ถอดออกจากหัวใจพระอิติปิโส อีกที่หนึ่งเป็นที่สุดของพระคาถาอิติปิโส ให้จำเริญภาวนาไว้ไม่ตายด้วยคมหอกคมอาวุธหอกดาบเลย ใช้เสกน้ำมันเดือดทาตัวเป็นคงทนทรหดอยู่คงหอกดาบปืนไฟทำอันตรายมิได้เลย เสกขมิ้นเสกว่านกินได้ ผู้ใดได้บริกรรมไว้ผู้นั้นจะมีปัญญาดังพระพุทธโฆษจาริย์แล
|