"ตามประวัติเล่าว่า สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดพระเชตุพนฯ ป่วยเป็นอหิวาตกโรค ซึ่งสมัยนั้นคนเป็นโรคนี้ตายอย่างเดียวเลย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จไปเยี่ยม พอเห็นเข้าก็ตรัสว่า สมเด็จพระอุปัชฌาย์ ก็คือสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ได้สร้างพระกริ่งเป็นพระหมอรักษาโรคไว้ จะรีบกลับไปวัดบวรนิเวศน์วิหาร เพื่อไปอัญเชิญพระกริ่งมาทำน้ำมนต์รักษาโรคให้
สมเด็จพระวันรัต (แดง) กราบทูลว่า ถ้าเป็นพระกริ่งของสมเด็จมหาสมณเจ้าฯ นั้น ไม่ต้องกลับไปวัดบวรฯ หรอก ที่นี่ก็มีอยู่องค์หนึ่ง จึงอัญเชิญพระกริ่งออกมา สมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงทำน้ำมนต์ให้ พอฉันเข้าไปแล้วหายจากอหิวาต์จริง ๆ
เราจะเห็นได้ว่า แม้กระทั่งบุคคลที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ง่าย ๆ อย่างสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็ยังให้ความเคารพ ยังเชื่อถือในวัตถุมงคลที่สมเด็จพระอุปัชฌาย์ของท่านสร้างขึ้นมา ตำราพระกริ่งเมื่อสืบทอดมาจากสมเด็จพระวันรัต (แดง) ก็มาโด่งดังในสมัยสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม
ที่ดังเพราะว่าสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ท่านเล่นแร่แปรธาตุมาก่อน สมัยนั้นมักจะนิยมหลอมโลหะให้เป็นทอง ในเมื่อท่านได้ตำราสร้างพระกริ่งมา ก็อาศัยความสามารถพิเศษในการเล่นแร่แปรธาตุ ผสมนวโลหะเพื่อหล่อพระกริ่ง ท่านเล่นแร่แปรธาตุขนาดที่ว่า หลอมโลหะแต่ละครั้งใช้ถ่านหมดไปหลายลำเรือ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2012 เมื่อ 01:26
|