คราวนี้เทวดาท่านทำงานก๊อกแก๊ก ๆ ขนของอยู่ทั้งคืน เทวดาท่านมีรัศมีกายสว่าง เหมือนกับเปิดไฟไว้ในคลัง สินค้าของเศรษฐีต้องตกน้ำไปเพราะว่าคลังสินค้าพัง เศรษฐีท่านก็สร้างคลังสินค้าใหม่ เตรียมรอว่าถ้ากองเรือกลับมาเมื่อไร จะได้เอาสินค้าขึ้นมาเก็บได้ เทวดาท่านก็ไปงมสินค้ามาใส่คลัง
เศรษฐีก็ตื่นขึ้นมากลางดึก มองไป เฮ้ย! ใครทำอะไรอยู่ในคลัง สว่างขนาดนั้น แล้วมีเสียงดังอยู่ด้วย เศรษฐีท่านก็เข้าไปถามว่าใครอยู่ในนั้น ? เทวดาก็โผล่หน้ามาสารภาพว่า “ผมเองครับ” ถามว่าแล้วท่านทำอะไรอยู่ ? ก็บอกไปงมสินค้ามาคืน แล้วตอนนี้กองเกวียนของท่านที่ไปค้าขายต่างเมืองก็ตามมาให้แล้ว กองเรือก็จวนจะมาถึงแล้ว ขอให้ท่านเศรษฐีอภัยให้ด้วย เศรษฐีก็บอกว่า ถ้าหากทั้งหมดนั่นกลับคืนมา จะให้อภัย แต่ว่าก่อนจะให้อภัย เธอต้องไปกราบขอขมาพระพุทธเจ้าด้วย เทวดาก็ยอมรับ ไปกราบขอขมาพระพุทธเจ้า เศรษฐีถึงยอมอภัยให้ พอสินค้ากลับคืนมา ค้าขายได้ใหม่ เศรษฐีก็กลับมาร่ำรวยเหมือนเดิม
เรื่องนี้เราจะเห็นว่า ต่อให้เขาเคยทำบุญในอดีตมามากขนาดไหนก็ตาม กลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีก็ตาม แต่ว่าเราไม่ได้ทำบุญมาตลอด ก็มีส่วนที่สร้างกรรม สร้างความชั่วอยู่ด้วย ถึงเวลาผลกรรมมาสนอง กลายเป็นคนจนชั่วคราวไปเลย
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2013 เมื่อ 10:24
|