"อาตมาเองนั่งฟังท่านตั้งแต่ ๖ โมงเย็นจนถึง ๔ ทุ่ม ก็มานั่งคิดว่าตามกำหนดการเขาให้เราฟังแค่ ๓ ทุ่ม ถ้าเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้ตี ๓ ต้องตื่น แล้วพระที่ไม่เคยชินท่านจะตื่นไม่ไหว ก็เลยสะกิดเข่า ท่านก็ลืมตาดู เห็นอาตมาทำท่าว่า “ขอเวลานอกครับ” ชี้ให้ท่านดูนาฬิกา ท่านหันไปดูแล้วพูดว่า “อ้อ..เวลาก็พอสมควรแล้ว อย่างนั้นคืนนี้เอาแค่นี้ก่อนนะ”
พอออกมาข้างนอก เพื่อน ๆ เฮกันมากเลย เพราะอาตมาเป็นแค่นักเรียนระดับประกาศนียบัตร แต่บังอาจไปเล่นรองเจ้าคณะภาคเสียแล้ว ปริญญาตรีก็เจออย่างนั้นตลอด ๔ ปี คือต้องคอยสะกิดท่าน พอปริญญาโทท่านเห็นหน้าอาตมาท่านจำได้ จำได้ว่าถ้าขืนยาวเลยเวลาท่านโดนแน่ ท่านก็เลยตั้งเวลาของท่าน ก็คือท่านก็หลับตาบรรยายของท่านไปเรื่อย พอถึงเวลา ๒ ทุ่มครึ่งตรงท่านลืมตาบอกว่า “เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้”
ลักษณะนั้นจำไว้เลยนะว่า ต้องคล่องตัวในสมาธิขนาดทรงฌานตั้งเวลาได้ เพราะท่านนั่งหลับตาบรรยาย ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่เลิกตรงเวลาขนาดนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 20:08
|