ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 15-11-2013, 05:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจึงต้องตั้งกำลังใจให้ถูกว่า ถ้ารักที่จะกินอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจจริง ๆ ก็ให้กินในลักษณะที่ว่าเป็นไปด้วยดวงจิตที่หวังดี ปรารถนาดี ไม่ต้องการเบียดเบียนผู้อื่นจริง ๆ เกิดจากความเมตตากรุณาต่อชีวิตอื่นจริง ๆ ไม่ใช่กินเพื่อจะโอ้อวดว่าเรามีการปฏิบัติที่เคร่งครัดกว่าผู้อื่น

เนื่องจากว่าแม้กระทั่งพระภิกษุสามเณร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังอนุญาตให้ฉันอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ได้ โดยที่ละเว้นจากการ ๑.รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ๒.เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ๓.รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้าเว้นจาก ๓ ข้อนี้แล้ว ให้สามารถรับอาหารที่ประกอบขึ้นมาจากเนื้อสัตว์ได้ เนื่องจากว่าพระเราต้องขออาหารจากชาวบ้านเขา ถ้าไปจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นอาหารเจ ต้องเป็นอาหารไม่เจ ก็จะทำให้ชาวบ้านซึ่งกินอาหารต่างจากเรา ต้องลำบากเดือดร้อน ที่จะไปสรรหาอาหารที่เราต้องการมาถวาย

ดังนั้น..ในส่วนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ จึงเป็นทางสายกลางที่เหมาะและสะดวกที่สุด แต่ว่าถ้าใครสามารถที่จะถือศีลกินเจโดยละเว้นได้จริง ๆ ด้วยเห็นประโยชน์ เนื่องจากว่ามีสภาพจิตที่อ่อนโยน ประกอบด้วยเมตตา ไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนสัตว์อื่นจริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอให้ทราบว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่คติของชาวพุทธเราตั้งแต่แรก หากแต่เป็นคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แล้วก็กระจายเข้าไปในประเทศจีน จนกระทั่งทางพุทธศาสนามหายานรับเอาไปปฏิบัติด้วย

ในการที่เราปฏิบัติธรรมนั้น การที่เราตั้งความคิด ตั้งความปรารถนาในการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จำเป็นต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ว่าเป็นการที่ออกนอกลู่นอกทางไปไกลหรือไม่ ? ทำแล้วกาย วาจา ใจของเราเจริญขึ้นหรือไม่ ? หรือว่าทำไปแล้วกาย วาจา ใจ ของเราเสื่อมทรามลง ? หรือทำให้เราห่างไกลจากความดี คือห่างจากทาน ศีล ภาวนาไป ? กลายเป็นยิ่งทำกิเลสก็ยิ่งมาก ถ้าเป็นดังนั้นก็ให้ทราบว่า เราได้กระทำมาผิดทางแล้ว ให้รีบแก้ไขโดยอาศัยศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ ถ้าเราตีกรอบด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ถึงแม้ว่าจะหลงทางก็ไปไม่ไกล แต่ถ้าเราไม่มีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ การหลงทางของเราก็จะเตลิดเปิดเปิง หาทางกลับไม่เจอ

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2013 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา