พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการทำบุญบ้านนั้น อันดับแรกก็คือตัวคนทำได้ซึ่งบุญกุศลนั้นไป อันดับต่อไปก็คือมีการอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายที่รักษาบ้าน เมื่อท่านได้รับบุญกุศลนั้นไป มีความสุขมากขึ้น มีศักดานุภาพมากขึ้น ท่านก็สามารถที่จะดูแลสงเคราะห์ให้เราได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
อันดับต่อไป คือ ญาติโยมทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว รอซึ่งส่วนกุศลจากเรา ถ้าเราทำบุญแล้วได้อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไป โดยเฉพาะในเรื่องของบุญกุศลนั้น ถ้าไม่อนุญาตเขาก็ไม่สามารถที่จะโมทนาและรับสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของได้ ดังนั้น..ถ้าเราไม่ได้เอ่ยอุทิศให้แก่ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป บางทีเขาก็ได้แต่รออยู่ หลายรายก็ร้องไห้คร่ำครวญไปเลย ว่าทำไมถึงไม่อุทิศให้แก่เขาเสียที ส่วนใหญ่แล้วอาตมาเคยใช้คำพูดว่า "ตอนเป็นคนบางทีก็โง่ ไม่รู้ว่าความดีเป็นอย่างไร แต่พอตายแล้วเห็นฉลาดทุกคน" แต่ว่าตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าถึงเวลาตายแล้วโอกาสทำความดีก็มีน้อย ส่วนใหญ่ก็ต้องรอคนอื่นเขาทำแล้วไปโมทนา บางทีรอแล้วรออีกเขาไม่เอ่ยถึงให้โมทนาเสียที ก็ไม่รู้ว่าจะโมทนาได้อย่างไร"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2013 เมื่อ 14:23
|