ถาม : ครูบาอาจารย์ที่ไปพระนิพพานแล้ว ท่านยังมาช่วยเหลือบริวารได้ไหมคะ ?
ตอบ : ในความเป็นจริงแล้วได้ แต่ส่วนใหญ่คนทั่ว ๆ ไปเขาไม่เชื่อ เขาถือว่าไปพระนิพพานแล้วก็จบกัน ไม่มีอะไรเหลือ มีหลายคนเคยบอกกับอาตมาว่า “ไปพระนิพพานแล้วไม่มีอะไรทำก็เบื่อแย่สิ” คนไม่เคยไปนี่ก็เดาไปเรื่อย
ถาม : ส่วนใหญ่เขาสอนกันมาแบบนั้น ว่าเข้าพระนิพพานก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกมนุษย์แล้ว
ตอบ : ในอรรถกถาจารย์เขาบอกไว้ชัดว่า บุคคลที่พ้นคุกไปแล้วสามารถกลับมาเยี่ยมคนในคุกเมื่อไรก็ได้ แต่บุคคลในคุกต่างหากที่ออกไปไหนไม่ได้จนกว่าจะหลุดพ้น ก็เลยกลายเป็นว่าความเชื่อกับความจริงเป็นคนละอย่างกัน
ส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าพระนิพพานสูญ ตายแล้วไม่มีอะไร วันก่อนโยมก็ไปถามว่าพระนิพพานมีจริงหรือ ? อาตมาก็บอกกับโยมว่า “เสียเวลาที่จะคุยเรื่องอย่างนี้ ตราบใดที่โยมยังเป็นปลา แล้วอาตมาเป็นเต่า คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก เพราะคนหนึ่งอยู่ในน้ำ คนหนึ่งอยู่บนบก จนกว่าโยมจะยอมเป็นเต่าอย่างอาตมา หรืออาตมากลับไปเป็นปลาอย่างโยมจึงจะคุยภาษาเดียวกันได้” ของอย่างนี้ต้องทำเอง ถึงเอง ถึงจะรู้เห็นเอง เราไปยืนยันอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสงสัยอยู่นั่นแหละ เสียเวลาไปคุยด้วย
ถาม : แสดงว่าครูบาอาจารย์ที่ไปพระนิพพาน ท่านก็ยังสงเคราะห์บริวารได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ท่านจะคอยดูอยู่ด้วยความเมตตากรุณาที่มีประจำใจ ถ้าสามารถที่จะช่วยเหลือให้เราเดินตรงทางได้ก็พยายามช่วยขนาบ แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความพยายามของเราเองด้วย ไม่ใช่ว่าท่านช่วยดึงเราไปพระนิพพานได้ ท่านแค่พยายามตะล่อมเราตรงทางเท่านั้น ถ้าไปไกลมากก็ต้องพยายามดึงหน่อย ออกไปโน่นแล้วจะทำอย่างไรให้โค้งกลับมาเส้นทางเดิมได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2013 เมื่อ 10:08
|