ท่านใดเคยมีประสบการณ์ในการใช้คาถามาแล้วบ้าง
กล่าวถึง "คาถา" เถรีเชื่อว่าพวกเราทุกคนในที่นี้คงมีคาถาที่ตนเองชอบใจ หรือคาถาที่ตนมักสวดเป็นประจำทุกวัน หรืออาจจะเคยใช้คาถาบางคาถาแล้วเกิดผลขึ้นมา จึงอยากให้ทุกท่านแบ่งปันประสบการณ์เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้คาถาของแต่ละท่านให้ผู้อื่นได้รับรู้บ้าง หากผู้ใดคิดว่าตนไม่มีประสบการณ์อัศจรรย์อะไรเกี่ยวกับคาถา ก็เล่าให้ฟังได้ว่าทุกวันนี้สวดคาถาอะไรกันบ้าง และคาถานั้นสวดแล้วส่งผลดีในด้านใด เผื่อบางท่านในที่นี้เกิดความสนใจที่อยากจะสวดตามค่ะ :onion_yom:
|
ที่ผมเคยใช้และเห็นชัดคือคาถา พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต อย่างที่เคยเล่าให้ฟังที่กระทู้ด้านล่าง ตามไปอ่านดูกันได้ครับ...
|
ขอแจมด้วยคน
หลังจากที่เริ่มสนใจจริง ๆ จัง ๆ ในเรื่องอักขระเลขยันต์ คราวนี้ก็เริ่มลงมือเขียน จารเป็นตะกรุดแผ่นแรก พี่น้องจ๋าเหนื่อย ๆ มาก ชนิดที่ว่าต้อง "กลับมาล้มตัวลงนอน กอดหมอนน้ำตาพรั่งพรู" หลับเป็นตายเลยครับ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น..ดีขึ้น ๑๐๐ - ๒๐๐ แผ่นเขียนได้ไม่เหนื่อย ส่วนเรื่องคาถา ก็เท่าที่แนะนำเถรีไป เถรีคงทราบแล้วว่ารับรู้อะไร ให้เถรีเล่าดีกว่าครับ "แผ่นยันต์มหาเศรษฐี"ที่ขอกำลังพระท่านทำไปแจกชาวบ้าน หรือเพื่อน ๆ ก็มีคนยืนยันกลับมาว่า มีความคล่องตัวดีมาก ๆ จนบางคนที่เผลอทำหายก็มาขอกันใหม่อยู่เสมอ ๆ แต่ผมเองไม่เคยคิดว่าเป็นกำลังของกระผม "นั้นคือความเมตตาของพระรัตนตรัย" เพราะเอาเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ของพระอาจารย์ตลอดขอรับ เคยถวายท่านมุนินโทไปขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ แล้วมีคนปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ หลายท่านที่ยังไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย อยากจะปลุกพระ ผมเลยเอาใบไม้มา หรือ อย่างอื่น ๆ ก็แล้วแต่จะหาได้ใกล้ ให้เขาลองปลุก มันมีสองประการคือ ๑.เขาบอกว่ามีพลัง :onion_eiei::4519626a: อันนี้มั่ว หรือ คิดในอีกมุมหนึ่ง จิตเขาถึงพระจริง ๆ จับอะไรก็มีพลังหมด ๒.ตอบมาว่าไม่รู้สึกอะไร อันนี้ถูกเพราะยังไม่ได้ทำอะไร หยิบมาจากต้นไม้แล้วก็ส่งให้เลย หลังจากนั้นก็ขอบารมีพระเขียนรูปองค์พระลงไป ก็เอาไปให้ทดสอบใหม่ก็มีคำตอบอีกสองคำตอบ ๑. ๙๙เปอร์เซ็นต์ รับทราบถึง พุทธ ธรรม สังฆบารมีแห่งพระรัตนตรัย สาธุ สาธุ สาธุ ๒. อีกพวกหนึ่งบอกเหมือนเดิม อันนี้ทุกท่านคงทราบว่าทำไม :da4c2d5e: |
อ้างอิง:
"เอาวะ" กับ "ช่างมัน"... สำหรับชีวิตประจำวันง่าย ๆ น่าจะลองไปประยุกต์ใช้ดู เช่น จะตั้งกำลังใจ อดของชอบ หรือรักษาศีล หรือตั้งใจสละทรัพย์ ฯลฯ ให้เป็นไปตามความประสงค์อันดีงาม ก็ "เอาวะ" ผลของคาถา ก็จะทำให้ไม่โยกโย้ ตัดสินใจทำทันที หุ หุ ส่วน "ช่างมัน" คุณ Tatum ยกตัวอย่างแล้ว ผลของคาถา จะทำให้ปล่อยวาง โดยเฉพาะสักกายทิฎฐิ (ขอถามได้ไหมว่า Tatum อ่านว่า ตาตั้ม หรือตาตุ่ม หรืออื่น ๆ ไม่ได้แซว สงสัยจริง ๆ เพราะคนที่นี่ ถ่อมตัวกันทั้งนั้น:967339c1:) |
สวัสดีครับทุกท่าน
ผมขออนุญาต เล่าสู่กันฟังบ้างเกี่ยวกับการใช้พระคาถา บางพระคาถา ตอนแรกว่าจะไม่เล่า เพราะกลัวผลที่ได้จะหาย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ เกี่ยวกับพระคาถาท่านปู่พระอินทร์ครับ ว่าดังนี้ "สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู" ถ้าท่านใดอ่านจากหนังสือของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีมาจะเห็นว่า ไม่มีส่วน "อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู" ส่วนหลังนี้ผมใช้ตามพระอาจารย์ครับ ผลที่ได้ก็พอมีบ้างครับ คือว่า เมื่อก่อนนั้น ผมเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งนัก โดยเฉพาะวิชาด้านคำนวณ เช่นตอนมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ขี้เกียจนัก ทำการบ้านไม่ได้ ไม่ได้ทำบ้าง จะโดนทำโทษเสียยับ โดนตีก้น ๒๐ ที มากที่สุดเท่าที่เคยโดนมา เรียนก็ไม่ได้ดี จบมัธยมต้นได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๗๕ ช่วงนี้เริ่มได้รู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี จากหนังสืออ่านเล่นครับ เข้าสู่มัธยมปลายก็เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต ชอบเรียนครับ แต่ว่าไม่ค่อยได้ดี ก็เรียนไปตามประสาคนปัญญาทราม ช่วงนี้คุณงามความดีของท่านมีมาก แต่ผมตาบอด มองเห็นแต่ไม่นำมาใช้ ใช้ก็ไม่เต็มที่นัก ก็พระคาถาทั้งหลายนั่นแหละครับ แต่ว่ารู้จักแล้ว เรียนไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จบมัธยมปลายได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๙๐ เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่ถึง ๓ เลยใช่ไหมครับ หลังจากนั้นก็ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมยังเป็นพวกสอบเอ็นฯแบบเดิมอยู่ครับ ได้คะแนนก็พอประมาณ แต่สิ่งที่เหลือเชื่อคือ สามารถเข้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ อย่างไม่น่าเชื่อที่สุด ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยา ตอนนั้นผมเป็น Hall of fame ของโรงเรียนเลยครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนประจำอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีครับ ชื่อ "โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง" ครับ ที่นี่ไม่เคยมีใครสอบเข้า จุฬาฯ ได้มาหลายปีแล้วครับ ท่านผู้อ่านลองนึกดูครับ ใครต่อใครจะคิดว่าว่าไอ้คนน้ำหน้าอย่างผมหรือครับ จะเข้าได้ แต่ผมคือหนึ่งในสองคนของโรงเรียนที่สอบเข้าได้ อีกคนคือคนที่เรียนได้ ๑ ใน ๒ หรือ ๓ ของโรงเรียนครับ ต่างจากผมมาก ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ เพื่อน ทุกคนต่างแปลกประหลาดใจว่าเข้าไปได้อย่างไร ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ก็คาดว่ามีท่านผู้เมตตาครับ หลังจากนั้นได้เข้ามาเรียน ก็ได้ทราบถึงความโหด เข้ม ในการเรียน ดูใจดี แต่โหดน่าดู การเรียนที่เรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นหรอกครับ แต่สังเกตได้ว่าในช่วงการสอบนั้น แม้แต่พวกที่เอาแต่เล่น ก็ยังหันมาอ่านหนังสือกันหมด จนบรรยากาศนั้นดูแปลกไปทีเดียว ส่วนลักษณะการเรียนของผมนั้น มันไม่ค่อยรู้จักจำ รู้จักพัฒนาครับ คิดว่าน่าจะเรียนเหมือนตอนมัธยมฯ ซึ่งต้องบอกว่าสมน้ำหน้าตัวเอง ผลที่ได้รับโดน รีไทร์ครับ ผมก็เลยหยุดเรียนไปหนึ่งปี เพราะคิดว่าจะไม่เรียนแล้ว ทำงานดีกว่า อันที่จริงผมก็จะเรียนนั่นแหละครับ แต่กว่าจะรู้ว่าสมัครวันไหนก็วันสุดท้ายของการสมัครแล้วครับ หลักฐานใดๆ ก็ไม่ได้เตรียม ผมก็เลยหยุดว่างไปเกือบปี เพื่อนผู้กรุณา ก็มาตามให้ไปสอบใหม่เรียนด้วยกัน ผมก็เอา ไปก็ไป ตอนแรกกะว่าจะเปิดร้านคอมพิวเตอร์ ร้านเกมส์ครับ ก็ไม่ได้ทบทวนอะไรมา ๑ ปีเต็ม ๆ หวังน้อย พยายามสอบ ผลที่ได้ ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์ หลักสูตรธรณีศาสตร์ได้ครับ ผมก็แปลกใจ ว่าเข้ามาได้อย่างไร ตอนนี้แหละครับเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเรียนวิชาอะไร รู้สึกเข้าใจทุกอย่าง เหมือนกับว่าเรียนมาแล้ว เข้าใจแล้ว ก็เรียนได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเรียนปี ๒ ได้เฉลี่ยเกือบ ๔.๐๐ บางวิชาเรียนมาเกือบครึ่งเทอมไม่เข้าใจเลย แต่พอคืนเดียวเท่านั้น ยืนยันว่าคืนเดียว จากไม่สามารถทำได้เลย กลับสามารถทำได้ทั้งหมด และเพียงแค่อาจารย์สอนก็เข้าใจ สามารถทำการบ้าน ทำการทดสอบในห้องเรียน จนบางครั้งทำได้ขนาด ทำได้อยู่คนเดียวของทั้งชั้นเรียน อย่าว่าแต่การทดสอบเลย ขนาดอาจารย์เอาข้อสอบนักศึกษาแพทย์มาให้ก็ทำได้เช่นกัน อย่างในการสอบก็มีผล เช่นบางวิชาให้เวลาทำ ๓ ชั่วโมง แต่ใช้เวลาเพียงแค่ ๓๐ นาทีเสร็จ พร้อมกับคะแนนอันดับสอง ครั้งที่สองเหมือนกัน แต่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลาการทำน้อยมาก ผมสังเกตว่าทุกอย่างเปลี่ยนจากคนที่ไม่เก่ง แต่กลับเก่งขึ้นมาอย่างคนละเรื่อง ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าตนเองเก่ง ที่ได้มาทุกอย่างเพราะพระท่านเมตตา เทวดาท่านเมตตา เพราะสังเกตว่าช่วงนี้ใช้พระคาถาด้วย นั่งสมาธิด้วยมากขึ้น ใช้ตามที่พระอาจารย์ท่านแนะนำครับ คือ ภาวนาวันละอย่างน้อย ๕ นาที เช้า-เย็น ผมบอกเลยครับว่านี่ขนาดทำประจำ แต่ไม่ค่อยขยันนัก ยังได้ผลขนาดนี้เลยครับ เรียนจบปริญญาตรีมาได้เกียรตินิยม อันดับสองครับ เกือบอันดับหนึ่ง เพราะว่าได้ผลเฉลี่ย ๓.๔๙ อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เรียนโดยใช้ทุนตัวเองนะครับ แต่ว่าได้ทุนเรียนครับ ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยครับ และก็ส่งผลให้ได้สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ในชีวิตนี้ครับ คือทุกวันนี้ผมเรียนปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ การสำรวจทางธรณีและวิศวกรรมปิโตรเลียม จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ด้วยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ( His Majesty of Thailand Scholarship ) หรือที่เรียกกันในหมู่นักศึกษาว่า "ทุนคิงส์"ครับ นี่แหละครับผลและพระเมตตาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก และที่ขาดเสียไม่ได้ ท่านปู่พระอินทร์ครับ ขอผลบุญที่ได้จากบทความนี้ทั้งหมด ข้าพเจ้าขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก ท่านปู่พระอินทร์ บุพการี ผู้มีพระคุณ และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่จริงยังมีเรื่องของพระคาถาเงินล้านอีก แต่ผมคิดว่าส่วนนี้ยาวไปแล้ว ไว้โอกาสหน้านะครับ * ปล. ตอนนี้ที่เล่าได้เพราะว่าเรียนได้ย่ำแย่มากครับ ตกต่ำมาก แต่ไม่เสียใจหรอกครับ ได้อยู่เรียน ก็เรียน ไม่ได้อยู่ก็ออกมาทำงาน ถือซะว่ายังไม่ควรเรียนช่วงนี้ ธรรมจัดสรร แหละครับ แต่ว่าบังเอิญครับ เมื่อต้นเดือนไปบ้านอนุสาวรีย์ พระอาจารย์ท่านแนะนำน้องคนหนึ่งที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัยว่าให้ใช้พระคาถาวันละหนึ่งชั่วโมงครับ ผมก็เลยสงสัยว่าที่ทำมาน้อยไป เพราะว่าเรียนสูงขึ้น ก็ต้องเอาให้มากขึ้น แต่ก็นะครับ ตั้งชั่วโมง ตอนนี้กำลังขยันท่องพระคาถาเงินล้านอยู่ ก็ต้องลด ต้องเพิ่ม ตามความเหมาะสมครับ บอกไว้ก่อนว่า ทุกวันนี้ก็ยัง ไม่เก่ง ไม่รวย เหมือนเดิมครับ ต้องขยัน ๆ ครับ |
ใช้คาถา
"สหัสเนตโต เทวิญโท ทิพจักขุ วิโสทายิ" ค่ะ ใช้ตอนไปสอบข้อเขียนใบขับขี่ค่ะ ปรากฏว่า "ได้คะแนนเต็ม" ค่ะ ที่มั่นใจว่าเป็นเพราะคาถาก็เพราะว่า มีข้อสอบหลายข้อที่ไม่ตรงกับที่เคยอ่านและเคยรู้มาก่อน แล้วก็ต้องเดาค่ะ แล้วตอนใช้ก็มีอารมณ์ใจแบบที่พระอาจารย์เคยสอนด้วยค่ะ และอานิสงส์จากการใช้คาถานี้แล้วสอบใบขับขี่ได้คะแนนเต็มก็คือว่า ทุกวันนี้สามารถเอาเรื่อง "ดิฉันสอบใบขับขี่ได้คะแนนเต็มนะคะ" ไปเถียงกับจราจรได้ทุกครั้งที่เขาเรียกเพื่อจะกล่าวหาว่าเราทำผิดกฎจราจรค่ะ:onion_wink: จราจรก็จะส่ายหัวดิก ๆ แล้วก็โบกมือไล่ไปทันทีค่ะ ชไมเคิลก็จะยกมือไหว้ขอบคุณจราจรแล้วก็เผ่นไปทันทีค่ะ:6f428754: กลัวตำรวจเปลี่ยนใจรีบไปเปิดหนังสือกฎจราจรมาเถียงสู้ค่ะ:conion-05: ปล. ตอนสอบโทเฟลก็ใช้ค่ะ แล้วก็ผ่านด้วย:l43841274qn5: |
คาถาเงินล้านค่ะ
เดือนที่แล้วมีความจำเป็นต้องชำระเงิน จำนวนประมาณ ๒๑,๐๐๐ บาท แบบไม่เต็มใจ เพราะที่ถูกต้อง เราควรต้องชำระแค่ ๑๖,๐๐๐ บาทกับเศษอีกนิดหน่อย ระหว่างรอฝ่ายบัญชีคิดตัวเลขที่ต้องชำระ เป็นเวลาเที่ยง ทุกคนต้องพัก รับประทานอาหารเที่ยง เราก็สวดคาถาเงินล้าน แต่ใจไม่ได้คิดอะไร สวดไปเรื่อย จับภาพพระและรู้ลมไปด้วย ถึงเวลาที่ต้องจ่าย เห็นยอดเงินที่ต้องชำระก็งงไป ๑๐ วินาที ยอดที่ต้องชำระคือ ๑๖,๐๐๐ บาทกับเศษอีกนิดหน่อยนั่นแหละ พอรู้สึกตัว ก็นึกถึงเสด็จพ่อ หลวงปู่ หลวงพ่อ มโนฯไปกราบสวย ๆ แทบเท้าท่านทุกองค์เลย!!! |
เห็นกล่าวถึงคาถากัน เลยขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับเรื่องการใช้คาถานะคะ
หลวงพ่อเคยพูดในเรื่องคาถาว่า "อยากเอาคาถาอะไรมีหมด ขอให้เรียนอย่างเดียวเท่านั้นแหละ" แล้วท่านก็ยกตัวอย่างทิดสันต์ให้ฟัง ท่านเล่าว่า ที่วัดท่าขนุนจะมีระเบียบให้เทศน์ทุกวันพระ ถ้าเป็นในช่วงเข้าพรรษาจะวันพระใหญ่หรือวันพระเล็กก็มีเทศน์ แล้วเทศน์สองรอบ คือรอบเช้าและรอบกลางคืน รอบเช้าเทศน์เก้าโมงเช้า รอบกลางคืนเทศน์หลังทำวัตรเสร็จ ช่วงที่ทิดสันต์บวชนั้น เป็นช่วงฤดูฝน ฝนฟ้าตกแบบถล่มทลาย ตกวันละแปดรอบหรือสิบรอบ ทิดสันต์ก็กลัวว่าถ้าฝนตกแล้วคนจะไม่มาฟังเทศน์กัน ดังนั้นพอทิดสันต์ทำวัตรเสร็จก็กลับห้องไปภาวนา แล้วก็หลับ...หลับไปเป็นชั่วโมง ๆ (ทิดสันต์ภาวนาคาถาหยุดฝนจนตัดหลับไป) มาสะดุ้งตื่นตอนเขาตีระฆังให้ฉันเช้า ปรากฏว่าได้ผล การภาวนาของทิดสันต์ทำให้ฝนแล้งไปเจ็ดวัน !!! หลังจากหลวงพ่อสอนวิธีการห้ามฝนแก่ทิดสันต์ไปแล้ว ตั้งแต่นั้นมาท่านก็เลิกใช้ ท่านบอกทิดสันต์ไปว่า "ถ้าเอ็งไม่ทำ..เอ็งกับข้าก็เปียกเท่ากัน..!" สรุปว่าทิดสันต์รับหน้าที่ห้ามฝนเมื่อถึงเวลาจำเป็นค่ะ ทว่าหลวงพ่อก็พูดถึงทิดสันต์ว่า "เท่าที่ดู...รู้ว่ามีหลายครั้ง ที่กำลังใจเขาไม่มั่นคง ที่รู้ว่ากำลังใจเขาไม่มั่นคงก็เพราะว่า ฟ้ามืดจนจะติดหัวอยู่แล้วและฝนก็ลงแปะ ๆ แล้ว คนรับทำหน้าที่ (หมายถึงทิดสันต์) ก็เลิ่กลั่ก ๆ แสดงว่าเอาไม่อยู่แน่แล้ว" หลวงพ่อก็บอกทิดสันต์ไปว่า "เชื่อผมไหม..ฝนไม่ตก ?" ทิดสันก็บอกว่า "จริงหรือครับอาจารย์ ?" หลวงพ่อบอกว่า "เราต้องมั่นใจ ถ้ากำลังใจเสีย คาถาไม่ได้ผล" ปรากฏว่าวันนั้นฝนก็ลงได้แค่แปะ ๆ ท่านก็เดินกันไป สักพักฝนก็หยุด แต่ทว่าฟ้ายังมืดอยู่ ท่านบอกว่า "อย่าให้กลับนะ ถ้ากลับถึงหอฉันเมื่อไร ฝนจะเทเหมือนฟ้ารั่วทันที" "เพราะว่าในเรื่องของธรรมชาติ ลม ฟ้า ฝน ไฟ อะไรก็ตามเราไม่มีสิทธิ์ไปห้าม มันฝืนธรรมชาติ แต่จะขอให้เร็วให้ช้า ให้สูงให้ต่ำ ให้ซ้ายให้ขวา ให้ก่อนให้หลังนะพอได้ เพราะฉะนั้น..อย่าคิดไปห้ามเชียว ต่อให้ได้อภิญญาใหญ่ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวมีจะรางวัลติดปลายนวมมา" เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่พอจะเก็บเกี่ยวมาได้จากพระอาจารย์ค่ะ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้าง |
น่า.. ท่านพี่ให้อะไรก็รับไปเถอะ :onion_eiei:
กลับเข้าหัวข้อกระทู้ เดี๋ยวจะออกทะเลไปมากกว่านี้ แล้วน้องวาฬอ๋าจะกลับเข้าฝั่งไม่เจอ (๕๕ เรื่องโยนขอให้บอก พรสวรรค์ส่วนตัว) เคยมีประสบการณ์กับ "คาถารวมจิต" ค่ะ คาถาที่ว่ามีเนื้อความตามนี้ค่ะ "อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง" มีอยู่ช่วงหนึ่ง (ในชีวิต) ช่วงนั้นค่อนข้างฟุ้งซ่านมากค่ะ ไม่ทราบว่าเลือดจะไป ลมจะมาหรืออย่างไร แต่ไม่สามารถ รวบรวมสมาธิได้เลย ก็ได้พระคาถาบทนี้แล ช่วยให้รวมจิต เป็นหนึ่งเดียวได้ เห็นผลทันตา กราบขอบพระคุณพระเดช พระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง กราบแทบพระบาท สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ประทานพระคาถาบทนี้มา ช่วยชีวิตลูกไปอีกครั้งหนึ่ง สู้ต่อไป.. ทาเคชิ :1894c7a1: |
อ้างอิง:
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้คราวใด ใช้คาถาหลวงพ่อฤๅษีฯ ทุกคราวค่ะ คาถามีอยู่ว่า "ช่างมัน...ช่างมัน...ช่างมัน..." ป.ล. คาถานี้ได้มาจากตอนดู vcd หลวงพ่อฤๅษีที่บูชามาจากวัดท่าซุงค่ะ ดูแล้วก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดสักอย่างมาเชื่อมกาลเวลาในสมัยหลวงพ่อยังอยู่และครูบาอาจารย์ของเรายัง "รุ่น ๆ" อยู่ด้วยค่ะ เด็กอย่างหนู นั่งดูเพลินไปเลย "ท่านลุงยกทรง" ก็อ่านคำถามที่เขาเขียนส่งขึ้นมาถามแบบ "สนุก ๆ" แล้วหลวงพ่อก็ตอบ "สนุก ๆ" หนูก็ดูเพลินแบบ "สนุก ๆ" ไปด้วยเลยค่ะ ธรรมะหรรษา จริง ๆ ค่ะ อยากให้ท่านพี่ที่ไปทันกราบหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่สายลมมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศบ้างจังค่ะ:onion_love: |
เข้าเรื่องบ้างดีกว่า
ขอเล่าประสบการณ์ในการใช้พระคาถาบางบท(เท่าที่สามารถบอกแลนึกได้) - เคยใช้พระคาถาพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณสวดเท่าอายุ+๑ ก็สามารถบรรเทาเคราะห์กรรม ก็สามารถทำได้จริง แต่ตอนนี้ขี้เกียจภาวนาจัดเลยภาวนาวันละประมาณ ๘-๙ จบแทนก็ได้ผลตามสมควร - เคยภาวนาสวดอิติปิโสฯ ๗ จบต่อด้วย"นะมะพะธะ"อีก ๑๕ จบระหว่างการนึกเขียนยันต์ทำน้ำมนต์ในใจก็สามารถบรรเทาเคราะห์กรรมได้จริง(ได้ผลทันทีด้วย) - เคยสวดพระคาถาอาการะวัตตาสูตร(เห็นเขาว่าบรรเทากฎของกรรมได้สามเดือนต่อการสวดหนึ่งครั้ง) ก็เห็นว่ามีผล(ส่วนนานเท่าใดอันนี้ไม่ยืนยัน) - พระคาถาชินบัญชร ถ้าจะให้ดีสมควรสวดคราวละสามจบขึ้นไป(หากเป็นสมาธิจะมีผลยิ่งขึ้น)แล้วค่อยอัญเชิญพระบารมีของพระคาถามาช่วยอีกทีจักมีผลสูงขึ้่น - เคยสวดพระคาถาชัยมงคลคาถาเพื่อชนะอุปสรรคแล้วก็ได้ผล จริง ๆ ทั้ง ๘ บทของพระชัยมงคลคาถาก็สวดเพื่อจุดมุ่งหมายในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ กันซึ่งหลวงพี่เล็กฯ ท่านก็เคยบอกไว้นานแล้ว และผมก็ได้จดไว้แต่อยู่ตรงไหนไม่ทราบ(หาไม่เจอ)เลยขอเว้นไว้ แต่ตอนนี้ผมก็สวดทั้งหมดเลย - พระคาถาเมตตา"พระอะระหังสุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต"เคยว่าคาถาพร้อมทั้งนึกถึงหน้าของคนที่เราจะเข้าไปเจรจา ก็ปรากฎว่าการเจรจาสำเร็จผลดี - เรื่องปัญญาตอนนี้สวดทั้งพระคาถาอิติปิโสฯ แก้วยอดฟ้า พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าและคาถาพระอินทร์("สหัสสเนตโตฯ...") ก็เห็นว่าความจำดีขึ้นปัญญาดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้กำลังจัดระเบียบว่าจะพยายามท่องพระคาถาแต่ละบทวันละ ๑๐ นาทีเป็นอย่างต่ำ - เคยภาวนา"สัมปฎิจฉามิ"ให้ได้สมาธิสูงสุด(พระอาจารย์เล็กฯ ท่านแนะนำว่าให้ถึงสมาบัติแปด) แล้วเป่าใส่ผีที่ถูกบังคับให้มารบกวน ปรากฎว่าเขาเป็นอิสระไปได้ - สุดท้ายเคยภาวนาพระคาถาหนังเหนียวของท่านกรมหลวงชุมพร(ได้จากเว็บนี้)แล้วลองเอาปลายมีดลากที่แขนดูปรากฎว่าเข้า(สงสัยว่าจิตยังไม่เป็นสมาธิดีพอ) ตอนไปกรุงเทพฯ ถ้าพี่นุชสังเกตดี ๆ จะเห็นรอยแผลแดง ๆ ใต้แขนซ้ายเป็นเส้นยาว อันนั้นเพิ่งจะลองหมาด ๆ ก่อนขึ้นกรุงเทพฯ เลย |
ส่วนเรื่องคาถา วันนี้เอง สด ๆ ร้อน ๆ
ทำเรื่องเบิกค่าทำงานตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว แต่ถูกเลื่อนมาแล้ว ๓ ครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ถูกเลื่อนไปปลายเดือนอีก ตอนเช้าจึงสวดนะโม ๓ จบ จากนั้น จึงระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยสังฆคุณ โดยมีท่านธมฺมวิตกฺโกเป็นที่สุด แล้วจึงอธิษฐานขอให้เกิดอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ดังต่อไปนี้ คือ ” พระเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม อุดมลาภ มหาลาภ มหาอุด อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดอุปัทวันตราย หายตัวได้(นิพพาน)” ส่วนคาถาที่ใช้อธิษฐานก็คือ “สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง เอตัสสะมิง รัตตะนัตตะยัสสะมิง สัมปะสาทะนะเจตะโส” ซึ่งมีความหมายว่า “ด้วยอานุภาพแห่งความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนี้ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ” ปากกามหาอิทธิคุณ อาราธนาบารมีคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์วิชาปากกาทุก ๆ พระองค์ ได้โปรดเมตตาสงเคราะห์เรื่อง..............แล้วสำรวมจิต ตั้งนะโม ฯ ๓ จบ ภาวนาพระคาถาว่า “นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นาลาอะระหัง นะเมติ”(๑๒ จบ) ตะกรุดบุญฤทธิ์พระสีวลี นะโมฯ ๓ จบ พระสีวลี จะ มหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา พระสีวลี จะ มหาเถโร ยักขา เทวาภิ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา พระสีวลี เถรัสสะคุณณัง เอตัง สวัสดิลาภัง ภะวันตุเม ตะกรุดน้ำบ่อแก้วจึ่มทราย นะโมฯ ๓ จบ “สุวัณณะรัชชตัง มหาสุวัณณะรัชชตัง อังคะตะเศรษฐี มหาอังคะตะเศรษฐี มิคะตะเศรษฐี มหามิคะตะเศรษฐี ปุริเศษสาวา อิตถีวา พราหมมะณีวา มะอะอุ มานิมามา สัพเพชะนา พะหูชะนานัง เอหิจิตตัง เอหิมนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา จิตตัง พันธัง ปิยังมะมะ ให้ไหลมาต่อ ๆ เป็นดั่งน้ำบ่อแก้ว อย่าคลาดแคล้ว หยาดเพียงตา ให้ไหลมา ไหลมาดั่งทรายไหลแล้ง โอม สวาโหมติดฯ” ว่า ๓ จบ จบแล้วจึงระลึกถึงหลวงปู่ปาน หลวงพ่อ หลวงตาวัชรชัย หลวงพี่เล็ก หลวงพี่สมปองและหลวงพี่เอก (วัดบางนมโค วัดท่าซุง วัดเขาวง วัดท่าขนุน อาศรมสบายใจ และวัดเขาแร่) ๕๕๕๕๕ สำเร็จเกินคาด แถมเบิกได้เกินจำนวนที่ขอเบิกอีกต่างหาก....สาธุ... |
ประสบการณ์เคยอาราธนาพระคาถานวด ของพระคุณหลวงพ่อฯ มาสงเคราะห์เพื่อน
เจ้าเพื่อนคนดีบ่นปวดคอ ปวดมากทายาก็ไม่หาย ผมเลยลองอาราธนาพระคาถานวด ที่พระคุณหลวงพ่อฯ ได้ประทานเอาไว้ ตั้งกำลังใจดีดี ก่อนนวดก็ท่องพระคาถาไปจนคิดว่าพอแล้ว ก็ลงมือนวด ผมเองนวดไปแค่สักพัก เพื่อนก็บอกว่าหายแล้ว หายปวดสนิทเลย พระคุณของหลวงพ่อท่านแท้ ๆ เลยครับ |
กลัวจะเป็นผลเพียงครั้งเดียว
มีครั้งหนึ่งได้มีวาสนานวดถวายหลวงพี่เล็ก ผมเองไม่กล้านวดแรงมากเท่าไหร่ กลัวไปจับเส้นท่านแล้วผิดเส้น ประเดี๋ยวหลวงพี่ท่านจะมารับเคราะห์จากการนวดของผมครับ.... (ตอนนวดถวายไม่กล้าอาราธนาพระคาถาอะไร เอาแต่ดูด ดูด ดูด) |
อ้างอิง:
ตามมาจากอินทราพงษ์ตามคำแนะนำคุณพรศักดิ์ค่ะ:d16c4689: ขอร่วมแบ่งปันประสบการณ์บ้างนะคะ เคยตอบไว้ในพลังจิตแล้ว ถ้าอย่างนั้นขอลากมาแปะเลย ............................................................................................ เรามีความศรัทธาคาถาเงินล้านมาก ๆ ปกติก่อนนอนจะสวด ๙ จบ วันไหนเหนื่อยจัดก็เหลือ ๓ จบ เงินที่ได้มาในแต่ละวันเราจะหยอดกระปุกเก็บไว้ถวายสังฆทานทุกวัน มากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง แต่ไม่เคยขาด ที่สวดไปก็ไม่ได้หวังร่ำรวย แต่เพื่อเป็นกำลังใจ และให้ท่านสงเคราะห์ให้อุปสรรคเบาลง แล้วก็ได้ผลจริง ๆ การงานและเงินไม่เคยขาดเลย คล่องตัวมาก ไม่รวยแต่ก็ไม่เคยอดเลยล่ะ เราอยู่ ตปท.ทำงานเสิร์ฟในร้านอาหารเลยเห็นผลเปรียบเทียบ เพราะแม้ว่าจะเป็นช่วงที่ซบเซามาก ๆ แต่ได้เงินดีเกินคาดทุกวัน ลูกค้าให้ทิปเราหนัก ๆ เกือบทุกวัน แม้วันที่เงียบที่สุดจนหมดหวังแล้วก็มีสิ่งเหลือเชื่อให้เห็นเรื่อย ๆ ตย.เช่นลูกค้าให้ทิปมาแต่แบงค์ติด แล้วเขาไม่มาเอาคืน ส่วนที่เป็นโบนัสนี้เราก็จะเอาไปทำบุญ ไม่กล้าเก็บไว้ ^ ^" (มั่นใจว่าไม่เกี่ยวกับการบริการหรือปัจจัยอื่น ๆ ลูกค้าส่วนมากก็เป็นลูกค้าประจำกันอยู่แล้ว แต่เขาให้เรามากกว่าให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น สมัยก่อนสวด และสมัยสวดต่างกันเห็นได้ชัด) แต่เราก็ไม่เคยบอกใครเพราะกลัวหลวงพ่อจะโดนปรามาส แถมยังมีเงินจากไหนไม่รู้โอนเข้ามาเป็นเครดิตในบัตรเครดิตเราด้วย อันนี้งงมาก โทรไปถามที่บริษัทเขาก็ไม่รู้ที่มา ทุกวันนี้ก็ภาวนาไปเรื่อย ๆ เวลาทำงาน (ทำขนมน่ะค่ะ) ของที่ทำก็เพิ่มจำนวนขึ้นมา ได้เงินเพิ่มอีก ^o^ สมัยก่อนก็เคยสวด แต่สวดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ด้วยความศรัทธา เต็มเปี่ยม เลยไม่เห็นผล (กลับมานึกทบทวนแล้วก็จริงๆด้วยที่เป็นคาถาที่เลือกคนสวด แต่เราว่าเลือก "ใจ" คนสวดมากกว่า) จะบอกว่า..ถ้าจะให้ผลดีจริง ๆ ต้องสวด "คาถาเงินล้าน" ของหลวงพ่อ พร้อมกับปฏิบัติตามคาถาของในหลวงคือ "พอเพียง" ด้วยนะ ซิบอกให่:msn_smileys-15: .......................................................................... ขอบคุณคุณเถรีที่กรุณาตักเตือนค่ะ เข้ามาแก้ไขแล้วนะคะ ตัวแดงเต็มเลย :9bbc76d5: สักแต่ลากแปะ ไม่ได้ตรวจทานเลย นี่แหละหนอ..ทำอะไรต้องมีสติกำกับตลอดเวลา ท่องไว้ ท่องไว้ ^ ^" |
อ้างอิง:
ครั้งนั้นเมื่อคิดได้ดังนั้น ก็จัดการจดบันทึกคาถานั้นกลับบ้านไปด้วย เมื่อทำกิจวัตรประจำวันเสร็จสิ้น ก่อนนอนจึงได้สวดมนต์ ตามปกติ แล้วนั่งสมาธิ เริ่มต้นกำกับด้วยคาถารวมจิต (จำได้ว่าหลวงพี่เล็กท่านกล่าวว่าควรสัก ๓ จบ...ไอ้เรามักฟุ้งซ่านจัดอัดมันเข้าไปเลย สวดว่ากันไปน่าจะสัก ๕ หรือ ๑๐ จบ..ก็จำไม่ค่อยได้) อิ อิ สมองมันเสื่อม สัญญามันทราม |
เมื่อกำกับคาถารวมจิตสำเร็จ...ความรู้สึกก็ อือ..รู้สึกว่าจิตมันนิ่งเหมือนหลับ (ก็ไม่รู้ว่ามันอุปทานไปหรืออย่างไร) แค่จิตรู้สึกไม่ใช่ตัวนะ แล้วก็เลยท่องพุทโธ ๆ พุทโธ ของเราไปเรื่อย ๆ
ท่องไป ๆ มันก็นิ่งสบาย ๆ ดี อยู่ดี ๆ ก็เกิดท่อง นะมะ พะทะ หลุดออกจากใจ เอ้า นะมะ พะทะ ก็ได้ ท่องไปยังไม่ทันที่โบราณเขาว่า "ไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ"เลย คราวนี้...ยิ่งกว่าเจอทหารกองโจรบุกปล้น ความรู้สึกตกใจมันเข้ามาแทนที่ความสงบสบาย เฮ้ย...ตูเป็นอะไรไป ทำไม! ข้างในมันเต้นกันโครม ๆ ความรู้สึกกลัวตายเริ่มเข้ามา "ตูจะตายไหมหว่า! จะทำอย่างไร? จะถอนสมาธิอย่าไร ? ตูตายแน่เลย?" วนเวียนกันอยู่แค่นี้ ไอ้ข้างในมันก็ไม่สงสารเจ้าของมันเลย มันก็เต้นกันโครม คราม ๆ ... สุดท้ายก็ตัดสินใจคลายสมาธิออก...หนูตัดสินใจอะไรไปนี่ คิดไม่ออก งง..ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ |
ตอนเช้าช่วงนั่งรถมาทำงาน นั่งทบทวนตัวเองก็เลยคิดออกว่า อ๋อ..ไอ้ควายเอ๋ย...ก็ตอนนั่งสมาธิตอนต้นเรากำกับคาถาอะไรไว้เล่า โอ...คาถานี้มีพุทธคุณ พุทธบารมีสุดยอดเลย ถ้าเป็นกายเนื้อแทน... ไอ้ยิ้มคงเปรียบเหมือนโดนรถสิบล้อ บี้ เละตายคาถนนเชียว!
จำไว้ "ไอ้ยิ้ม(ควาย)...หายสงสัยไปเลย.. แต่ก็ยัง why why and why ว่าทำไมอยู่ดี ๆ นะมะ พะทะ ถึงหลุดมาให้เราท่องกำกับหนอ? |
และแล้วก็ได้เวลาเล่าประสบการณ์ค่ะ
หนูเปลี่ยนมาหลายคาถาแล้ว ท้ายสุดก็ต้องมาตายรังที่คาถาเงินล้านทุกที เพราะถนัดที่สุด ใช้มานานที่สุด ช่วงเริ่มใหม่ ๆ จะฟิตมาก ว่างเป็นภาวนาคาถาจับลม จะมีเครื่องช่วยนับแขวนคอตลอด พอเวลาผ่านไปจำนวนรอบอยู่ตัวก็ปลดเครื่องนับออก แต่ผ่านไปไม่นานก็จะเริ่มมีเหตุ(ด่วนเหตุร้าย)เกิดขึ้น ซึ่งเหตุจะเข้ามาทุกครั้งที่ถึงจุดสูงสุดของชีวิต(ของการภาวนา)ค่ะ คือหมายถึงพอว่าคาถาจนชิน ได้วันละเยอะ ๆ จนมันจะเริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น เช่น ตัวหลุดไปบ้าง เห็นนั่นบ้าง เห็นโน่นบ้าง ที่ไม่เคยพบเคยได้มาก่อน ก็จะมีเรื่องให้ต้องหยุดสะดุดเพราะจิตตก ฟุ้งซ่านสารพัด:onion_no: เมื่อนั้น เจ้าเครื่องช่วยนับก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง :onion_wink: มันจะเป็นผู้ช่วยชั้นดีเมื่อถึงยุคมืด(ยุคเสื่อม) ครั้งล่าสุด เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายหนักหนาไม่แพ้ครั้งก่อน ๆ วิปัสสนาก็อ่อน (จริง ๆ ก็อ่อนทุกอย่างนั่นแลเด้อ :l43841274qn5:) ทำอย่างไรดีหนอ ก็เลยว่าคาถาเงินล้านจับลมไปเรื่อย ๆ ว่างจากคุยก็อัดเข้าไป อัดเข้า"ปาย" :a03cbf1e: ทำงานก็ภาวนา ขับรถก็ภาวนา ได้ ๑ จบก็ปล่อยพวงมาลัยมากดเครื่องนับ ๑ ครั้ง หนูจะขับรถชนเฉลี่ยเดือนละครั้งค่ะ แต่ตอนภาวนาคาถาไม่เคยชนนะคะ ยกเว้นตอนกำลังพิมพ์นี่ไม่สามารถค่ะ เพราะต้องคิดเรื่องประกอบเสียงในหัว ขอไม่บอกว่าทุกวันนี้ได้วันละกี่จบนะคะ เพราะช่วงนี้เน้นปริมาณเป็นหลัก มันได้เยอะ แต่คุณภาพยังไม่ค่อยผ่าน ได้แต่หวังว่าหากจิตดีขึ้นคุณภาพคงจะดีขึ้นตามไปด้วย และผลที่ได้ก็คือ ฟุ้งซ่านน้อยลงไปเยอะทีเดียว (ลดลงกว่า ๕๐%) เวลาคนเราภาวนาจับลม ด้วยความเลวของจิต ก็จะยังสามารถคิดเรื่อง(เลว)อื่น ๆ ไปได้ด้วย หากต้องการให้อยู่หมัด ก็ต้องจับลมภาวนาประกอบกับจำภาพพระไปด้วย ซึ่งวิธีนี้จะเครียดไปนิดสำหรับจิตน้อย ๆ แสนฟุ้งซ่านของหนู ขอผ่านไปก่อนค่ะ แต่ถ้าไม่จับภาพพระ แต่ก็ไม่ละคำภาวนา อย่างไรเสียมันก็เตลิดได้ไม่นาน ต้องกลับมาจดจ่อกับคำภาวนาต่อ เท่าที่สังเกต หากปกติฟุ้งได้เป็นชั่วโมง ๆ ก็จะเหลือคราวละไม่เกิน ๕-๑๐ นาที และจะลดลงเรื่อย ๆ นี่คือผลจากการภาวนาลดความฟุ้งซ่านค่ะ ครั้งนี้ไม่ได้หวังผลด้านลาภ แต่ถ้าได้ก็ถือเป็นผลพลอยได้ แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ |
เนื่องจากพี่สาวอยู่หมู่บ้านหนึ่ง มีสุนัขเห่าเสียงดัง เวลาไปหามักจะถูกเห่าอยู่บ้าง มีครั้งหนึ่งก็ไปหา หมาก็เห่าตามปกติ อารมณ์ตอนนั้นสบาย ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เกรงจะหนวกหูชาวบ้าน เลยกำหนดลมหายใจ ภาวนา "นะโมพุทธายะ" เพียงจบเดียว แล้วเป่าลมออกไปยังสุนัขตัวนั้น ปรากฏว่า เขาหยุดเห่าโดยทันที พร้อมกับวิ่งหนีหางจุกตูดไปเลย ทุกอย่างก็เงียบสงบโดยที่มิได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตัวแต่อย่างใด
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:50 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.