พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปทองคำต้องวางโครงการระยะยาว เพราะว่าถ้าไปรอตอนนั้นบางทีอาจจะทำไม่ไหว ต้องดำเนินการล่วงหน้าจะได้ไม่เครียด
ทองคำที่หล่อพระต้องใช้ประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ทอง ๔๐ กิโลกรัมนี่เททิ้งไปเป็นครึ่ง เพราะว่าเขาต้องต่อท่อชนวน เพื่อจะให้น้ำทองแล่นถึงกันให้ทั่ว ถ้าไม่มีชนวนก็จะเป็นฟองอากาศ กลวงโบ๋อยู่ข้างใน ทองส่วนที่เททิ้งไปนั่นแหละเยอะมาก ก็เลยกลายเป็นว่าต้องใช้เงินเป็น ๑๐ ล้านบาท เรามีเวลาดำเนินการแค่ ๖ ปี ได้เงินปีละล้านยังไม่พอใช้จ่ายเลย อาตมาไม่ค่อยชอบเสี่ยงอะไร เพราะแก่แล้ว..เหนื่อย..เอาแบบประกันความเสี่ยงดีกว่า ค่อย ๆ เก็บสะสมไปก็แล้วกัน
สมัยหลวงปู่พุก อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านก็มีพระพุทธรูปรัชกาล ๒ องค์ กับธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้ เป็นผลงานที่อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ ถ้าเราจัดพิพิธภัณฑ์ก็ต้องบันทึกไว้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ถวายแก่หลวงปู่พุก
สมัยหลวงปู่เต๊อะเน็งท่านร่วมกับหลวงพ่ออุตตะมะ สร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง มาชำรุดหมดสภาพสมัยท่านอาจารย์สมเด็จ อาตมาเพิ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ นี่ก็เป็นผลงานคู่วัดของท่าน
พอมาถึงสมัยหลวงปู่สาย ท่านสร้างเจดีย์พระพุทธเจติยคีรี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเขา เป็นเจดีย์ที่คนทั้งอำเภอต้องมาไหว้ แล้วก็สร้างสะพานแขวนหลังวัด นั่นก็เป็นผลงานชั่วฟ้าดินสลายของท่านเหมือนกัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 26-02-2019 เมื่อ 12:10
|