กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   อดีตที่ผ่านพ้น (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=25)
-   -   อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๑๑ : คาถามหาประสาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=283)

คิมหันต์ 22-03-2009 23:43

อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๑๑ : คาถามหาประสาน
 
๑๑. คาถามหาประสาน

คาถาแต่ละบทนั้น ผูกขึ้นโดยครูบาอาจารย์ที่ทรงอภิญญาสมาบัติอย่างหนึ่ง หรือได้มาจากพระ หรือพรหม หรือเทวดา ท่านมาบอกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเราเชื่อถือ และตั้งใจปฏิบัติตามด้วยความเคารพเลื่อมใสแล้ว ท่านเจ้าของคาถาก็จะแผ่บารมีลงมาช่วยให้คาถานั้น ๆ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ สมดังความปรารถนาของเราทุกประการ...

การเล่นคาถานั้นเป็นการทดสอบตรง ๆ ว่าเรามีความลังเลสงสัยในครูบาอาจารย์หรือไม่เพียงใด เพราะคาถาบางบทฟังดูแล้วตลกขบขันไม่น่าเลื่อมใส บางทีก็เป็นคำด่าที่หยาบคาย ไม่น่าจะมีสรรพคุณดังที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกเลยซักนิดเดียว...! หลวงพ่อเล่าว่า หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี มีคาถาบทหนึ่ง ถ้าท่านขึ้นกุฏิจุดธูป แล้วด่าลั่นไปสามบ้านแปดบ้านเมื่อไร ชาวบ้านจะขนเอาผักหญ้า ข้าวสาร อาหารแห้ง มาถวายให้ท่านเลี้ยงพระเป็นหาบ ๆ เลย หลวงพ่อถามท่านว่า ทำไมต้องด่ากันหยาบคายขนาดนั้นด้วย...? ท่านตอบว่า “ก็คาถามันเป็นอย่างนั้นเองนี่หว่า...!”

หลวงพ่อบอกว่า คาถาเป็นบาทของอภิญญา คือขั้นต้นของอภิญญา เพราะสมาธิจิตของคนเล่นคาถานั้น ต้องเข้มระดับใกล้อภิญญา ไม่อย่างนั้นเล่นคาถาไม่ขึ้น ที่สำคัญคือ ต้องเป็นคนจริงจังไม่เหลาะแหละมีสัจจะตั้งมั่น โดยเฉพาะตัวสัจจะสำคัญที่สุด จะเห็นได้จากบรรดาอ้ายเสือยุคก่อน ปล้นเขากินแท้ ๆ แต่กลับอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่ปวดเศียรเวียนเกล้าของเจ้าหน้าที่ผู้ปราบปราม เหตุที่พวกนี้หนังดีเพราะเล่นของเล่นคาถา และมีสัจจะมั่นคงนั่นเอง ตัวสัจจะที่แต่ละคนยึดมั่น แตกต่างกันไปตามแต่ครูบาอาจารย์สั่งมา บ้างก็ห้ามลอดราวผ้า ห้ามด่าแม่คนอื่น ห้ามกินผักผลไม้บางอย่าง ที่เชื่อว่าล้างอาถรรพ์ได้ เช่น ผักกระเฉด ฟัก แฟง แตง น้ำเต้า เป็นต้น ถ้าครูบาอาจารย์เป็นพระ ส่วนมากก็จะให้ลูกศิษย์ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ถ้าศีลบกพร่อง คาถาก็เสื่อม เป็นต้น

หลวงพ่อของอาตมานั้น ท่านมีกุศโลบายยอดเยี่ยมในการสอนศิษย์ทุกประเภท ถ้าเป็นนักรบเก่าอย่างอาตมา ท่านจะหลอกให้คาถาไปภาวนา โดยกำชับว่าต้องภาวนากันจริง ๆ และต้องรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นจะทำคาถาไม่ขึ้น... อาตมาได้คาถาไปก็ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ภาวนากันแบบเอาเป็นเอาตาย พอได้ผลก็วิ่งโร่หน้าบานมารายงาน หลวงพ่อก็จะให้คาถาบทใหม่ที่มีอานุภาพแปลก ๆ ไปภาวนาใหม่ กว่าจะรู้ตัวก็ติดการภาวนา และรักษาศีลจนเป็นนิสัย ทีนี้หลวงพ่อก็เปลี่ยนให้ใช้การภาวนาพิจารณาตามแบบ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐานสูตร หรือวิปัสสนาญาณ ๙ แทน ผลก็คือสามารถทำได้เร็วกว่าการปฏิบัติตรง ๆ ตามปกติ...

วันหนึ่ง...หลวงพ่อบอก “คาถามหาประสาน” ให้ คาถาบทนี้หากทำถึงที่สุด ต่อให้เกิดบาดแผลใหญ่ขนาดไหน ก็สามารถเป่าให้แผลนั้นประสานติดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่มีแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ซึ่งดีกว่าศัลยกรรมสมัยใหม่หลายเท่า เพราะไม่ต้องเสียเงินซักบาท... คาถานี้มีเคล็ดสำคัญคือ ต้องใช้ใบตองสดปิดแผล แล้วกลั้นใจว่าคาถาเป่าลงไป ตัวคาถาว่าดังนี้...

“วะโรวรัญญู วะระโท วะราหะโร อนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ”

อาตมาภาวนาคาถานี้อยู่เป็นนาน แต่โอกาสทดลองไม่ค่อยมี เพราะไม่ได้รับบาดแผลบ่อยนัก แรก ๆ เป่าลงไป พอเปิดใบตองดู เลือดก็ยังไหลโกรกเหมือนเดิม กว่าจะได้เป่าอีกหน อาจจะสองเดือนครึ่งปีไปโน่น พยายามแล้วพยายามเล่า ในที่สุดก็สามารถเป่าให้เลือดหยุดไหลได้... หลังจากทบทวนว่า ใช้กำลังใจอย่างไร ใช้สมาธิระดับไหน พอแน่ใจแล้วอาตมาก็นอกครู เพราะขี้เกียจไปหาใบตองสด เอามือปิดแผลว่าคาถาเป่าไปเลย...มันง่ายดี...ผลก็คือเป่ากี่ทีก็เลือดนองอย่างเก่า กลั้นใจซะหน้าเขียว เป่าจนตาเหล่ก็ไม่เป็นผล...! เลยต้องยอมแพ้ไปหาใบตองมาปิดแผล เป่าปุ๊บเปิดดู เลือดหยุดแล้ว เฮ้อ...แปลว่า คำสั่งครูบาอาจารย์คือพรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องเทิดไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า อย่าได้บังอาจฝ่าฝืนเป็นอันขาด ถ้าเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ หัวรั้นนอกครูอย่างอาตมา คงวายชีวาไปแล้ว...

แต่อาตมาทำคาถาบทนี้ไม่ถึงที่สุด เพียงเป่าให้เลือดหยุดไหลเท่านั้น บาดแผลต้องไปให้หมอเย็บกันเอาเอง เลยไม่ใช่คาถามหาประสาน กลายเป็นคาถาห้ามเลือดไปซะฉิบ...และห่างต้นกล้วยไม่ได้เลย ขาดใบตองสดเมื่อไร ต้องปล่อยตามเวรตามกรรมเมื่อนั้น...

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:07


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว