ในส่วนของบุคคลทั่วไป ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรม ไม่ควรสนใจจริยาของบุคคลอื่น แต่ถ้าจะสนใจจริยาของคนอื่นนั้น ให้ดูในลักษณะที่ว่า บุคคลนี้ประพฤติดีแล้ว ถูกต้องแล้ว สมควรที่เป็นแบบอย่างให้เราประพฤติปฏิบัติตาม แล้วก็เอาตัวอย่างนั้น ๆ มาประพฤติปฏิบัติ เพื่อสร้างความเจริญให้แก่ตัวเรา เมื่อเห็นบุคคลที่ทำไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมก็ตาม เราก็เอามาเป็นบทเรียนสอนใจว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะไม่กระทำอย่างเด็ดขาด
แต่ในส่วนของการสนใจจริยาคนอื่นเพื่อเป็นบทเรียนแก่ตนนั้น ก็ต้องระมัดระวังไว้ อย่าให้เกิดตัวปฏิฆะหรืออารมณ์กระทบขึ้น เพราะถ้าเกิดปฏิฆะเมื่อไร เราก็จะมีความโน้มเอียงไปในทางที่จิตใจเศร้าหมอง ก่อให้เกิดรัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นในใจของเรา
ดังนั้น..ครูบาอาจารย์จึงมักจะเตือนว่าอย่าสนใจในจริยาคนอื่น โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเตือนลูกศิษย์อยู่เสมอ ท่านบอกว่าให้ใช้ อัตตนา โจทยัตตานัง คือการกล่าวโทษโจทย์ตนเองเอาไว้เสมอ ว่าเรายังมีข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องที่ใดบ้าง แล้วพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อให้มีกาย วาจา และใจที่ดีขึ้นกว่านี้
และให้ใช้ นิสสัมมะ กะระณัง เสยโย คือใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงคิด จึงพูด จึงทำ ดังที่ผู้รู้บางท่านกล่าวว่า ให้คิดทุกอย่างที่เราจะทำ แต่อย่าทำทุกอย่างที่เราคิด ถ้าเรารู้จักตักเตือนตัวเองก่อน เราก็จะกระทำในสิ่งที่ถูกที่ควรมากกว่า โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อยลง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2012 เมื่อ 02:55
|