กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6503)

เถรี 27-02-2019 08:49

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องของบุคคลที่ต้องมีบารมีเข้มแข็ง ถึงระดับที่เรียกว่าปรมัตถบารมี คือสูงสุด เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้น โบราณาจารย์ท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับการแลกด้วยชีวิต คือแม้จะต้องตายลงไป เพื่อให้เข้าถึงธรรมในส่วนที่ตนเองต้องการก็ยินดี

ดังนั้น...การที่ญาติโยมทั้งหลายพอประสบอุปสรรคนิดหน่อย เราก็รู้สึกท้อถอย หมดกำลังใจ ขอให้ดูด้วยว่า ตัวเราทั้งหลายนั้น ได้ปฏิบัติตามคำในขณะสมาทานกรรมฐานหรือไม่ ที่ว่าเราขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหากว่าบุคคลที่ตั้งใจมอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ก็จะทุ่มเทให้กับการปฏิบัติชนิดหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่ได้ห่วงสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ก็ยอมทุ่มเทเพื่อความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า

ถ้าหากว่าไม่รู้จะดูตัวอย่างใครก็ดูตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ก็คือท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ทั้ง ๆ ที่ท่านรู้ว่าอยู่ตรงนั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมาก แต่ท่านก็ไม่ถอย ท่านรู้ตัวถึงขนาดระบุไว้ชัดว่า ตราบใดที่ยังไม่ตายก็จะไม่เลิกทำความดี นี่คือกำลังใจของบุคคลที่มอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธเจ้าจริง ๆ ภาษาบาลีกล่าวว่า “พุทธสาสเน อุรัง ทัตวา” ถวายอกไว้ในพระพุทธศาสนา คำว่าอกในที่นี้ก็คือชีวิตนั่นเอง

เถรี 27-02-2019 08:57

ก็แปลว่าปัญหาเพียงเล็กน้อยที่ท่านทั้งหลายได้เจอ ถ้าหากว่าเพิ่มความเพียร เพิ่มความอดทนเข้าไป เราก็สามารถฝ่าฟันผ่านพ้นไปได้ ดังที่ได้กล่าวอยู่เสมอว่า เรื่องของการปฏิบัตินั้น คำตอบอยู่ที่การกระทำของเรา ไม่จำเป็นต้องไปถามใครก็ได้ ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ เดี๋ยวก็จะได้คำตอบเอง เป็นต้น

ดังนั้น...ในส่วนนี้ที่ท่านทั้งหลายทำ จึงเหมือนกับคนหยิบโหย่ง จับจด ไม่จริงจัง แต่หวังประโยชน์สูง ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าสิ่งของที่มีคุณค่าสูง เราก็ต้องทุ่มเทให้สมกับคุณค่าทั้งหลายเหล่านั้น

ดังนั้น...ในเรื่องที่ท่านทั้งหลายพบเจอ ถือว่าเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย ถ้าหากว่าจะท้อถอยก็ต้องดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ท่านทรมานพระวรกายอยู่ ๖ ปีเต็ม ๆ ถึงขนาดลุกขึ้นก็เซล้ม สภาพร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มองไปส่วนไหนก็มีเส้นเอ็นสะพรั่งไปหมด

พระองค์ท่านตรัสว่า เอามือลูบนาภีคือท้อง ก็สัมผัสสันหลังได้ ก็แปลว่าแทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย เอามือลูบตัว เส้นขนก็หลุดร่วง เพราะว่าไม่มีอาหารหล่อเลี้ยง พระองค์ท่านทำถึงขนาดนั้นเพื่อให้ได้เข้าถึงธรรมในส่วนที่ต้องการ เมื่อรู้ว่าผิดทางถึงได้เปลี่ยนแปลง ลักษณะอย่างนั้นคือการปฏิบัติที่แลกด้วยชีวิตจริง ๆ

เถรี 28-02-2019 19:54

ดังที่พระองค์ท่านได้อธิษฐานไว้ในวันตรัสรู้ว่า เมื่อเรานั่งบัลลังก์นี้แล้ว ถ้าเลือดเนื้อร่างกายนี้จะเหือดแห้งไป ชีวิตินทรีย์นี้จะสลายลงไปก็ตาม ถ้าไม่เข้าถึงธรรมส่วนที่จะพึงได้ พระองค์ท่านก็จะไม่ทำลายซึ่งบัลลังก์นี้ ก็คือจะไม่ลุกขึ้นนั่นเอง

เมื่อตั้งใจแลกกันด้วยชีวิต พระองค์ท่านถึงได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ส่วนเราทั้งหลายทำจริงจังเท่าไร ? มีใครนั่งกรรมฐานต่อเนื่องสักครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงได้บ้าง ? มีใครสามารถปฏิบัติต่อเนื่องสักครึ่งวันได้บ้าง ? มีใครปฏิบัติต่อเนื่องได้สักวันหนึ่งบ้าง ? ต่อให้เราทำได้ ก็ยังไม่ได้ส่วนเสี้ยวที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือว่าครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติมา

เพราะฉะนั้น...ความยากลำบากของเราแล้ว แทบจะไม่ได้หนึ่งในล้านที่พระองค์ท่านพบมา แล้วเราก็จะมาว่ายาก ลำบาก หมดกำลังใจ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายก็ต้องมองดูว่า นรกยังรอเราอยู่ข้างหน้า ถ้าไม่สามารถเข้าถึงธรรมในส่วนที่ปรารถนาได้ กรรมเก่าที่เราสร้างไว้จำนวนมากมายมหาศาล ย่อมดึงเราลงสู่ทุคติ ซึ่งทุคติในที่นี้ก็คงไม่แคล้วอเวจีมหานรก กว่าจะผ่านพ้นขึ้นมาได้ บางทีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแล้วหลายพระองค์

ในเมื่อนรกรออยู่ข้างหน้า เราเองจะก้าวเข้าไปหา หรือจะเร่งหนีเสียให้พ้น ก็อยู่ที่เราจะคิดพิจารณากันเอง แต่ขอให้รู้ว่าสิ่งที่เราท่านทั้งหลายทำในทุกวันนี้ ที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น คือเราทำขาด ทำไม่พอ เป็นบุคคลที่ท้อถอยง่าย หมดกำลังใจง่าย เราต้องทุ่มเทชนิดที่แลกกันด้วยชีวิต ถ้าไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ของเรา ต่อให้ตายลงไปเราก็ต้องทำ

เถรี 28-02-2019 19:55

ถ้าสามารถตัดสินใจเช่นนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรยากลำบากสำหรับเรา สิ่งใดที่มากีดขวาง ย่อมโดนทำลายไปด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งมั่นคง ความสำเร็จย่อมรอเราอยู่ข้างหน้า ลองนึกถึงภาพเบื้องหน้าของเราไกลโพ้นว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี หลวงปู่หลวงพ่อของเราก็ดี พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเราก็ดี ท่านรออยู่ แม้ว่าหลักชัยนั้นจะไกล แต่ถ้าเราพากเพียรไม่ท้อถอย เราก็จะใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกขณะ ถ้าสามารถก้าวถึงในชาตินี้ได้ ก็ถือว่าไม่เสียชาติที่เกิดมา ถ้าไม่สามารถที่จะก้าวถึงในชาตินี้ ก็ขอตัดชาติภพของเราให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะพึงทำได้

ดังนั้น...เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่หลวงพ่อ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ รอเราอยู่ เราต้องไม่ท้อถอย ต้องพากเพียร ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมและน้อมนำมาปฏิบัติ เราจะต้องทำให้เกิดผล จนกระทั่งตัวเราเป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่นให้ได้

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นายกระรอก)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว