ถาม : .......แม่ย่านาง ?
ตอบ : ถ้าครูบาอาจารย์ท่านรู้ ท่านเจิมแล้วท่านขอเทวดารักษาให้ บางทีก็เป็นพ่อปู่นายไม่ใช่แม่ย่านาง แต่เรียกแม่ย่านางกันจนชิน
ถาม : ถ้าไม่เชิญท่าน ท่านจะมาหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าไม่เชิญท่านก็ไม่มาหรอก เสียเวลาท่าน คนที่จะเชิญท่านก็ต้องให้ท่านเกรงใจบ้างนะ ถ้าไม่มีที่ให้เกรงใจ อยู่ ๆ ไปเชิญอาจจะได้อะไรมาแทนก็ไม่รู้
ทางปักษ์ใต้จำไม่ไว้ว่าวัดอะไร อยู่แถว ๆ ชุมพร หลวงพ่อท่านเก่งมาก ท่านไปพลีต้นตะเคียนมาทำเรือแข่ง พอถึงเวลาพ้นฤดูกาลแข่งเรือก็ขึ้นคานไว้ เชื่อไหมว่าพอใกล้ถึงฤดูแข่งเรือ เรือจะเลื่อนจากคานลงน้ำเอง พวกชาวบ้านพอเห็นแม่ย่านางลงน้ำก็รู้ เตรียมฝึกซ้อมได้แล้ว อะไรจะเก่งปานนั้น เลื่อนจากคานลงน้ำเอง เรือลำใหญ่มหึมาขนาดนั้นลงเงียบกริบเลย ขนาดคนช่วยกันแบกกันหามยังเอะอะเอ็ดตะโรลั่น อันนี้ท่านไปเองไปเงียบกริบเลย มารู้ก็ตอนลอยลำในน้ำแล้ว
ถ้าเห็นเรือลอยอยู่ท่าน้ำหน้าวัดเมื่อไรก็รู้ได้ว่าเตรียมซ้อม ครองแชมป์จนกระทั่งไม่รู้ว่าจะเอาถ้วยไปไว้ที่ไหน ยังโชคดีว่าสมัยนั้นไม่มีการตระเวนแข่งเหมือนสมัยนี้ ถ้าสมัยนั้นมีพวกรถพ่วงแบบสมัยนี้ คงประเภทคว้าแชมป์ทั่วประเทศ เพราะอันนั้นไม่ใช่กำลังคนเฉย ๆ กำลังคนอย่างเดียวไม่พอ ยังมีแม่ย่านางช่วยอีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-02-2013 เมื่อ 14:52
|