กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5921)

เถรี 02-12-2017 09:20

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เมื่อสองวันก่อนเรากล่าวถึงกองกิเลสใหญ่ คือราคะ โลภะและโทสะไปแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเรื่องของการตัดราคะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ใช้อสุภกรรมฐานหรือกายคตานุสสติ ในเรื่องโลภะใช้จาคานุสสติกรรมฐานและทานบารมี ในเรื่องของโทสะใช้พรหมวิหาร ๔ หรือกสิณ ๔

ส่วนในเรื่องของโมหะ คือความหลงนั้น พระองค์ท่านกำหนดเอาไว้เพียงอย่างเดียวว่า ให้ใช้ลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก เพราะว่าการที่เราจะคิดผิด พูดผิด ทำผิด ด้วยความหลงนั้นเกิดจากการที่สติปัญญาของเรายังไม่แก่กล้าพอ รู้ไม่เท่าทันกองกิเลสต่าง ๆ

ดังนั้น...จึงต้องเน้นในเรื่องของอานาปานสติ ซึ่งลมหายใจเข้าออกนี้จะสร้างสมาธิให้แนบแน่น ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปจนถึงอรูปฌานที่ ๔ รวมแล้วเรียกว่าสมาบัติ ๘ ได้ ถ้ากำลังใจของเราทรงฌานอยู่ สติปัญญาจะแหลมคมว่องไวคู่ควรแก่ระดับสมาธินั้น ๆ โอกาสที่เราจะคิดผิด พูดผิด ทำผิดก็จะมีน้อยลง ทำให้เราสามารถระงับความหลงผิดซึ่งจะพาให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้ แต่ก็เป็นการระงับยับยั้งแค่ชั่วคราว ถ้าสมาธิคลายตัวออกมาก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้อีก

เถรี 02-12-2017 09:25

ดังนั้น...ในส่วนของโมหะ คือความหลงนั้น นอกจากจะต้องใช้อานาปานสติ เพื่อสร้างสมาธิให้เข้มแข็งพอแล้ว ยังจะต้องใช้ปัญญาประกอบด้วย ก็คือเห็นทุกข์เห็นโทษว่า ในส่วนของราคะ โลภะ โทสะนั้น ถ้าเราประกอบไปแล้วจะมีโทษอย่างไร ในปัจจุบันชาตินี้เราก็ต้องเดือดร้อนเพราะโทษนั้น ๆ ถ้าหากว่าตายไปในภพหน้า เราก็ยิ่งเดือดร้อนหนักขึ้นไปอีก

ถ้าเราเห็นโทษ สภาพจิตก็จะเบื่อหน่าย จะไถ่ถอนออกมา ไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ทำให้โอกาสที่โมหะจะชักนำเราให้คิดผิด พูดผิด ทำผิดก็มีน้อยลง หรือถ้าสามารถละได้เด็ดขาดเป็นสมุทเฉทปหาน เราก็จะไม่มีโอกาสคิดผิด พูดผิด ทำผิด ไปจากทำนองคลองธรรมอีก

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็เหมาะก็ควรสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ยังมีคนส่วนน้อยที่จำเป็นต้องใช้กองกรรมฐานอื่น ๆ จึงจะแก้ไขได้ ยกตัวอย่างก็คือตัวของอาตมาเอง สมัยก่อนที่จะฝึกในเรื่องของการตัดละกามราคะ ก็พยายามที่จะฝึกหัดอสุภกรรมฐานและกายคตานุสติกรรมฐาน แต่ปรากฎว่าฝึกไปฝึกมาเหมือนกับสภาพจิตด้าน คือเกิดความเคยชิน ทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถช่วยในการระงับยับยั้งกามราคะได้

กลับไปได้จากคำสอนของพระรัฐบาลเถระ ที่กล่าวกับพระเจ้าโกรัพยะซึ่งถามว่า "ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ เหตุใดจึงทรงพรหมจรรย์อยู่ได้ ?"

พระรัฐบาลเถระให้พิจารณาว่า มาตุคามนี้ ถ้าตั้งในที่แห่งมารดาได้...ก็ตั้งไว้ในที่แห่งมารดา
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาวได้....ก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาวได้....ก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาวได้...ก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว

เมื่อพิจารณาดังนีก็คือการที่เราใช้พรหมวิหาร ๔ นั่นเอง รักเขาเหมือนคนในครอบครัวของเรา ในเมื่อสามารถรักเขาเหมือนคนในครอบครัวของตนเอง กามราคะก็ไม่เกิดขึ้น เป็นต้น

เถรี 02-12-2017 22:52

ในเมื่อเรื่องของการปฏิบัติมีข้อที่นอกเหตุเหนือผลอยู่หลายเปอร์เซ็นต์เช่นกัน พวกเราเองก็ต้องซักซ้อมกองกรรมฐานตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้การแนะนำเอาไว้ก่อน แต่ถ้าเราทำแล้วยังอยู่ในจำนวนนอกเหตุเหนือผลที่มีไม่มากนัก เราก็ต้องไขว่คว้าหาดูว่า ในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง และมหาสติปัฏฐานอีก ๔ นั้น ส่วนไหนที่เหมาะสมแก่เราบ้าง ในการที่จะจัดการกับ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ได้

บางคนแค่อานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ก็สามารถจัดการกับกองกิเลสใหญ่ทั้ง ๔ ได้โดยราบคาบสิ้นเชิงแล้ว แต่บางคนต้องแสวงหากองกรรมฐานหลาย ๆ กองในการที่จะจัดการกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นการเฉพาะแต่ละอย่างไป ดังนั้น...ในส่วนนี้จึงอยู่ที่เราต้องฝึกฝนทบทวนในการปฏิบัติ เพื่อที่จะได้หากองกรรมฐานที่เหมาะสมกับจริตวิสัยของเราโดยเฉพาะ เมื่อหาได้แล้ว เราก็จะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:00


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว