ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 01-05-2013, 23:09
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,490 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

คราวนี้ ความดีไม่ได้จะต้องเสียเงินเสียของอยู่ตลอด
ทานมัย
ความดีเกิดจากการให้ทรัพย์สินสิ่งของแก่คนอื่น หรือว่าให้ความรู้ก็ได้ ให้อภัยก็ได้ เขาเรียกว่าเป็น ธรรมทาน อภัยทาน
สีลมัย
บุญเกิดจากการรักษาศีล มีผลมากกว่าให้ทานเป็นร้อยเท่า เพียงแต่ตั้งหน้ารักษาสิกขาบทให้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่านั้น
ภาวนามัย
บุญเกิดจากการทำสมาธิ ภาวนา มีผลมากกว่าศีลเป็นอีกร้อยเท่า ก็ไม่เสียอะไรเลย
อปจายนมัย
อ่อนน้อมถ่อมตนกับคนอื่น คนเขาเห็นเย็นตาเย็นใจ เกิดความรักใคร่เมตตา ทำให้บุญกุศลเกิดขึ้น เนื่องจากความเย็นตาเย็นใจที่คนอื่นเขาเห็น เกิดความเมตตาต่อเรา ก็เลยได้บุญตรงนั้น
เวยยาวัจจมัย เห็นคนอื่นเขาทำบุญ ช่วยให้งานบุญเขาสำเร็จ
ปัตติทานมัย
ทำบุญแล้วอุทิศให้คนอื่นเขา สิ่งที่เราทำมาโดยยาก ยังตั้งใจแบ่งให้คนอื่นเขา กำลังใจประกอบไปด้วยเมตตากรุณา ขนาดนั้นก็เลยเป็นบุญ
ปัตตานุโมทนามัย
เห็นคนอื่นทำดีพลอยยินดีด้วย แทนที่จะอิจฉาริษยาก็ยินดีในบุญเขา
ธัมมัสสวนมัย
ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติก็เป็นบุญ
ธัมมเทสนามัย
ทำได้แล้วสอนคนอื่นต่อก็เป็นบุญ
ทิฏฐุชุกรรม มีความเห็นถูกว่าพระพุทธเจ้าสอนมานั้นดีจริง เราจะทำตาม

สรุปแล้ว เราทำบุญได้ทุกวัน โดยไม่ต้องเสียอะไรเลยก็ได้ เพียงแต่วิธีทำบางคนเขาไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ก็เลยทำไม่ถูก มีแต่ทานมัยบุญที่สำเร็จด้วยการให้เท่านั้นที่จะเสียของ แต่ถ้าเราให้เป็นธรรมทาน คือสอนเขาก็ดี เป็นอภัยทาน คือรู้จักปล่อยวาง รู้จักละเว้นเขาก็ดี เป็นบุญทั้งนั้น

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2013 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา