ถาม : การเจริญอนิจสัญญาทำอย่างไร ?
ตอบ : เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง คน สัตว์ วัตถุสิ่งของ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด พูดง่าย ๆ ว่ามองไปทางไหนก็ต้องเห็นให้ได้อย่างนั้น
อย่างเช่น เห็นต้นไม้ก็จากต้นเล็ก ๆ โตขึ้นมาสูงสักคืบ สูงสักศอก สูงสักวา ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ท้ายสุดก็ตาย เห็นคนก็คิดว่า นี่เด็กเล็ก นี่เด็กโต นี่หนุ่มสาว นี่วัยกลางคน นี่คนแก่ เดี๋ยวก็ตายเหมือนกัน จะเห็นลักษณะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีแต่ความเป็นอนิจจัง หาความแน่นอนไม่ได้ ของทุกอย่างก็เห็นลักษณะเดียวกัน แม้แต่ของที่แข็งแรงอย่างเรือนชานบ้านช่อง ตอนนี้ใหม่อยู่อีกไม่นานก็ค่อย ๆ เก่า ท้ายสุดไม่เกิน ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีก็พังหมดเหมือนกัน
ถาม : แรก ๆ ก็คือจำ ?
ตอบ : ตอนแรกก็คือรู้ในลักษณะที่ศึกษามาว่าเป็นอย่างนั้น แต่พอพิจารณาไป ๆ ปัญญาถึง สภาพจิตจะยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นอย่างนั้น ถ้ายอมรับจริง ๆ เมื่อไรนั้นถึงจะเป็นของแท้
ถาม : แล้วนิโรธสัญญา ?
ตอบ : อันนั้นอยู่ในลักษณะของนิโรธสมาบัติเลย เข้าถึงความดับ โลกียะก็ไม่เอา โลกุตระก็ไม่เอา ผ่ากลางไปพอดี ๆ เลย อันนี้เป็นเรื่องอธิบายยาก ค่อย ๆ ทำให้ถึง
ถาม : ถ้า... ?
ตอบ : อย่าเดา ถ้าเดาเดี๋ยวผิด เรื่องของธรรมะ “คิดว่า คาดว่า” ไม่ได้ ต้องประเภทเข้าถึงแล้วเป็นปัจจัตตัง อธิบายเป็นภาษาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนอื่นพูดมาเราจะรู้ว่าใช่
ถาม : นิโรธสัญญาเป็นกรรมฐานที่นอกจากกรรมฐาน ๔๐ หรือครับ ?
ตอบ : จะว่าไปแล้วก็อยู่ในกรรมฐาน ๔๐ นั่นแหละ เพียงแต่ว่าบุคคลที่ทำจนคล่องตัวจริง ๆ ก็เหมือนอย่างกับต่อยอดขึ้นไปได้อีกหน่อย อยู่ในระหว่างของโลกียะและโลกุตระ อยู่ในระหว่างกึ่งกลางของสมถะและวิปัสสนา ไม่เอาอะไรเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2013 เมื่อ 02:29
|