กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4433)

เถรี 21-05-2015 13:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้งานของวัดท่าขนุนโดยเฉพาะศาลาใหญ่ เสร็จไปเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ หมดไป ๕๖ ล้านบาทเศษแล้ว เหลือรายจ่ายหนัก ๆ อยู่อีกแค่ ๒ อย่าง คือการปูพื้นชั้นสองและติดม่านทั้งหลัง

อีกอย่างหนึ่งก็คือเครื่องเสียง คราวที่แล้วเขาบอกว่าล้านกว่า..ใช่ไหม ? ขอลองติดม่านก่อน ดูว่าช่วยได้หรือเปล่า ? ถ้าช่วยไม่ได้ก็ต้องยอมจ่ายล้านกว่า แต่ทำทีเดียวแล้วใช้งานได้ตลอดไป

โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมของวัดท่าขนุน ต่อไปจะมีพื้นที่ทั้งชั้น ๑ ชั้น ๒ ของศาลาไว้ปฏิบัติ คราวนี้จะมีการแยกแล้ว มือใหม่แยกส่วน ใครเป็นมือเก่าแล้วจะแยกไปปฏิบัติรวมกับคนเก่า คราวนี้คนเก่าจะโดนหนักกว่า จากเดินจงกรมครึ่งชั่วโมงกลายเป็น ๑ ชั่วโมง จากนั่งภาวนาครึ่งชั่วโมงกลายเป็น ๑ ชั่วโมง เชื่อเถอะ...จะมีคนยอมเป็นคนใหม่เยอะเลย..!

พวกเราโดยส่วนใหญ่แล้วสติไม่ค่อยจะทัน ในเมื่อสติไม่ค่อยจะทัน พอสมาธิแซงหน้าก็จะหลับ สมาธิอย่างเดียวถ้าไม่มีสติก็จะเหมือนกับหลับไปเฉย ๆ เมื่อสติของเราไม่ทันต้องหาวิธีแก้ไข วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือตามลมหายใจเข้าออกให้ติดไว้ ลมหายใจคืออานาปานสติ อานาปานะ คือ ลมหายใจเข้าและออก"

เถรี 21-05-2015 13:28

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงประมาณสองเดือนที่แล้ว คนทองผาภูมิตายติด ๆ กัน ๕ ศพ มาเดือนนี้อีก ๑ ศพ ต้องบอกว่าคนทองผาภูมิอายุยืน ๕ ศพที่แล้วเด็กที่สุดอายุ ๘๒ ปี..! ศพนี้ ๘๙ ปีตามที่แจ้งทางราชการ อายุจริงมากกว่านั้นเยอะ เพราะสมัยก่อนมักจะแจ้งเกิดช้า

คนนี้แกใส่บาตรทุกวัน ปุบปับก็ไป โยมทองสุขที่เป็นภรรยา อายุ ๘๔ ขึ้น ๘๕ ปีแล้ว รับหน้าที่ใส่บาตรต่อ วันนี้เลยให้คุณมงคลขนหนังสือคู่มือภาวนาพระคาถาเงินล้านไปให้เขาแจกเป็นของชำร่วยงานศพ งานพ่อชีกุ๋ยก็เอาไป หนังสือเล่มนี้กระจายไปทั่วประเทศแล้ว"

เถรี 21-05-2015 14:14

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ เรียนชั้น ป.๑ มีครูจบชั้น ป.๔ อยู่ ๒ ท่าน จบ ป.๔ มาเป็นครู สั่งสมประสบการณ์แล้วไปเรียน ป.กศ. ป.กศ.สูง หรือ พ.ม. ตอนนั้นมีครูชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ไม่ได้แบ่งระดับด้วย ซี. อย่างตอนนี้

อย่างบ้านนอกของอาตมา ทั้งปีทั้งชาติอย่าไปหวังว่าจะมีครูจบปริญญาตรีประเภท ค.บ.(ครุศาสตรบัณฑิต) ไม่มีหรอก พอมาระยะหลังปริญญาตรีเริ่มจบมากขึ้น แล้วมี ปวช. ปวส. ปวท. มาคั่นกลาง ระยะหลังความต้องการความรู้มากขึ้น ก็เรียนปริญญาโทหรือ MBA นิยมกันอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าทุกหน่วยงานต้องบังคับคนที่จบปริญญาตรีแล้วมีกำลังความสามารถ มีสมองเพียงพอ ไปเรียน MBA เรียนไปเรียนมากลายเป็นปริญญาโทชักเฟ้อ ก็เริ่มมาเรียนปริญญาเอกกัน หลังจากรุ่นอาตมาไปไม่นานปริญญาเอกก็คงจะเฟ้อ แต่ไม่รู้ว่าจะไปเรียนอะไรแล้ว

ก็แปลกนะ ความรู้ของคนสูงขึ้น ๆ แต่วุฒิภาวะและความสามารถลดลง ๆ อาตมาสังเกตว่าคนจบปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิตปัจจุบันนี้ สู้ครูจบชั้น ป.๔ ของอาตมาไม่ได้ คุณครูท่านพร้อมทั้งจิตวิทยา พร้อมทั้งความรู้ความสามารถ จบชั้น ป.๔ สมัยก่อน วิชาการแข็งโป๊ก อาตมาจบแค่ชั้น มศ.๓ เรียนยันปริญญาเอก ภาษาอังกฤษไม่แพ้ใครเลย สมัยก่อนเรียนเยอะมาก เริ่มเข้าชั้น ป.๕ ต้องเรียน Grammar เกี่ยวกับไวยากรณ์ เรียน Standard คือหลักสูตรทั่วไปที่เป็นมาตรฐานโลก เรียน Oxford เป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด เรียน Living การใช้ภาษาในชีวิตประจำวันทั่วไป เด็กสมัยนี้ได้เรียนสักเล่มหรือเปล่า ? แล้วมีการบังคับออกเสียง ออกเท่าไรก็ไม่ได้ เพราะลิ้นไม่ให้

เด็กรุ่นหลัง ๆ บอกว่าหลวงพ่อพูดสำเนียงประหลาด ๆ เพราะรุ่นอาตมาเขาบังคับออกเสียง ชั้น ป.๕ เรียนภาษาอังกฤษ ๔ เล่ม แม้แต่ฝรั่งเขายังบอกว่าประเทศไทยเรียนภาษาอังกฤษยากมาก ยากจนฝรั่งมาเรียนเองยังตก แต่ที่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ เพราะไม่มีโอกาสได้ใช้ ส่วนใหญ่แล้วไปกลัวฝรั่ง ต่อไปไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเขาตัวใหญ่กว่าเราก็ใช้มวยไทย ถ้าเขาตัวเล็กกว่าก็ตบกะโหลกไปเลย..!"

เถรี 21-05-2015 14:22

ถาม : หินนี้มีอานุภาพด้านไหนครับ ?
ตอบ : ขว้างหัวคนแขวนได้..! เทอร์คอยส์ ถ้าหากว่าทางด้านทิเบตเขาถือเป็นอัญมณีแห่งชีวิต สร้างความเจริญร่มเย็น เก็บไว้เถอะ อาตมาเองยังเอาไปคั่นคอมีดหมอเพชราวุธเลย ถือว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์อย่างหนึ่ง

เถรี 23-05-2015 14:50

พระอาจารย์เล่าว่า "ปีนี้พระที่วัดขอมาเรียนบาลีเพิ่มอีก ๓ รูป เลยบอกให้ท่านทราบว่าบาลียากมาก ถ้ามีความเพียรเรียนจบประโยค ๙ ได้ ก็สามารถจบ ดร.ได้ ๓ ใบเลย แต่ถ้าเราเรียนบาลีจบประโยค ๙ แบบไม่ตกเลย ต้องใช้เวลาถึง ๘ ปี เขาให้เทียบเท่าปริญญาตรีเท่านั้น ซึ่งเป็นปริญญาตรีเฉพาะสาขา

พอเอาสิทธิ์ของประโยค ๙ มาเรียนปริญญาโท ก็จะสาหัสสากรรจ์มาก เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีพื้นฐานของวิชาทั่วไปเลย ตอนที่เรียนปริญญาโท อาตมาช่วยทำการบ้านทุกอย่างให้เพื่อนที่จบประโยค ๙ เพราะว่าท่านไม่รู้เรื่องวิชาพื้นฐาน พวกอังกฤษ คณิตศาสตร์ สังคม เรียนมาแต่บาลี ต้องช่วยกันผลักช่วยกันดันจนจบ

ในเรื่องของบาลี ถ้าไม่ใช่ว่ารู้เรื่องเดียวจริง ๆ น่าจะเทียบให้มากกว่าปริญญาตรี เพราะเรียนแบบไม่ตกเลยยังต้องใช้เวลาถึง ๘ ปี"

เถรี 23-05-2015 14:55

พระอาจารย์เล่าว่า "มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัด เขาแนะนำว่าให้ไปยื่นหนังสือขอเปลี่ยน นส. ๓ ก. ของวัดท่าขนุนให้เป็นโฉนดแทน อาตมาก็ไปยื่น ปรากฏว่ายื่นเสร็จ หัวหน้าที่ดินจังหวัดบอกว่า "อาจารย์ครับ ถอนเรื่องเถอะครับ" ถามว่าทำไม ? "วัดอาจารย์มีภูเขาอยู่ พื้นที่ลาดชันเกิน ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ห้ามออกโฉนด ขืนยื่นเรื่องไป ดีไม่ดีอาจโดนยึด นส. ๓ ก. ไปด้วย..!"

แล้วคุณทะลึ่งเสือกแนะนำทำไม ? "อ้าว...ไม่รู้นี่ครับว่าที่ของอาจารย์มีภูเขาอยู่ด้วย" ถามว่า "นส. ๓ ก. มีปัญหาไหม ?" "ไม่มีครับ เป็นสิทธิของเราเหมือนกัน" แต่สมัยนี้ใคร ๆ เขานิยมออกโฉนด อยู่ดี ๆ ดันมาแนะนำให้พระโดนยึดที่เสียแล้ว ...(หัวเราะ)..."

เถรี 23-05-2015 15:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา อาตมาสรงน้ำอัฐิหลวงปู่พุก โดยใช้วิธีเทน้ำอบลงไปทั้งขวดเลย เพราะอาตมาซื้อโกศบรรจุอัฐิหลวงปู่พุกมาใหญ่มาก ราคา ๑๘,๙๐๐ บาท เป็นโกฏิทองเหลืองปิดทองลงยา ตอนแรกว่าจะเอาโกศกลีบมะเฟือง แต่ทางร้านไม่มี ทางร้านบอกว่าส่วนใหญ่ของมาจากกรมช่างสิบหมู่ เขาทำแล้วมาฝากขาย แต่ระยะนี้หมด เลยต้องเอาโกศทองเหลืองปิดทองลงยาแทน

กำลังวางแผนว่า ช่วงสงกรานต์น่าจะมีการสรงน้ำพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แต่จะทำอย่างไรให้ออกมาดูดี ก็คือให้ญาติโยมสรงน้ำกันโดยที่ข้าวของของเราไม่พัง อาจต้องต่อท่อ โดยกั้นบริเวณ ต่อท่อแล้วให้โยมเทน้ำเข้าไป แต่ก็ยังมีอีกว่าแล้วเราต้องใส่กรงเหล็กไหม ? ถ้าไม่ใส่กรงเหล็กเดี๋ยว "ไอ้เต้ย" คว้าพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วไป แต่ถ้าใส่กรงเหล็กก็ออกมาดูไม่ดี แต่ถ้าไม่ใส่ หายไปก็แย่อีก

วันก่อนที่อยู่เชียงใหม่ จ่าบีเขาแนะนำช่างคนหนึ่ง ว่าทำชุดสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุสวยมาก ก็เลยว่าถ้ามีโอกาสจะสั่งเขาทำหน่อย แต่ว่าชุดนั้นเขาทำด้วยเงิน อาตมาอยากทำเป็นทอง"

เถรี 23-05-2015 15:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยธรรมชาติคนเราชอบความสงบ ถึงเวลาเข้าไปอยู่กับธรรมชาติ รู้สึกสงบสดชื่นเบิกบาน แต่แปลก..แปลกตรงที่ว่า พอถึงเวลาอยู่กับความสงบจริง ๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่ท่านที่กำลังใจทรงตัวก็มักจะฟุ้งซ่าน เที่ยวคิดไปหา รัก โลภ โกรธ หลง เพราะเป็นวิสัยของกิเลส

ไม่ใช่แต่ฆราวาส พระหลายรูปบอกว่าชอบอยู่ที่สงบ ๆ พอส่งไปให้อยู่ที่สงบจริง ๆ ก็เผ่นกลับมา บอกว่าอยู่ไม่ได้ เงียบเกินไป ขนาดพระที่ควรจะเป็นผู้สงบกาย สงบวาจา สงบใจ บาลีเขาว่า สนฺตมโน สนฺตวาโจ สนฺตกาโย กลายเป็นว่าถึงเวลาก็ทนไม่ได้ เพราะกิเลสจะตาย หาอาหารไม่ได้ พอสงบเข้าจริง ๆ ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลงให้กิเลสจะดิ้นตาย ก็ผลักดันจนกระทั่งต้องหนีออกมา ไม่สามารถอยู่ในที่สงบอย่างที่ตัวเองต้องการ แล้วก็แปลกตรงที่ว่าท่านก็ไม่คิดจะสู้กับกิเลส แทนที่จะดวลกันไปเลย ตายเป็นตาย ไม่ออกไป ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

เถรี 23-05-2015 15:29

:4672615:เก็บตกเดือนพฤษภาคมปี ๕๘ หมดแล้วค่ะ:4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:30


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว