ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 30-04-2013, 01:39
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,490 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

ถึงแม้ว่าท่านจะจนก็จนอย่างเศรษฐี ท่านยังเลี้ยงพระวันละ ๕๐๐ องค์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากข้าวมธุปายาส มาเลี้ยงข้าวต้ม ซึ่งเขาเรียกว่าข้าวปลายเกวียน คือเอาปลายข้าวมาต้ม แล้วก็ใส่น้ำผักดองไปให้เค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ หน่อยเท่านั้น ในเมื่อเลี้ยงพระในลักษณะนั้น ที่ทนไม่ไหวก็คือเทวดา เทวดาที่รักษาฉัตรอยู่

สมัยก่อนใครจะเป็นมหาเศรษฐีต้องมีเงินอย่างน้อย ๘๐ โกฏิ ก็คือ ๘๐๐ ล้าน ต้องมีเงินต่ำสุดประมาณแค่นั้น พระราชาจะมอบฉัตร ๓ ชั้นตั้งให้เป็นมหาเศรษฐี สมัยนั้นพวกเศรษฐีมีความสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจของบ้านเมืองมาก บ้านไหนเมืองไหนมีเศรษฐีเยอะ เศรษฐกิจจะดี

คราวนี้เทวดาที่รักษาฉัตรอยู่ ทนไม่ไหวโผล่หน้าออกมา ห้ามเศรษฐีว่าอย่าทำบุญเลย ตัวเองยากจนถึงขนาดนี้แล้ว ยังมัวแต่ไปทำบุญให้สิ้นเปลืองอีก อนาถปิณฑิกเศรษฐีท่านก็ไม่พอใจ ท่านก็ไล่เทวดา อัปเปหิ เธอจงไป คนเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างเธอเราคบกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนเราว่าทานเป็นของดี เพราะฉะนั้น..สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เราเชื่อว่าดีจริง เราจะทำต่อไป

อนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านเป็นพระอริยเจ้า กำลังของท่านสูงมาก ในเมื่อท่านไล่เทวดา เทวดาก็อยู่ไม่ได้ เดือดร้อนต้องหาที่อยู่ใหม่ เพราะท่านเหมือนรุกขเทวดา ต้องอาศัยวิมานไปแปะฉัตรอยู่ ไม่มีที่จะอยู่ก็ต้องเดือดร้อน ร่อนเร่ ก็วิ่งโร่ไปฟ้องพระอินทร์ว่าโดนเศรษฐีไล่มา ขอให้พระอินทร์ช่วย พระอินทร์บอกว่าช่วยไม่ได้หรอก เศรษฐีท่านนั้นเป็นพระโสดาบัน อำนาจของท่านสูงกว่า

ในเมื่อช่วยไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ? พระอินทร์ก็บอกว่า เอาอย่างนี้สิ..เธอจงไปชักนำเอากองเรือของเศรษฐีที่หลงทางในทะเลให้กลับมา ไปตามกองเกวียนให้กลับมา สินค้าของเขาที่ตกน้ำก็ไปงมคืนมา แล้วไปขอโทษเศรษฐี ท่านคงจะให้อภัย เทวดาเลยกลายเป็นคนใช้ไปท่านต้องไปไล่ต้อนเรือเขากลับ ไปไล่ต้อนเกวียนเขากลับ ต้องไปงมสมบัติเขากลับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2013 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา