กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เก็บตกงานหล่อสมเด็จองค์ปฐม - หลวงปู่ปาน - หลวงพ่อวัดท่าซุง (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4877)

เถรี 02-03-2016 16:40

เก็บตกงานหล่อสมเด็จองค์ปฐม - หลวงปู่ปาน - หลวงพ่อวัดท่าซุง
 
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่จะสมัครบวชร่วมฉลอง ๑๐๐ ปีเกิดหลวงพ่อวัดท่าซุง ยังคงรับสมัครไปเรื่อยจนถึงวันที่ ๙ มิถุนายน ขอเตือนว่าสมัครแล้วอย่าถอนตัวเป็นอันขาด ถ้าถอนตัวแล้วอาตมาจะจับขึ้นบัญชีดำ และจะไม่ให้บวชที่วัดท่าขนุนอีกตลอดชีวิต เพราะว่าพอท่านสมัครเข้ามาแล้ว ทางวัดจะตั้งฉายาพระเอาไว้ ซึ่งการตั้งฉายาพระนั้น เพื่อความสะดวกของพระคู่สวดท่าน ในการสวดกรรมวาจานุสาวนา แต่ปรากฏว่าพอท่านไปถอนตัวแล้ว ทำให้ลำดับอื่นต้องเลื่อนขึ้นมาแทน แล้วฉายาที่ตั้งไว้ให้สวดได้คล่อง สวดได้ลื่น ก็กลายเป็นสะดุดไป สร้างความลำบากให้แก่พระกรรมวาจาจารย์ พระอนุสาวนาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

คราวที่แล้วตอนงานบวช ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ถอนตัวกันไปหลายสิบรูป ทำให้พระกรรมวาจาจารย์ พระอนุสาวนาจารย์ต้องเดือดร้อนในการสวดญัตติและอนุสาวนา ดังนั้น...งวดนี้ใครถอนตัวก็ถอนไปตลอดชีวิตเลย ไม่ต้องมาสมัครใหม่ โดยเฉพาะงานนี้อาตมาเป็นพระอุปัชฌาย์เองเป็นครั้งแรก เพิ่งจะสอบเสร็จเมื่อวันก่อนนี้เอง ยังปรารภกับหลวงตาวัชรชัยว่า “ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมหลวงตาไปหงิกหมดสภาพกลางสนามสอบให้เขาหามออกมา” เพราะว่าเป็นอะไรที่เคร่งเครียดมาก ระยะเวลา ๑๗ วันที่เข้าไปสอบ ต้องสอบถึง ๘ รอบ ประมาณวันเว้นวันเลย"

เถรี 02-03-2016 16:56

"สอบรอบจังหวัดมีภาคปฏิบัติ ๑ รอบ วิชาการ ๑ รอบ สอบรอบภาค ๔ จังหวัด ภาคปฏิบัติ ๑ รอบ วิชาการ ๑ รอบ สอบรอบหนมี ๖ ภาค ๒๓ จังหวัด ภาคปฏิบัติ ๑ รอบ วิชาการ ๑ รอบ แล้วสอบรอบรวมทั่วประเทศภาคปฏิบัติ ๑ รอบ วิชาการ ๑ รอบ ไม่มีเวลาพักเลย เพราะพลาดแม้แต่นิดเดียวต้องซ่อม ซ่อม ๒ ครั้งถ้าไม่ผ่านตกก็ตก ตกแล้วโดนตัดสิทธิ์ด้วย ปีหน้าไม่ต้องมา อย่างน้อยต้องเว้นไปปีหนึ่งถึงมาใหม่ได้เพราะถือว่าให้เวลาไปซ้อมให้ดีกว่านี้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงได้เข้าใจว่า ทำไมเรื่องพระอุปัชฌาย์ถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ โดยเฉพาะปีนี้เป็นที่โหดที่สุด อาตมามักจะดวงยากเข็ญ ได้อะไรง่าย ๆ กับใครรู้สึกว่าจะไม่สมศักดิ์ศรี เพราะว่าเขาเปลี่ยนมาใช้การบวชแบบ "อุกาสะฯ" เหมือนกันทั้งประเทศ ขณะที่กาญจนบุรี ๖๐๐ กว่าวัดกับอีก ๙๐ สำนักสงฆ์ ไม่มีสำนักไหนบวชแบบ "อุกาสะฯ" เลยแม้แต่สำนักเดียว มีแต่บวชแบบ "เอสาหังฯ" ทั้งหมด

ทางสมัชชามหาคณิสสร ซึ่งประกอบไปด้วย
เจ้าคณะหนใหญ่ ๔ หน รวมกับเจ้าคณะภาคและรองเจ้าคณะภาคทั้ง ๑๘ ภาค มีมติรวมกันว่า พระภิกษุสามเณรในสังกัดมหานิกาย ควรจะกลับไปใช้การบวชแบบ "อุกาสะฯ" ซึ่งเป็นของมหานิกายโดยตรงมาแต่โบราณ และปีนี้เป็นครั้งแรกในรอบ ๒๓ ปี ที่เปลี่ยนตัวประธานคุมสนามสอบ จากท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ไปเป็นท่านเจ้าคุณพระพรหมโมลี เปลี่ยนตัวเมื่อไรก็เท่ากับเปลี่ยนระบบการทำงานด้วย แต่ว่าถ้าผ่านไปได้ก็จะเป็นตัวอย่างให้แก่รุ่นอื่น ๆ ว่า รุ่นนี้มีเวลาเตรียมตัวน้อยยังผ่านไปได้ ฉะนั้น...รุ่นพวกคุณมีเวลาเตรียมตัวมาก อย่ามีข้ออ้างเป็นอันขาดว่าผ่านไม่ได้"

เถรี 02-03-2016 16:58

"เมื่อช่วงที่สอบพระอุปัชฌาย์ อาตมาได้วัตถุมงคลมาชิ้นหนึ่ง ถูกใจมากเลย เป็นมีดหมอเล่มหนึ่ง เป็นมีดหมอจากสำนักที่ไม่มีชื่อเสียงในการทำมีดหมอเลย ก็คือมีดหมอของหลวงพ่อทบ วัดชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งรับประกันว่าในชีวิตน้อยคนที่จะได้เห็น ว่ากันว่าท่านใส่พานวางไว้ข้างที่นอนท่านประจำ คนที่บังอาจจิ๊กมาก็เอามาส่งต่อให้ อาตมาถือว่าเป็นของขวัญวันฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ก็แล้วกัน

อุ-ปัช-ฌาย์ พวกเรามักจะออกเสียงเป็น อุป ซึ่งผิด ฉะนั้น...บรรดานาคที่มาท่องขานนาคต้องจำไว้ อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ ถ้าออกเสียงผิด เป็นอักขระวิบัติ เดี๋ยวบวชมาเป็นพระเณรไม่เต็มองค์"

เถรี 02-03-2016 17:00

ถาม : หล่อพระวันนี้ พระอาจารย์จะเอาชนวนสมเด็จองค์ปฐม ๔ ศอกที่หล่อคราวก่อนใส่ด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใส่...จะตุนเอาไว้ใช้ตลอดชาติ ไม่ยอมหลอมเด็ดขาด ...(หัวเราะ)... จะสร้างวัตถุมงคลกี่ครั้ง ก็มีชนวนหล่อสมเด็จองค์ประธานวัดท่าขนุน ชนวนสมเด็จองค์ปฐม ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษี ชนวนรูปหล่อหลวงปู่ปาน-หลวงพ่อฤๅษี ใช้ไปทั้งชาติ จะใส่แบบไม่เกรงใจด้วย ใส่ทีหนึ่งเป็น ๑๐ กิโลกรัมเลย

เถรี 02-03-2016 17:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๗ มีนาคม วันทำบุญบ้านวิริยบารมี อาตมาอาจจะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติธรรมของพระอุปัชฌาย์ใหม่ จะลองดูว่าท่านเจ้าคุณประเสริฐ (พระภาวนาพิศาลเมธี) ซึ่งเป็นประธานวิปัสสนาจารย์จะยอมให้ลาหรือเปล่า ?

ความจริงอาตมามีวิธีนะ โบราณเขาเรียก นะจังงัง แต่ไม่อยากจะใช้ แม้กระทั่งเรื่องการสอบพระอุปัชฌาย์ หรือการสอบทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงมีความสามารถพิเศษก็ไม่ใช้ เหตุที่ไม่ใช้เพราะว่าอาตมาต้องการความรู้จริง ๆ ถ้าใช้ความสามารถพิเศษจะเป็นความรู้ฉาบฉวยแค่ช่วงนั้น ถ้าเลยไปแล้วจะจำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้น...อาตมาก็มักจะใช้ความสามารถตัวเองในการสอบเสมอ

อาจจะไปกราบขอพรพระ ขอพรครูบาอาจารย์ แต่จะใช้ความสามารถตัวเองในการสอบ เพื่อที่จะได้มีความรู้เหลืออยู่ในหัวบ้าง แต่การลามางานทำบุญบ้านไม่ใช่การสอบ ถ้าหากท่านเจ้าคุณประเสริฐไม่ให้ลา ก็อาจจะโดนนะจังงัง ไม่รู้ว่าปล่อยให้ลาไปได้อย่างไร ?"

เถรี 02-03-2016 18:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานเป่ายันต์เกราะเพชร อาตมาจะเอาพระขุนแผนเกราะเพชรมาเข้าพิธี กำลังตัดสินใจว่าจะให้โยมร่วมบุญไปเลยไหม ? ส่วนปลายเดือนต้องรอให้ท่านเจ้าคุณประเสริฐหรือท่านเจ้าคุณพระภาวนาพิศาลเมธี เปรียญธรรม ๘ ประโยค พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา จะดูว่าท่านให้ลาไหม ? ถ้าไม่ให้ลา ญาติโยมก็ช่วยกันทำบุญบ้านวิริยบารมี โดยที่อาตมาเอาใจช่วยอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าท่านให้ลา ก็จะมานั่งเป็นประธานในงานทำบุญ

ส่วนเดือนเมษายนก็น่าจะงานหนัก เพราะโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระยะที่ ๓ กำลังเร่งรัดเข้ามา เดือนพฤษภาคมกำลังให้เขาทำโปรแกรม อาตมาจะไปปากีสถาน ให้ตาลีบันจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ยังไม่รู้ว่าจะไปปลายเดือนเมษายนหรือว่าจะไปต้นเดือนพฤษภาคมดี"

เถรี 02-03-2016 18:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของหวยเป็นบุญเก่าที่เราทำโดยไม่ได้ตั้งเจตนามาก่อน อย่างเช่นว่าไม่รู้ว่าวัดนี้มีงานหล่อพระ ไปเห็นเขาหล่อพระก็ร่วมทำบุญกับเขาไปเลย บุญที่ไม่ได้ตั้งเจตนามาก่อน ส่วนใหญ่จะมีอานิสงส์เป็นลาภลอยด้านการพนัน ถ้าเราตั้งใจไปก่อนก็จะเป็นเศรษฐีไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปรอลาภลอย ฉะนั้น...ใครที่ถูกหวยบ่อย ๆ แสดงว่าเคยทำบุญที่ไม่ได้ตั้งเจตนามาก่อน"

เถรี 04-03-2016 06:57

มีพระเอาวัตถุมงคลมาถวาย "พระปิดตานะมิ หลวงปู่สี แปลกมาก...วัตถุมงคลทุกชิ้นของหลวงปู่สีอาตมาสละได้หมด ยกเว้นคำหมากของท่าน ...(หัวเราะ)... เพราะหลวงปู่ท่านเคี้ยวเสร็จ ท่านฉีกเศษผ้าอาบม้วนให้ กำลังว่าจะตัดใจก็ แหม...เก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงครูบาอาจารย์ก่อนดีกว่า

บรรดาสิ่งของ ๆ ครูบาอาจารย์ที่เก็บ ๆ เอาไว้มีลูกอมหลวงปู่ปาน ลูกอมหลวงปู่จง ลูกอมหลวงปู่พริ้ง ชานหมากหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์อันนี้กลายเป็นพระธาตุ เป็นหินแข็งโป๊กไปแล้ว ชานหมากหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง ลูกอมหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ลูกอมหลวงปู่ไล้ วัดเขายี่สาร หลวงปู่ไล้นี่คนไทยเรียกเป็นหลวงปู่ร้าย คือท่านร้ายตรงฝีมือ

หลวงปู่ไล้เกิดประมาณรัชกาลที่ ๓ ถ้าถามว่าท่านเก่งอย่างไร ? ท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนเป็นคำนั้น วัดเขายี่สารที่สมุทรสงครามของท่าน ก่อนหน้านี้มีงูเห่าชุกชุมมาก กัดคนเป็นประจำ เขาก็หามไปให้ท่านรักษา ท่านก็เป่าให้หายทุกคน จนกระทั่งท่านรำคาญ ท่านเลยบอกว่า “ไอ้งูเห่าวัดเขายี่สารกัดใครไม่ตายหรอก” ตั้งแต่นั้นมางูเห่าวัดเขายี่สารนอกจากไม่กัดคนแล้ว เจอคนยังหมอบกระแต บางตัวโดนเหยียบตายไปเลย..!"

เถรี 04-03-2016 06:59

"แต่ถ้าหากปล่อยให้ท่านเผลอโดยไม่เจตนาจะกลายเป็นแช่ง แต่บางทีหลุดปากออกไปคนก็เดือดร้อนเหมือนกัน อย่างเช่นว่ามีคนไปเซ้าซี้ท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านบอกว่าแล้วให้ทำอย่างนี้ ๆ เขาก็ถามแล้วถามอีกจนกระทั่งท่านดุว่า "ไอ้นี่ถ้าจะบ้า พูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง" ไอ้เจ้านั่นไม่นานกลายเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ไปเลย พูดไม่รู้ภาษาจริง ๆ

วิชานี้เขาเรียกว่า "วาจาสิทธิ์พระร่วง" หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าจะไปว่าคนอื่นเขา ส่วนอาตมาจดตำราไว้แต่ไม่กล้าใช้ ไม่กล้าภาวนา เพราะกลัวว่าด้วยความที่ตัวเองสติยังไม่ครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มีสิทธิ์ที่จะทำให้ญาติโยมเดือดร้อนได้ มากกว่าจะทำให้เขาเจริญรุ่งเรือง หลวงปู่ไล้วัดเขายี่สารท่านสำเร็จทางด้านนี้ ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่คงเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี หลวงปู่เนื่องเป็นอาจารย์ของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน มาถึงวัดท่าขนุนจนได้

แล้วก็มีลูกอมหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว อันนี้เป็น “ซือโจ้ว” คือ ท่านอาจารย์ปู่ทวด อาตมาเก็บเอาไว้ว่าจะสร้างวัตถุมงคลสักรุ่นหนึ่งก็ยังไม่ได้สร้างสักที"

เถรี 04-03-2016 07:01

"รุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่นี้ คือ ขุนแผนเกราะเพชร ใช้ผงยานัตถุ์จากหลวงพ่อวัดท่าซุงสร้าง คือหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป่ายานัตถุ์เป็นประจำ ต้องยี่ห้อลูกสาวหมอมีด้วย ยี่ห้ออื่นก็ไม่เอา ญาติโยมก็เอาไปถวายท่านมาก พอถวายท่านมาก ยานัตถุ์ต่อให้บรรจุดีขนาดไหนก็ตาม ก็จะต้องมีรั่วมีซึม ท้ายสุดกลิ่นก็เริ่มหมด สีก็จะเปลี่ยนจากสีค่อนข้างดำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็ให้รื้ออออกมาแล้วเลือกเอาขวดที่ยังดีอยู่ให้ท่าน ที่เหลือท่านก็ส่งให้ บอกว่า "แกจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป" อาตมาก็เทรวม ๆ กันใส่แกลลอนเอาไว้ เทไปเทมาได้เป็นแกลลอนเลย เพราะว่ารื้อให้ท่านอยู่หลายปี เฝ้าหน้าห้องท่านอยู่ ๖ ปี รื้อกันอยู่ทุกปี ปีละหลายครั้ง"

เถรี 04-03-2016 07:04

"ท้ายสุดปีนั้นท่านทำพุทธาภิเษก อาตมาก็เอาไปซุกเข้าพิธีด้วย ปรากฏว่าเป็นพิธีที่ท่านเรียกว่า “พิธีพร ๓๐ ประการ” ที่ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ ให้พรไว้ ๓๐ อย่าง อาตมาก็เลยเก็บมาตลอด แล้วแบ่งออกมาครั้งหนึ่งถวายหลวงพ่อสมคิด วัดตะเคียนงาม เผื่อท่านเอาไปสร้างวัตถุมงคลจำหน่ายเพื่อสร้างวัดของท่าน

ปีที่แล้วหลวงพ่อสมคิดเอามาถวายคืน บอกว่า “ถึงผมสร้างพระเองก็คงไม่มีใครสนใจจะบูชา ขอถวายคืนพระอาจารย์ก็แล้วกัน” อาตมาก็เลยตั้งใจสร้างพระที่ระลึก ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุงด้วยผงยานัตถุ์ จะเป็นพระขุนแผนหลังยันต์เกราะเพชร ก็เลยเรียกว่า "พระขุนแผนเกราะเพชร" มี ๒ ขนาด ขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ด้านหลังบรรจุ "ตะกรุดหัวใจขุนแผน" ทั้ง ตะกรุดทองคำ
ตะกรุดนาก ตะกรุดเงิน อย่างละ ๑ ดอก ไม่ใช่อย่างเดียว ๓ ดอก ใครอยากได้ตะกรุด ๓ อย่างต้องบูชา ๓ องค์ถึงจะได้ครบ ส่วนองค์เล็กเป็นเนื้อยานัตถุ์เท่านั้น ไม่ได้ฝังตะกรุด"

เถรี 04-03-2016 07:09

"ตอนนี้ช่างเอามาส่งให้ส่วนหนึ่งแล้ว อาตมากำลังตัดสินใจว่าจะเอาไว้ออกในงาน ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุงเดือนมิถุนายน หรือว่าจะเปิดให้บูชาเลย ต้องบอกว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีการเอายานัตถุ์หลวงพ่อมาสร้าง แล้วก็เชื่อเถอะ...หลังจากนี้จะมีคนเลียนแบบทันที เพราะว่าสมัยนั้นบางทีหลวงพ่อท่านเป่ายานัตถุ์ไปเหลือครึ่งขวด รู้สึกว่าสีกลิ่นรสเริ่มเพี้ยน ท่านก็จะโยนให้คนใกล้ ๆ โยมก็แย่งกันรับ บางคนก็คว้าผ้าเช็ดน้ำมูกของท่านไปทั้งผืนเลย

ตอนนี้ผงยานัตถุ์ที่อาตมาเหลือเก็บไว้ เหลืออยู่ในขวดโอวัลตินขวดเดียว ที่เหลือเทลงไปสร้างพระหมดเลย ฉะนั้น...ใครเข้าไปในห้องของอาตมา เห็นขวดโอวัลตินอย่าเอาไปชงกินนะ สียิ่งคล้าย ๆ กันอยู่ด้วย ต้องไปเขียนป้ายว่ายานัตถุ์หลวงพ่อ เข้าพิธีปี ๒๕๓๒ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมีคนเอาไปชงกินเสียอีก"

เถรี 04-03-2016 07:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "หมาวัดท่าขนุนนี่หัวสูงมาก เลือกกิน ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะอยู่ที่นี่บิณฑบาตอุดมสมบูรณ์ไปหน่อย ไม่ใช่แต่หมาเลือกกิน พระเณรก็เลือกกินด้วย อาตมาก็ทำตัวอย่างให้ดูไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ตอนไปสอบพระอุปัชฌาย์รอบจังหวัด อาตมาไปนอนกลิ้งอยู่หลังพระประธานวัดพระแท่นดงรัง หลวงพ่อพระครูวิบูลกาญจโนภาส รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกามาถึง “อ้าว...อาจารย์เล็ก มานอนตรงนี้เอง” แล้วท่านก็สรุปว่าดี ทำตัวสมกับเป็นพระ กินง่ายนอนง่าย

นอนอยู่หลังพระประธานนั้นดี ปลอดภัย ผีไม่กล้าหลอก พระท่านองค์ใหญ่ ใครกลัวผีนี่ให้นอนหลังพระประธาน อย่านอนข้างหน้า นอนข้างหน้านี่ผีจะหลอกมากเป็นพิเศษ อาตมาขอยืนยัน เพราะว่าเวลาดึก ๆ บรรดาพรหมเทวดาซึ่งอยู่ในพื้นที่ ท่านจะมาไหว้พระกัน ถ้าเราไปนอนขวางหน้าอยู่ท่านก็เขี่ยออก บางคนก็ว่าทำไมเจ้าที่ที่นี่แรงจัง ไม่แรงได้อย่างไร ส่วนใหญ่ท่านใหญ่กว่าเราไม่รู้กี่เท่า ถ้าจะนอนให้แอบนอนหลังพระประธานจะปลอดภัยกว่า"

เถรี 04-03-2016 07:18

"ท่านอาจารย์พระมหาสันติ โชติกโร เปรียญธรรม ๙ ประโยค เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม รองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ไปสอบพระพระอุปัชฌาย์ด้วยกันงวดนี้ ตอนท่านสอบเปรียญธรรมประโยค ๘ ไปติวที่วัดสร้อยทอง ท่านก็ไปนอนหลังพระประธานที่หลังโบสถ์ นอนท่องหนังสือไปเรื่อย ปรากฏว่าเห็นเทวดาเดินออกมาจากหลังพระประธาน ชี้บอกว่า “หน้านี้แหละ” ท่านก็เลยท่องแค่ตรงนั้น ๒ หน้า แล้วออกจริง ๆ ด้วย ท่านก็เลยสอบประโยค ๘ ได้แบบไม่ต้องเหนื่อยกับใครเลย ฉะนั้น...จะให้เทวดารักนี่ให้นอนหลังพระประธาน อย่าไปนอนข้างหน้า นอนข้างหน้านี่อาตมาไม่รับประกันความปลอดภัย

ตอนไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดไร่ขิง อาตมาไปนอนในกุฏิกรรมฐานเล็ก ๆ ประเภทนอนลงหัวท้ายก็ยันพอดี อยู่ใต้ต้นไทร พระครูปลัดประวิทย์ วรธมฺโม ผู้ดูแลสถานที่มาถึงก็ “นิมนต์พระอาจารย์เล็กไปนอนที่หมู่เรือนไทยดีกว่าครับ” ถามว่าทำไม ? “ไม่มีใครกล้านอนเลยครับ” ...(หัวเราะ)... หมู่เรือนไทยอาตมาไปนอนมาแล้ว ตอนไปเป็นประธานวิปัสสนาจารย์งานปฏิบัติธรรมพระนิสิต มจร. นอนสบายดี แต่คนอื่นขึ้นไปนอนแล้วโดนทุกที อาตมาทำตัวอย่างให้ดูเขาก็ไม่จำกัน"

เถรี 04-03-2016 07:21

"ที่หมู่เรือนไทยจะมีรูปสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ หลวงปู่โต วัดระฆัง หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สด วัดปากน้ำ ติดอยู่รูปเบ้อเริ่มเลย รูปใหญ่น่าจะถึงเมตรครึ่ง เรียงเป็นระเบียบอยู่ ๖ รูป คนอื่นขึ้น ๆ ลง ๆ ก็ “งั้น ๆ แหละ” อาตมาขึ้นไปก็กราบ ลงมาก็กราบ ถึงเวลาก็สวดมนต์ แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลเสร็จสรรพแล้วถึงนอน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร นอนได้ตลอดระยะเวลาเดือนครึ่งหรือ ๔๕ วัน แต่พอคนอื่นไปนอนโดนทุกที

ทำตัวอย่างให้ดูแล้วเขาไม่ดูเอง ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร อาตมาก็ไม่อยากจะบอก เพราะว่าพระเราสมัยนี้บางท่านก็สักแต่ว่าบวชไปอย่างนั้นเอง ไปบอกให้ทำอย่างนี้ อาตมาจะกลายเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีไปอีก ฉะนั้น...ก็ปล่อยให้โดนกันให้เข็ด

เดี๋ยวตอนปฏิบัติธรรมของพระอุปัชฌาย์ใหม่ ถ้าไม่มีใครกล้านอนอาตมาจะขึ้นไปยึดเอง เรือนไทยใหญ่มากเลย มีหอกลาง หอขวาง เรือนนก หอนั่ง ครบ ต้องบอกว่าสบายเกินเหตุ แต่กลางคืนนี่เงียบสนิท เป็นบริเวณที่ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้าไปเลย เขายอมไปนอนกุฏิกรรมฐานเล็ก ๆ ประเภทหัวท้ายยันดีกว่า เพราะว่าอย่างน้อย ๆ เพื่อนข้าง ๆ ก็ ๒๐-๓๐ คน แต่อาตมาอยากจะบอกว่าถ้าผีหลอกนะ เพื่อนเยอะก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะเพื่อนจะหลับชนิดที่ถีบก็ไม่ตื่น ถึงเวลาผีเขาทำได้จริง ๆ อาตมาเจอมาตั้งแต่เด็กแล้ว หลับชนิดที่ถีบก็ไม่ตื่น ไม่กระดิกเลย"

เถรี 05-03-2016 16:09

"หลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังเรื่องผีนางไม้ที่วัดบางนมโค ท่านบอกว่าเวลาวัดมีงานจำนวนที่นอนจะไม่พอ ต้องให้ขึ้นไปนอนบนกุฏิหลังที่มีนางไม้อยู่ ท่านเตือนพระทุกรูปว่าให้สวดมนต์ไหว้พระก่อนแล้วค่อยนอน เพราะว่าเจ้าที่แรง พระที่ขึ้นไปมีอยู่รูปหนึ่งท่านดื้อ ท่านไม่ยอมสวดมนต์ ก็ปรากฏว่าเพื่อนพระหลับสนิท ตัวเองอยู่ ๆ ก็ผวาพรวดขึ้นมาโวยวายจนกระทั่งญาติโยมตื่นกันหมด

โยมถามว่าเป็นอะไร ? ท่านบอกว่ามีผู้หญิงใส่ชุดไทยสีทอง ๆ ท่านนอนเอาจีวรคลุมโปง อยู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นมาแหวกจีวรดูหน้า ส่วนเพื่อนอีก ๑ รูปนอนหลับอย่างกับวางยาสลบเลย เอะอะอย่างไรก็ไม่ตื่น ท้ายสุดต้องเขย่าเพื่อนพระขึ้นมา เพื่อนพระก็บอกว่าทำไมไม่สวดมนต์ก่อน ท่านก็ยังดื้ออีก ไม่ยอมสวดมนต์ ยอมลงไปเดินที่ลานวัดจนสว่าง เออ...สมน้ำหน้า..!

สมัยนี้โยมจะไปคิดว่าบวชเป็นพระเข้ามาแล้วจะรู้เรื่องเหล่านี้ทั้งหมด หรือว่าจะเชื่อเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด...ไม่ใช่นะ...ท่านที่เชื่อครูบาอาจารย์บอกกล่าวแล้วทำตาม ก็ได้ประโยชน์เฉพาะตนไป ท่านที่ไม่เชื่อนี่บังคับให้ตายก็
ไม่เชื่อ ต้องปล่อยตัวใครตัวมัน

นางไม้ที่วัดบางนมโคยังอยู่ ถ้าใครจะไปขอหวยให้รีบไป อาตมาไปครั้งสุดท้ายสงสารท่านมากเลย ตอนนั้นหลวงพ่อพระครูอุไร (พระครูวิหารกิจจานุยุต) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป็นคู่สวดบวชให้ ท่านจัดงานประจำปี ปรากฏว่าตั้งร้านค้าเต็มวัดชนิดแทบจะไม่มีที่ให้เดิน อาตมาเดินไปถึงข้างโบสถ์หลวงปู่ปาน ที่ท่านสร้างนรกไว้ใต้โบสถ์ ขยะกองพะเนินเทินทึกรอบโบสถ์เลย รอบโบสถ์ตั้งร้านค้าไม่ได้เลยเอาขยะไปทิ้ง อาตมาก็เลยต้องไปโกยขยะให้เขา"

เถรี 05-03-2016 16:11

"โกยขยะเสร็จ เห็นต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นหญ้าขึ้นเต็มเจดีย์ก็ไปแงะ ไปงัด ไปถอน ไปดึงให้เขา กว่าจะเสร็จสรรพเรียบร้อยก็ครึ่งค่อนวัน เหงื่อท่วมตัวกลับมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถาม “เป็นอย่างไร ? เหนื่อยดีไหม ?” ...(หัวเราะ)... ไปแอบทำยังรู้อีกนะ ก็กราบเรียนว่า “หลวงพ่อครับ เขาต้องการเงินขนาดนั้นเลยหรือครับ ?” หลวงพ่อท่านบอกว่าท่านโง่ไปหน่อย ถ้าไปจุดธูปบอกกล่าวแม่สะตือกับแม่ตะเคียน ไม่ต้องตั้งร้านค้าก็ได้ จะเอาเงินเท่าไรก็ให้บอก

แต่คราวนี้ไปตั้งร้านค้าโดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ข้างต้นตะเคียน ถึงเวลาก็เอาน้ำก๋วยเตี๋ยวสาดใส่ต้นตะเคียน จะล้างชามก็สาดเศษก๋วยเตี๋ยวเศษน้ำลงไปแล้วก็ล้างชามตรงนั้นแหละ เทวดาท่านรักความสะอาดยิ่งกว่าเราหลายเท่า แล้วท่านจะชอบใจไหม ? เพราะฉะนั้น...คุณก็เหนื่อยตายไปเถอะ ท่านไม่ช่วยหรอก"

เถรี 05-03-2016 16:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปสอบพระอุปัชฌาย์ใหม่งวดนี้ได้เจอหลวงพ่อพระใบฎีกาสามารถ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดน้อยของหลวงปู่เนียม ท่านปรารภว่ากำลังจะพัฒนาวัดอยู่ อาตมาเรียนท่านว่าช่วงวันแม่ที่วัดมีงานไหม ? ท่านบอกว่ามี เพราะท่านเกิดวันที่ ๑๔ สิงหาคม แต่ถ้าท่านจัดงานวันเกิดก็กลัวคนนินทา จึงมาจัดวันที่ ๑๒ สิงหาแทน ก็เลยเรียนท่านว่าถ้าอย่างนั้นก็รอไปก่อนแล้วกันครับ ถ้าถึงคิวเมื่อไรผมอาจจะเอาผ้าป่ากฐินไปช่วย แต่ถ้ามาวันแม่ก็จะได้ไปก่อน แต่ท่านมาไม่ได้ ท่านเป็นพระเย็นใช้ได้เลย ต้องบอกว่าน่าจะถึงวาระที่วัดหลวงปู่เนียมท่านเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกสักครั้ง

คงจะลักษณะคล้าย ๆ กับวัดท่าขนุนนี่แหละ ญาติโยมแถวนี้เขาว่าอาตมาเป็นหลวงปู่สายกลับชาติมาเกิด อาตมาว่า "ไอ้บ้า...หลวงปู่มรณภาพกูอายุ ๓๓ ปีแล้ว ยังจะกลับชาติมาเกิดได้หรือเปล่า ?" เขาบอกว่าก็ทำงานแบบหลวงปู่ หุ่นก็ผอม ๆ เหมือนหลวงปู่ เขาก็เลยเหมาว่าอาตมาเป็นหลวงปู่กลับชาติมาเกิด เออ...ดีเหมือนกัน กลับชาติได้เร็วมากเลย หลวงปู่ตายแล้วเกิดใหม่อายุ ๓๓ ปีเลย แต่ว่าทุกอย่างที่วัดเคยเจริญรุ่งเรืองก็เจริญขึ้นมา ดูดีเหมือนกับสมัยที่หลวงปู่ท่านยังอยู่"

เถรี 05-03-2016 16:17

"โดยเฉพาะว่าหลวงปู่ท่านได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรปี ๒๕๑๑ หลังจากนั้นก็ว่างเว้นมาตลอดจนกระทั่งถึงรุ่นอาตมา ปี ๒๕๕๔ ในวาระ ๘๔ พรรษาในหลวง ท่านพระราชทานตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตร ก็แปลว่าห่างหายไป ๔๓ ปีกว่าจะมีใหม่ ส่วนหลวงปู่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ปี ๒๕๐๓ อาตมาเพิ่งจะได้ขวบเดียว เว้นว่างมา ๕๖ ปีที่วัดท่าขนุนเพิ่งมีพระอุปัชฌาย์อีก ๑ รูป เลยทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าอาตมาเป็นหลวงปู่มาเกิดใหม่ ก็ดีเหมือนกัน ถึงเวลาด่าเขาจะได้ไม่โกรธ เพราะหลวงปู่ด่าพวกเขาเป็นประจำ

เรื่องของวัด ถ้าหากว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือมีอดีตเจ้าอาวาสขลัง สามารถบริหารให้ดังได้ทุกวัดแหละ อาศัยบารมีหลวงพ่อหลวงปู่องค์เก่า แต่ส่วนใหญ่แล้วหลายวัดที่ทรุดโทรมจนดูไม่ได้เลย ก็เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ให้วัดอาศัย แต่เขาไปอยู่อาศัยวัดกัน เมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นก็เลยทำให้วัดวาอารามทรุดโทรม หดหู่ คนก็ไม่อยากจะเข้า ฉะนั้น...ในส่วนของครูบาอาจารย์องค์เก่า ถ้าเป็นไปได้ก็คือยกท่านขึ้นไว้ในที่สูง เป็นที่เคารพบูชา อย่างอาตมาก็สร้างเรือนไทยตรีมุขถวายหลวงปู่สาย นิมนต์ท่านมาอยู่ในศาลา ตอนเย็นก็ทำวัตรถวายท่านที่นี่"

เถรี 05-03-2016 16:19

"เดี๋ยวพอมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำปิดทองประดับกระจกเสร็จ ก็ค่อย ๆ อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประจำที่ทีละองค์ ๒ องค์ องค์สุดท้ายคือหลวงพ่อทองคำที่จะหล่อตอนอาตมาอายุ ๖๐ ปี ตอนนี้โล่งใจไปหน่อยว่าไม่ต้องหล่อฐานพระ ทางด้านช่างทำฐานพระมาให้ด้วย ไม่อย่างนั้นต้องหมดทองอีกเป็น ๑๐๐ กิโลกรัม ก็แปลว่าหล่อเฉพาะองค์พระแล้วค่อย ๆ สร้างเครื่องทรง สร้างฉัตรถวายท่านทีหลัง เครื่องทรงกับฉัตรทำเมื่อไรก็ได้ ถ้าอาตมาตายก่อน ทำไม่เสร็จ เดี๋ยวเจ้าอาวาสรูปต่อท่านก็ทำเองแหละ แต่อย่างไรองค์พระก็ต้องทำให้เสร็จ

อาตมาเองอายุไม่ยืนยาวนะ ต่อวีซ่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วีซ่าครั้งต่อไปจะหมดเมื่อไร จะได้ต่อหรือไม่ เดี๋ยวถึงเวลาใกล้ ๆ แล้วจะบอก ถ้าบอกกันนาน ๆ เดี๋ยวจะยุ่ง ต่อวีซ่าแต่ละทีแพงเหลือเกิน มอบงานให้หูตูบเลย นี่งานชิ้นสุดท้ายใกล้เสร็จแล้วคือสร้างเมรุ น่าจะมีเวลาหายใจสบาย ๆ สักปีสองปี หลังจากนั้นถ้าต่อวีซ่าใหม่ได้ หรือไม่ต่อเลยก็จะสบาย ส่วนใหญ่อาตมาเป็นคนไม่มีกังวล คืองานถ้าได้ทำก็แปลว่าได้ ถ้าไม่ได้ทำก็แล้วไป ทองคำเตรียมไว้ให้แล้วเกือบ ๑๐๐ กิโลกรัม ถ้ายังไม่พอคนใหม่เขาก็หาเพิ่มเอง"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:58


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว