กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   เทวดากล่าวพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1689)

ทิดตู่ 23-03-2010 18:07

เทวดากล่าวพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
 
เรื่องของเทวดากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากมายในพระไตรปิฎกทั้งที่เป็นเหตุการณ์ทั่วไปรวมไปถึงบางส่วนที่เป็นข้ออรรถข้อธรรมที่สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติเพื่อการบรรลุมรรคผลพระนิพพานในชาติปัจจุบัน
ดังนั้น กระทู้นี้จะขอยกเรื่องของเทวดาที่มีมาในพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกที่พอจะหาข้อมูลได้ มาให้ได้อ่านกันเป็นข้อธรรมในรูปแบบของ "เทวดากล่าว พระพุทธเจ้าตรัส" ขอเชิญท่านทั้งหลายพิจารณานำไปใช้ตามความพอเหมาะของตนให้เจริญในธรรมด้วยกันนะครับ :6f428754::onion_love:

ทิดตู่ 23-03-2010 18:12

ผู้ไม่ถูกชักนำไปในวาทะของผู้อื่น

เทวดากล่าว
"บุคคลเหล่าใดลืมเลือนพระธรรมทั้งหลาย บุคคลเหล่านั้นย่อมถูกชักนำไปในวาทะของบุคคลอื่นได้ บุคคลเหล่านั้นนับว่า..หลับไม่ตื่น.. เวลานี้เป็นเวลาอันสมควรเพื่อจะตื่นขึ้นของคนเหล่านั้น"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"บุคคลเหล่าใดไม่ลืมเลือนพระธรรมทั้งหลาย บุคคลเหล่านั้นจะไม่ถูกชักนำไปตามวาทะของบุคคลอื่น เพราะบุคคลผู้รู้ดี รู้ทั่วถึงธรรมโดยชอบย่อมประพฤติธรรมสม่ำเสมอ ในเมื่อบุคคลอื่น ๆ ยังประพฤติลุ่ม ๆ ดอน ๆ กันอยู่"

(สุสัมมุฏฐสูตร)

ทิดตู่ 23-03-2010 18:28

ความรู้แจ่มแจ้งในพระธรรม

เทวดากล่าว
"บุคคลเหล่าใด ยังไม่รู้แจ่มแจ้งในพระธรรมทั้งหลาย บุคคลเหล่านั้น ย่อมถูกชักนำไปในวาทะของบุคคลเหล่าอื่นได้ บุคคลเหล่านั้น นับว่ายังหลับอยู่ ไม่ตื่น เวลานี้เป็นเวลาอันควรเพื่อตื่นขึ้นของบุคคลเหล่านั้น"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"บุคคลทั้งหลายเหล่าใด รู้แจ่มแจ้งในพระธรรมทั้งหลายแล้ว บุคคลเหล่านั้น ย่อมไม่ถูกชักนำไปในวาทะของบุคคลเหล่าอื่น
บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลาย รู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ"

(อัปปฏิวิทิตสูตร)

ทิดตู่ 23-03-2010 18:35

ชีวิตอันความชราต้อนเข้าไป

เทวดากล่าว
"ชีวิตมีช่วงอายุเวลาสั้น ถูกชราต้อนเข้าไปเรื่อย
เมื่อบุคคลถูกความชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีใครช่วยป้องกันได้
บุคคลเมื่อเล็งเห็นภัยนี้ในมรณะ ควรบำเพ็ญบุญทั้งหลายที่จะนำความสุขมาให้ไว้เถิด"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ชีวิตมีช่วงอายุเวลาสั้น ถูกชราต้อนเข้าไปเรื่อย
เมื่อบุคคลถูกความชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีใครช่วยป้องกันได้
บุคคลเมื่อเล็งเห็นภัยนี้ในมรณะ ควรละโลกามิสเสีย มุ่งแต่สันติเถิด"

(อุปนียสูตร)

ทิดตู่ 23-03-2010 18:43

กาลเวลาล่วงผ่านไป

เทวดากล่าว
"กาลเวลาย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ช่วงแห่งวัยก็ย่อมละไปตามลำดับ
บุคคลเมื่อเล็งเห็นภัยนี้ในมรณะ ควรบำเพ็ญบุญทั้งหลายที่จะนำความสุขมาให้..ไว้เถิด"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"กาลเวลาย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ช่วงแห่งวัยก็ย่อมละไปตามลำดับ
บุคคลเมื่อเล็งเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละโลกามิสเสีย มุ่งแต่สันติเถิด"

(อัจเจนติสูตร)

ทิดตู่ 23-03-2010 18:51

ความลำบากในการบำเพ็ญธรรม

เทวดากล่าว
"ภาวะของสมณะ คนไม่ฉลาดบำเพ็ญได้ลำบาก และอดทนได้ยาก เพราะว่าในภาวะของสมณะนั้นมีความคับใจมาก ที่เป็นเหตุให้คนพาลติดขัด"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"คนพาลประพฤติธรรมของสมณะเป็นเวลานานเท่านาน หากยังห้ามจิตไว้ไม่ได้ ยังตกอยู่ในอำนาจแห่งความดำริวิตก ก็จะพึงติดขัดทุก ๆ อารมณ์
หากภิกษุยับยั้งความวิตกไว้ได้ เหมือนเต่าหดอวัยวะของมันไว้ในกระดอง ไม่ถูกตัณหานิสัย และทิฐินิสัยพัวพัน ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ดับกิเลสได้แล้ว จะไม่พึงถูกใครติเตียนได้เลย"

(ทุกกรสูตร)

ทิดตู่ 24-03-2010 17:47

กีดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ

เทวดากล่าว
"บุรุษกีดกันอกุศลธรรมได้ด้วยหิริ*มีอยู่น้อยคนในโลก
ภิกษุรูปใดบรรเทาความหลับได้ เหมือนม้าชั้นดีหลบแส้ได้ฉะนั้น ภิกษุรูปนั้นมีอยู่น้อยในโลก"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพทั้งหลายเหล่าใด เป็นผู้กีดกันอกุศลธรรมได้ด้วยหิริ มีสติ ประพฤติธรรมอยู่ทุกเมื่อ ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพเหล่านั้นมีอยู่น้อยองค์ในโลก
ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพทั้งหลาย บรรลุที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ย่อมประพฤติธรรมได้สม่ำเสมอ เมื่อคนอื่นยังประพฤติลุ่ม ๆ ดอน ๆ กันอยู่"

* หิริ - ความละอาย
(หิริสูตร)

ทิดตู่ 24-03-2010 17:52

ละกิเลสประหนึ่งถูกแทงอยู่ด้วยหอก

เทวดากล่าว
"ภิกษุพึงมีสติหลีกเร้นอยู่ เพื่อละกามราคะ เหมือนบุรุษที่ถูกแทงด้วยหอกมุ่งถอนเสีย และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะมุ่งดับไฟ ฉะนั้น"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ภิกษุพึงมีสติหลีกเร้นอยู่ เพื่อละสักกายทิฏฐิ เหมือนบุรุษที่ถูกแทงด้วยหอกมุ่งถอนออก และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะมุ่งดับไฟ ฉะนั้น"
(สัตติสูตร)

ทิดตู่ 25-03-2010 23:03

วิบากกรรม

เทวดากล่าว
"วิบากแห่งกรรมย่อมไม่ถูกต้องบุคคลผู้ไม่ก่อกรรม
วิบากแห่งกรรมพึงถูกต้องบุคคลผู้ก่อกรรมเท่านั้น
เพราะฉะนั้น วิบากแห่งกรรมจึงถูกต้องบุคคลผู้ก่อกรรม ผู้ประทุษร้ายบุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายโดยแท้"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"บุคคลใดประทุษร้ายต่อนรชนผู้ไม่ประทุษร้าย ผู้บริสุทธิ์จากกิเลส บาปย่อมย้อนกลับมาถึงบุคคลนั้นซึ่งเป็นคนพาลโดยแท้ ประดุจธุลีอันละเอียดที่เขาซัดไปทวนลมแล้วย้อนกลับมา ฉะนั้น"
(ผุสติสูตร)

ทิดตู่ 25-03-2010 23:06

การห้ามใจ

เทวดากล่าว
"บุคคลพึงห้ามใจแต่อารมณ์ใด ๆ ไว้ได้ ทุกข์ย่อมไม่เข้าถึงบุคคลนั้นเพราะเหตุแห่งอารมณ์นั้น ๆ
บุคคลพึงห้ามใจแต่อารมณ์ทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมพ้นจากทุกข์ เพราะเหตุแห่งอารมณ์ทั้งปวง"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"บุคคลไม่พึงห้ามใจแต่อารมณ์ทั้งปวงที่เป็นเหตุให้ใจมีความสำรวม
บาปย่อมเกิดขึ้นจากอารมณ์ใด ๆ บุคคลพึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ เสีย"
(มโนนิวารณสูตร)

ทิดตู่ 26-03-2010 21:56

การนั่งใกล้พระสุคตเจ้า

เทวดากล่าว
"ชนเหล่าใดนั่งใกล้พระสุคตเจ้า มอบตนไว้ในศาสนาของพระโคดม ไม่ประมาทแล้วตามศึกษาอยู่ ชนเหล่านั้นถึงความสุขแล้วหนอ"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ชนเหล่าใดเป็นผู้เพ่งพินิจ ตามศึกษาในข้อสั่งสอนที่เรากล่าวไว้แล้ว ชนเหล่านั้นไม่ประมาทอยู่ในกาล ไม่พึงไปสู่อำนาจแห่งมัจจุเลย"
(เวณฑุสูตร)

ทิดตู่ 26-03-2010 22:00

ผู้มีสติในที่คับขัน

เทวดากล่าว (ปัญจาลจัณฑเทวบุตร)
"บุคคลผู้มีปัญญามาก ได้ประสบโอกาสในที่คับขันหนอ
ผู้ใดได้บรรลุฌานย่อมเป็นผู้ตื่น ผู้นั้นเป็นผู้หลีกออกได้อย่างองอาจ เป็นมุนี"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ก็ชนเหล่าใด แม้อยู่ในที่คับขัน แต่กลับได้สติเพื่อการบรรลุพระธรรม คือ พระนิพพาน ชนเหล่านั้นตั้งมั่นดีแล้วโดยชอบ"
(ปัญจาลจัณฑสูตร)

ทิดตู่ 29-03-2010 16:49

ผู้ที่เรียกว่าพราหมณ์

เทวดากล่าว (ทามลิเทวบุตร)
"พราหมณ์ผู้ไม่เกียจคร้าน พึงทำความเพียรนี้ เพราะละกามทั้งหลายได้เด็ดขาดแล้ว ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่ปรารถนาภพ"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ทามลิ กิจไม่มีแก่พราหมณ์* เพราะว่าพราหมณ์ทำกิจเสร็จแล้ว
บุคคลยังไม่ได้ท่าจอดในแม่น้ำทั้งหลายเพียงใด เขาเป็นสัตว์บก ต้องพยายามด้วยตนเองทุกอย่างเพียงนั้น
ก็พวกเขาผู้นั้นได้ท่าเป็นที่จอดแล้ว ยืนอยู่บนบก ก็ไม่ต้องพยายามเพราะเขาถึงฝั่งแล้ว
ดูก่อนทามลิเทวบุตร นี่เป็นข้ออุปมาแห่งพราหมณ์ ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ พราหมณ์นั้นถึงที่สุดแห่งชาติและมรณะแล้ว ไม่ต้องพยายามเพราะเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว"
(ทามลิสูตร)
*พราหมณ์ในที่นี้ พระผู้มีพระภาคหมายถึงพระขีณาสพ

ทิดตู่ 29-03-2010 16:55

ผู้เข้าถึงฌาน

เทวดากล่าว (จันทิมสเทวบุตร)
"ก็ชนเหล่าใดเข้าถึงฌาน มีจิตเป็นสมาธิ มีสติ มีปัญญา
ชนเหล่านั้นจักถึงความสวัสดี ประดุจเนื้อทรายในชวากเขา ไร้ริ้นยุง ฉะนั้น"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ก็ชนเหล่าใดเข้าถึงฌาน ไม่ประมาท ละกิเลสได้
ชนเหล่านั้นจักถึงฝั่ง ประดุจปลาทำลายข่ายได้แล้วว่ายไป ฉะนั้น"
(จันทิมสสูตร)

ทิดตู่ 20-04-2010 16:53

โลก

เทวดากล่าว
"โลกอันอะไรนำไป อันอะไรเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคืออะไรหนอ"


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"โลกอันจิตย่อมนำไป อันจิตย่อมเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจธรรมอย่างหนึ่งคือจิต"


เทวดากล่าว
"โลกอันอะไรหนอนำไป อันอะไรหนอเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคืออะไรหนอ"


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"โลกอันตัณหาย่อมชักนำไป อันตัณหาย่อมเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจธรรมอย่างหนึ่งคือตัณหา"

เทวดากล่าว
"โลกมีอะไรเป็นเครื่องประกอบไว้ อะไรเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลกนั้น เพราะละขาดซึ่งธรรมอะไรจึงเรียกว่านิพพาน"


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"โลกมีความเพลิดเพลินเป็นเครื่องประกอบไว้ มีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลกนั้น เพราะละตัณหาได้ขาด จึงเรียกว่านิพพาน"

เทวดากล่าว
"โลกมีอะไรเป็นเครื่องผูกไว้ อะไรเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลกนั้น เพราะละอะไรเสียได้จึงตัดเครื่องผูกได้หมด"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"โลกมีความเพลิดเพลินเป็นเครื่องผูกไว้ โลกนั้นมีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไป เพราะละตัณหาได้เด็ดขาด จึงตัดเครื่องผูกได้หมด"

เทวดากล่าว
"โลกอันอะไรผูกเอาไว้ เพราะกำจัดอะไรเสียได้จึงหลุดพ้น เพราะละอะไรได้ขาด จึงตัดเครื่องผูกได้ทุกอย่าง"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"โลกอันความอยากผูกเอาไว้ เพราะกำจัดความอยากเสียได้จึงหลุดพ้น เพราะละความอยากได้ขาด จึงตัดเครื่องผูกได้ทั้งหมด"

ทิดตู่ 28-04-2010 13:43

สางเครื่องยุ่ง

เทวดากล่าว
"หมู่สัตว์ยุ่งทั้งภายใน ยุ่งทั้งภายนอก ถูกความยุ่งพาให้นุงนังแล้ว ข้าแต่พระโคดม เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ว่า ใครพึงสางเครื่องยุ่งนุงนังนี้ได้"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"นรชนคนมีปัญญา เห็นภัย ดำรงมั่นแล้วในศีล อบรมจิตและปัญญาให้เจริญอยู่ เป็นผู้มีความเพียร มีปัญญาเครื่องรักษาตัวรอดนั้น พึงสางเครื่องยุ่งนุงนังนี้ได้
บุคคลเหล่าใดกำจัดราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว บุคคลเหล่านั้น มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่ไกลจากกิเลส บุคคลเหล่านั้นสางตัณหาอันเป็นเครื่องยุ่งได้แล้ว นามก็ดี รูปก็ดี ปฏิฆสัญญาและรูปสัญญาก็ดี ดับหมดในที่ใด ตัณหาอันเป็นเครื่องยุ่งนั้น ก็ย่อมขาดหมดไปในที่นั้น"

(ชฏาสูตร)

ทิดตู่ 28-04-2010 13:54

บุคคลให้สิ่งใดจึงชื่อว่าให้สิ่งนั้น

เทวดากล่าว
"บุคคลให้อะไร ชื่อว่าให้กำลัง
ให้อะไร ชื่อว่าให้วรรณะ
ให้อะไร ชื่อว่าให้ความสุข
ให้อะไร ชื่อว่าให้จักษุ
และบุคคลเช่นไร ชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"บุคคลให้อาหาร ชื่อว่าให้กำลัง
ให้ผ้า ชื่อว่าให้วรรณะ
ให้ยานพาหนะ ชื่อว่าให้ความสุข
ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่าให้จักษุ
และให้ที่พักพาอาศัย ชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ส่วนผู้ที่พร่ำสอนพระธรรม ชื่อว่าให้อมฤตธรรม"
(กินททสูตร)

ทิดตู่ 30-04-2010 13:08

บุญที่เจริญทั้งกลางวันกลางคืน

เทวดากล่าว
"บุญย่อมเจริญทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดกาลทุกเมื่อ แก่ชนพวกไหน ชนพวกไหนตั้งอยู่ในพระธรรม และสมบูรณ์ด้วยศีลแล้วย่อมไปสู่สวรรค์เล่า"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ชนเหล่าใดสร้างวัดวาอาราม ปลูกสวนไม้ดอกไม้ผล ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา สร้างสะพาน สระน้ำ บ่อน้ำ และบ้านเรือนที่พักอาศัยให้เป็นทาน บุญย่อมเจริญแก่เขาทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดกาลทุกเมื่อ ทั้งชนเหล่านั้นยังตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล จึงไปสู่สวรรค์อย่างแน่นอน"
(วนโรปสูตร)

ทิดตู่ 30-04-2010 13:16

เหตุให้วรรณะผ่องใส

เทวดากล่าว
"ผิวพรรณของภิกษุทั้งหลายผู้อยู่แต่ในป่า เป็นสัตบุรุษ ประพฤติธรรมอันประเสริฐ ฉันอาหารมื้อเดียว ย่อมผ่องใสเพราะเหตุแห่งอะไร"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
"ภิกษุทั้งหลาย ย่อมไม่คิดเสียดายถึงปัจจัยที่ล่วงมาแล้ว และย่อมไม่ปรารถนาปัจจัยที่ยังไม่มาถึง ย่อมเลี้ยงชีพด้วยปัจจัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ผิวพรรณของภิกษุเหล่านั้น จึงผ่องใสด้วยเหตุนั้น
เพราะปรารถนาในปัจจัยที่ยังไม่มาถึง และเพราะหวนคิดเสียดายถึงปัจจัยที่ล่วงมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ภิกษุทั้งหลายผู้ยังเขลาอยู่ จึงซูบซีดไปเหมือนต้นอ้อสดถูกถอนขึ้นแล้ว ฉะนั้น"
(อรัญญสูตร)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:31


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว