ถาม : จริง ๆ ไม่ต้องอยู่ในเพศพระก็ได้นี่คะ ?
ตอบ : เป้าหมายนั้นไม่ใช่เป้าหมายของฆราวาสแล้ว มาตอนที่หลังจากรับกฐินแล้วลากลับบ้าน สิ่งที่พี่น้องญาติโยมเขาปฏิบัติกับอาตมา รู้สึกว่าไม่ใช่เราคนเดิม ก็เลยเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า "นี่ไม่ใช่บ้านของเรา อยู่ไม่ได้แล้ว..!" รู้สึกร้อนไปหมด อยู่บ้านได้สิบกว่านาทีเท่านั้น ก็ขอตัวหนีไปนอนกับหลวงปู่มหาอำพันที่วัดเทพศิรินทร์ฯ แทน ตั้งแต่นั้นมาความคิดจะกลับบ้านไม่มีอีกเลย บอกตัวเองเลยว่า "นี่ไม่ใช่บ้านของเราแล้ว" ในเมื่อไม่ใช่บ้านของเราแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ต้องลากถูลู่ถูกังบวชไปเรื่อย ๆ
พระใหม่ท่านสงสัยว่า นอกจากไปกิจนิมนต์หรือธุระแล้ว ไม่เคยกลับบ้านเลยหรือ ? อาตมาบอกว่า ไม่รู้ว่าจะกลับไปทำไม มีญาติโยมเขาขอร้องให้ไปร่วมงานตรุษจีน ไปได้ ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๓ ก็ไม่ไปแล้ว เพราะเวลาไปเขาถวายเงินแต๊ะเอียกันมา คนนั้นให้ คนนี้ให้ เหมือนอย่างกับว่าเจตนาไปเอาเงิน คนอื่นเขาเต็มใจให้ก็จริง แต่ความรู้สึกของอาตมา ถ้าไปก็แฝงไว้ด้วยความโลภที่ว่า เจตนาไปเอาเงิน ฉะนั้น..ไม่ไปเสียก็หมดเรื่อง
ตั้งแต่นั้นมาเรื่องของญาติของโยม พิธีกรรม ถ้าไม่ใช่สำคัญจริง ๆ ประเภทพ่อตายแม่ตายนี่ไม่ต้องมาชวนไปบ้าน ไม่ไปหรอก บรรดาหลาน ๆ แต่งงานก็นิมนต์หลวงน้า นิมนต์หลวงตา ไม่ต้องนิมนต์หรอก..กูไม่ไป รู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่รู้จะไปทำไม คนไหนที่อาตมาไปทำธุระพอดี แล้วไปงานของเขาได้ เขาก็หน้าบานเป็นจานเชิง หารู้ไม่ว่าอาตมาไปทำธุระ ไม่ได้ตั้งใจมางานเขา แต่ไหน ๆ ผ่านเฉียดไปแล้ว ก็แวะสักหน่อย..แค่นั้นเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-09-2013 เมื่อ 18:26
|