พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของแม่นาคพระโขนงเกิดขึ้นราว ๆ รัชกาลที่ ๓ สมัยก่อนเวลาเขาเกณฑ์เลข คือบรรดาผู้ชายจะสักเลขไว้ที่ข้อมือข้อแขน บอกสังกัดกรมกองไว้ ถ้าหลวงปู่บุดดายังอยู่ไปขอดูได้ หลวงปู่บุดดาท่านก็ต้องสักเลขเหมือนกัน
เขาเกณฑ์ผู้ชายไปเป็นทหารอยู่ครึ่งปี กลับมาทำนาที่บ้านครึ่งปี ช่วงที่พ่อมากไปเป็นทหารแม่นาคท้องแล้ว กว่าจะครึ่งปีกลับมาทางด้านนี้ก็คลอดลูกตายไปเรียบร้อยแล้ว
เวลาไปขอหลวงปู่บุดดาดูสักเลข จะมีบอกว่าเป็นคนที่เท่าไร พ.ศ.ที่เท่าไร แต่ไม่ได้บอกกรมกองเหมือนสมัยเก่า สมัยเก่าถ้าหนีเกณฑ์ เวลาเขาดูแขนก็รู้ว่าสังกัดไหน หลวงปู่บุดดาท่านเป็นทหาร สมัยหนุ่ม ๆ ท่านหล่อมาก มีสาว ๆ ไปหาถึงที่ ท่านก็บอก "กลับไปเถอะ..ฉันเป็นทหารตัวเมียจ้ะ"
สมัยอาตมาอยู่ชายแดน มีพรรคพวก ๓ - ๔ คนก็สร้างวีรกรรม มีสาว ๆ มาหาก็เอาไปฝากไว้กับแม่ชีที่วัด พวกก็โห่กันทั้งกองร้อย เจอพวกนอกคอก ๓ - ๔ คนนี้ทำเสียสถาบันหมด คือทหารชายแดนไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงเลย บางคนบอกว่า "กูเห็นควายสวยขึ้นทุกวัน..!"
แต่ทหารจะเปลี่ยนกำลังทุก ๔ เดือน พวกผู้หญิงชาวบ้านแถวนั้นก็ต้องหาผัวใหม่ทุก ๔ เดือน เป็นความจำเป็นในการหากินอย่างหนึ่งของเขา เพราะแถวชายแดนเขาค้าของหนีภาษี ค้าของเถื่อนกัน โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นยุทธปัจจัย ถ้าตัวเองมีผัวเป็นทหาร ถึงเวลาเวรของผัวตัวเองเมื่อไรก็ขนของผ่านด่านได้ เขาหากินกันแบบนี้ เขาก็เลยต้องเปลี่ยนผัวกันบ่อยหน่อย
ทหารเขาเปลี่ยนกำลัง ๔ เดือนครั้ง ป้องกันไปสร้างอิทธิพลในพื้นที่ ถ้าไปอยู่นาน ๆ รู้จักคนมาก เดี๋ยวจะมีอิทธิพลมาก จึงต้องเปลี่ยนกันทุก ๔ เดือน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2012 เมื่อ 17:38
|