ฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่พระอาจารย์ลงท้ายจดหมายว่า
"จากใจจริง" ตามชื่อกระทู้ที่ตั้งรอไว้แล้ว
และในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ นี้เอง ที่ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบท
ล่วงเลยมาจนถึงทุกวันนี้ ธรรมะจากใจจริงของท่าน ก็ยังเป็น
ธรรมะร่วมสมัย.......ที่ไม่เคยผิดเพี้ยนไปจากคำเดิม........
( แม้สักเพียงครึ่งคำ )
-------------------------------------------------
บันทึกความทรงจำคุณครูหญิง
จม.หมายเลข ๐๑๙.๑-๐๑๙.๒ / ๔ ก.พ. ๒๙
*** ...โลกไม่ให้ช้ำ ธรรมไม่ให้เสีย... ***
จึงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนถึงทุกวันนี้
-------------------------------------------------
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙
สวัสดีจ้ะน้องหญิง
ขอโทษอีกทีจ้ะที่ตอบช้าเช่นเคย เพราะต้นเดือนต้องไปสอนกรรมฐานที่บ้านสายลม หลวงพ่อมาที่นั่นทุกอาทิตย์ต้นเดือน วกเข้าปัญหาของน้องหญิงดีกว่านะจ๊ะ
๑. กรรมดี-กรรมชั่ว หักล้างกันได้หรือไม่...? ไม่ได้แน่นอนจ้ะ กรรมดีมีหน้าที่คอยหนุนเสริม กรรมชั่วมีหน้าที่ตามสนอง คนทำชั่วไว้มากมีวิธีหนีกรรมชั่วคือ ตั้งหน้าทำความดี “หนี” ความชั่ว ไม่ใช่ทำความดีเพื่อ “หักกลบลบล้าง” ความชั่ว ทำความดีมาก ๆ เข้า กรรมชั่วส่งผลสนองไม่ทัน (ไล่ไม่ทัน) แต่ความชั่วยังรอให้ผลอยู่ ถ้าประมาทหยุดทำความดี ความชั่วตามทัน ก็จะให้ผลทางลบทันทีจ้ะ เพราะฉะนั้น ใครที่รู้ตัวว่าทำความชั่วไว้มาก จงเร่งทำดีหนีชั่วเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด..
๒. การสมาทานศีลไม่จำเพาะเจาะจงว่าผู้ให้ต้องเป็นใคร การสมาทาน เป็นเพียงการบอกกล่าวว่าศีลมีข้อห้ามว่าอย่างไรบ้าง ถ้าเราทราบและตั้งใจงดเว้นตามข้อห้ามนั้น ๆ ก็มีศีลแล้ว ถ้าไม่งดเว้น ให้สมาทานจนปากฉีกถึงใบหูก็ยังเป็นคนไม่มีศีล ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่ากระไรทั้งสิ้น บูชาพระรัตนตรัย แล้วตั้งใจงดเว้นก็ใช้ได้แล้ว
๓. “สังหรณ์” ก็คือทิพจักขุญาณนั่นเอง สังเกตด้วยว่าพี่ไม่ใช่คำว่าตาทิพย์นะจ๊ะ ตาทิพย์ก็คือ “ทิพยเนตร” มีได้เฉพาะโอปปาติกะ (ผี, เทวดา, พรหม, พระบนนิพพาน) เท่านั้น ถ้าเป็นมนุษย์ที่ฝึกฝนได้มาเรียกว่าทิพจักขุญาณ แปลว่า มีความรู้สึก (สังหรณ์) คล้ายกับมีตาทิพย์ และไม่รู้เฉพาะเหตุการณ์ล่วงหน้าเท่านั้น จะเป็นเรื่องดีหรือร้าย ถ้า “สมควร” หรือ “สนใจ” ผู้ได้ทิพจักขุญาณจะรู้ทั้งสิ้น
๔. การรู้ใจคนอื่น คือการทายใจคนอื่นได้นั่นเอง คนที่คล่องมาก ๆ สามารถพูดสิ่งที่ผู้อื่นคิดออกมาได้ทุกประโยค ถ้าทรงอารมณ์ได้ (รักษาเอาไว้ได้) จะรู้ทุกเวลา ถ้าทรงไม่ได้จะรู้เฉพาะตอนฝึกเท่านั้น...
๕. การที่คนเรามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในชาติปัจจุบัน เช่น พ่อ, แม่, ลูก, พี่น้อง, เพื่อนฝูง เนื่องจากการสร้างสมบุญร่วมกันมาในอดีตชาตินั้นอย่างหนึ่ง หญิงเข้าใจถูกต้องแล้ว อีกอย่างคือ เกื้อกูลเอื้อเฟื้อต่อกันจนชอบใจกันในชาตินี้ (เพื่อน, สามี, ภรรยา)
๖. ผู้มีพรสวรรค์ส่วนมาก (๙๙.๙๙%) เป็นเพราะอดีตชาติเคยทำสิ่งนั้นมาแล้วทั้งสิ้น อีก ๐.๐๑% สำหรับอัจฉริยมนุษย์จ้ะ
จบการตอบปัญหาแต่เพียงนี้ น้องหญิงกำลังเรียน มีเวลาว่างค่อยศึกษาด้านนี้ อย่าจับปลาสองมือเดี๋ยวจะพลาด ต้องค่อยเป็นค่อยไป “โลกไม่ให้ช้ำ ธรรมไม่ให้เสีย” จึงถูกต้อง
จากใจจริง
พี่เล็ก
__________________