ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 13-01-2013, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,438 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราหมายมุ่งจะไปสู่สุคติภูมิ ละเว้นจากทุคติแล้ว เราก็ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม การที่เราจะเตรียมตัวพร้อมรับความตายนั้น อันดับแรก ต้องนึกถึงความตายว่าจะมีต่อเราทุกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเช่นกัน ในเมื่อความตายมาถึงเราได้ทุกลมหายใจเข้าออก เราก็ต้องเร่งสร้างความดี ความดีที่เราจะสร้างนั้น ก็มีทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย

ความดีในเบื้องต้นคือเรื่องของการให้ทาน การให้ทานนั้นมีทั้งปาฏิปุคคลิกทาน คือทานที่เจาะจงเฉพาะบุคคล อย่างเช่นตั้งใจว่าเราจะใส่บาตรหลวงพ่อรูปนั้น หลวงปู่รูปนี้ เราจะไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อรูปโน้น เป็นต้น การที่เราไปถวายทานกับท่านเพียงรูปเดียว จัดเป็นปาฏิบุคลิกทาน ถ้าต้องการให้เป็นสังฆทาน เราต้องบอกท่านชัดเจนว่า สิ่งที่เราถวายนั้นเป็นสังฆทาน เพื่อที่ท่านจะไม่นำไปกินไปใช้คนเดียว จะเกิดโทษแก่ตัวเองมาก

ลำดับต่อไปคือสังฆทาน ได้แก่ทานที่ถวายต่อหมู่สงฆ์ หมายเอาพระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ซึ่งมีอานิสงส์มากกว่าปาฏิบุคลิกทานเป็นแสน ๆ เท่า เนื่องจากว่าเป็นทานในการต่ออายุพระพุทธศาสนา ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะเลือกว่าเราจะทำบุญกับใคร อย่างเช่น อยากทำบุญกับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ อยากทำบุญกับหลวงพ่อคูณ เป็นต้น พระหนุ่มเณรน้อยอื่น ๆ ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะไม่มีคนทำบุญด้วย ศาสนาก็จะตั้งอยู่ไม่ได้

แต่เมื่อเรามีการถวายสังฆทานที่ไม่เจาะจง หมู่สงฆ์ทั้งหมดต่างมีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อได้บริโภคใช้สอย สามารถที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก ก็จะมีกำลังในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย เมื่อปฏิบัติได้แล้ว นำมาเผยแผ่ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการยังพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ครบถ้วน ๕,๐๐๐ ปี ดังนั้น..การถวายสังฆทานถึงมีอานิสงส์มหาศาล เพราะเป็นทานในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

ส่วนทานด้านอื่นนั้น เป็นทานที่เกิดจากกำลังใจ อย่างเช่นธรรมทาน เราศึกษาปฏิบัติธรรมได้แล้ว ก็นำไปสั่งสอนคนอื่นเขาต่อ อภัยทาน พยายามที่จะตัดความโกรธเกลียดบุคคลอื่นออกจากใจของเรา โดยการพยายามทำความเข้าใจว่า บุคคลที่ทำให้เราโกรธเราเกลียดนั้น เขายังเป็นบุคคลที่มืดบอดอยู่ ในเมื่อเป็นผู้ที่มืดบอด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น เป็นทุกข์เป็นโทษต่อคนอื่นอย่างไร เขาจึงเป็นบุคคลที่น่าสงสาร ไม่ใช่น่าโกรธ เราจึงต้องพยายามให้อภัยทาน นี่ก็คือการสร้างความดีในเบื้องต้นในระดับของทาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา