แต่ถ้านักประวัติศาสตร์ที่ดีจริง ๆ ก็ต้องดึงตัวเองออกจากเหตุการณ์ไปเลย ทำเหมือนผู้ดู แล้วก็เขียนตามที่ตนเห็นทั้งสองฝ่าย ก็จะได้ภาพที่เป็นจริงโดยปรุงแต่งน้อยที่สุด แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ทำ บางทีก็ไม่แน่ว่าจะเป็นความจริง
ดูอย่างพระนางบูเช็กเทียน ที่จีนกลางเขาเรียกอู่เจ๋อเทียน คนนั้นก็ว่าท่านไม่ดี คนนี้ก็ว่ามักมากกามคุณ คนนั้นก็ว่าโหดเหี้ยมชั่วร้าย แต่ราชวงศ์ถังสมัยของท่านเจริญรุ่งเรืองที่สุด ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ก็เพราะว่าตัวเองเอามุมมองของตัวเองไปมองแทน บูเช็กเทียนจากนางสนมเล็ก ๆ ก้าวขึ้นมาถึงระดับนั้น ถ้าไม่จัดการคู่แข่งอย่างเฉียบขาดใครจะไปเกรงใจ
พอก้าวขึ้นไปเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ท่านมีแนวคิดว่า ในเมื่อฮ่องเต้ผู้ชายหาสนมมาสามพันนางเพื่อเสริมบารมี ท่านเป็นฮ่องเต้ผู้หญิงก็จะต้องมีผู้ชายสามพันนายเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติในความรู้สึกของท่าน ส่วนคนทั่วไปไปว่าท่านมักมาก แล้วทำไมผู้ชายที่ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย จำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำว่านอนกับผู้หญิงคนไหน เพราะว่าตั้งสามพันกว่าคนกลับไม่โดนด่า ?
ฉะนั้น..อยู่ที่มุมมองของตัวเอง โดยที่ไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงในตอนนั้นว่าต้องทำอย่างไร เรื่องบางอย่างต้องคิด ถ้าไม่คิดความเป็นจริงบางส่วนก็โดนปกปิดไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2013 เมื่อ 02:01
|