๖. เสียงเรียกกลางดึก คนโบราณมักมีคำสอนแปลก ๆ เช่น "กินข้าวเย็นแล้วหน้าจะนวล" บรรดาลูก ๆ ต่างก็อยากสวยอยากหล่อ เลยแย่งข้าวเย็นก้นหม้อแทบจะตีกันตาย กว่าจะรู้ว่าเป็นนโยบายประหยัด ก็หมดข้าวเย็นไปหลายเกวียน... "กวาดบ้านกลางคืนขโมยจะขึ้นบ้าน" ยุคนั้นมีไฟฟ้าใช้ซะเมื่อไรล่ะ เราเองนั่นแหละจะกวาดของมีค่าทิ้งเอง "หวีผมผัดหน้ากลางคืน ผีจะมาเอาตัวไป" อารามกลัวผีเลยแต่งตัวไปจู๋จี๋กันไม่ได้ ถูกผู้ใหญ่ต้มสุกสนิทเลย... "ได้ยินเสียงแปลก ๆ กลางคืนอย่าไปทัก" อันนี้สิสำคัญ เพราะของจำพวกไสยศาสตร์ คุณผีคุณคนนั้น ถ้าเราทักเข้าเท่ากับเปิดทางให้เขา มีของดีแค่ไหนก็หงายท้องทุกราย สมัยนี้ก็ระบาดมากไม่แพ้สมัยก่อน บรรดาหมอไสยศาสตร์มักจะร้อนวิชา ถ้าหาเป้าหมายให้ลงมือไม่ได้ในสิบวันครึ่งเดือน ต้องปล่อยของอาถรรพ์ออกไปทีหนึ่ง ของพวกนี้เขาเรียกว่า "ลมเพลมพัด" ได้ยินเสียงไปทักเข้าเราก็ซวยไป... ส่วนพวกอสุรกาย สัมภเวสี ที่หมอผีใช้มา มักทำให้เราตกใจแล้วฉวยโอกาสทับร่าง ถ้าเราอยู่ในบ้านก็พยายามทำให้เราทัก ถ้าเราทักเท่ากับอนุญาตให้เขาเข้ามา พระภูมิเจ้าที่หมดสิทธิ์ขวางเขา เราก็เสร็จอีกนั่นแหละ... อาตมาฝึกกรรมฐานตามแนวหลวงพ่อมาเกือบสองปี จึงเข้ามาทำงานกับพี่ชาย (คุณประสิทธิ์ เพชรชื่นสกุล) ในกรุงเทพฯ คืนหนึ่งอาตมานอนภาวนาจนอารมณ์ทรงตัว ก็ได้ยินเสียงพี่ชายคนโตซึ่งไปทำสวนอยู่จันทบุรี เรียกอย่างชัดเจน... เนื่องจากคำสอนที่จำขึ้นใจว่า "อย่าทัก" อาตมาจึงนอนฟังเฉยอยู่ ครั้นหมดความอดทนก็กระซิบกับแม่ว่า "แม่...พี่ใหญ่เรียก..." แม่รีบดุให้อาตมานอนเงียบ ๆ บอกว่ากำลังฟังอยู่เช่นกัน... อาตมานอนภาวนาไปเรื่อย เวลาผ่านไป...ผ่านไป เสียงรถราต่าง ๆ เงียบลง แสดงว่าดึกมากแล้ว ทุกคนคงหลับกันหมด ทันใดนั้น...วัตถุกลม ๆ อย่างหนึ่ง ลอยวืดเข้ามาทางหน้าต่าง... ของสิ่งนั้นตกตุ้บกลิ้งขลุก ๆ เข้ามาใกล้ อาตมาเพ่งมองในความมืดสลัว ก็เห็นว่ามันคือหัวกะโหลก...! เจ้าประคุณเอ๋ย...เพิ่งเคยถูกผีหลอกซึ่ง ๆ หน้าก็วันนี้แหละ...! เจ้าหัวกะโหลกทำปากพะงาบ ๆ หัวเราะแบบหนังใบ้... โยมแม่ของอาตมานั้นเคยถือไม้คานตามตีเปรต ที่มาขอส่วนกุศลกลางป่าไผ่ในพายุฝน อาตมาก็ลูกแม่คนหนึ่ง ไอ้เรื่องจะกลัวอะไรง่าย ๆ นั้นไม่มีเสียล่ะ .... อาตมากระโดดตะครุบเจ้าหัวกะโหลกทันที...! มันกลิ้งหลบแฮะ...อาตมาหมุนตัวตามผีหัวกะโหลกที่กลิ้ง เอาเถิดเจ้าล่อไปรอบที่นอน ไล่ตะครุบจนเหนื่อยไม่ได้ซักที จนมันกลิ้งหนีไปหลบที่มุมมืดของซอกตึก คล้ายจะบอกว่าขอพักก่อน... ที่นอนของอาตมาอยู่ข้างหน้าติดบันได แม่นอนห่างออกไปเกือบสิบเมตร อาตมานึกได้ว่า มีเครื่องทุ่นแรงอยู่ใต้บันได จึงควานได้แป๊บน้ำขนาดหนึ่งนิ้ว ยาวเมตรเศษ ๆ ขนาดกำลังเหมาะมือเลย... "คราวนี้แหละแกเอ๋ย...ข้าจะทุบให้กะโหลกกระจายเชียว อยากหลอกกันดีนัก..." ความโกรธที่ถูกหลอกบวกกับความพยาบาทจ้องจะล้างแค้น ทำให้อาตมาถ่างตารอเจ้าผีหัวกะโหลกโดยไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย... นาฬิกาบอกเวลาตีสอง เสียงแมวจรจัดสองตัวขู่ตะคอกใส่กันจนแสบแก้วหู ฟังเสียงแมวอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงเรียกชื่ออาตมาดังขึ้น... อาตมาเงื้อแป๊บน้ำสุดล้า..มาเลย...ไอ้ผีตัวแสบ..! “เฮ้ย..นี่ข้าเองนะ...!” เสียงพี่ประสิทธิ์โวยวายจนตื่นกันทั้งบ้าน ที่แท้พี่เขาจะปลุกอาตมาไปไล่แมว ดีที่ตาไวเห็นอาตมาเงื้อแป๊บน้ำจะบ้อมกบาล ไม่งั้นมีหวังถูกอาตมาฆาตกรรมแน่ ๆ...! อาจเป็นเพราะอาตมาไม่กลัว ไม่ทัก ไอ้ผีเลยทำอะไรไม่ได้ ต้องใช้ลูกไม้หลอกให้พี่น้องฆ่ากันเอง ซึ่งจังหวะเวลามันเหมาะเจาะพอดี ทำให้แผนการของมันเกือบจะสำเร็จ กว่าจะอธิบายกันรู้เรื่องก็เกือบสว่างคาตา... หากท่านผู้อ่านทั้งหลายหมั่นเจริญภาวนาจนจิตใจมั่นคง สิ่งลี้ลับอันเป็นภัยมืดเหล่านี้ย่อมทำอันตรายท่านมิได้ และการเจริญภาวนานั้น ยังเป็นการเพิ่มบุญเพิ่มบารมี ช่วยให้ท่านเข้าถึงจุดหมายในชีวิตได้โดยง่าย... ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:59 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.