กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   เล่าสู่กันฟังภาค ๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2885)

เถรี 02-02-2012 08:30

หลวงตาวัชรชัยพอเจอหน้าพระอาจารย์ ท่านดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว เสียดายตอนท่านโดดกอดพระอาจารย์ กล้องของนางมารร้ายดันอยู่ในย่ามซะนี่..!

ประโยคแรกก็คือ "เฮ้ย..เล็ก..ค่าตัวแพงมากหรือยังไงวะ? ถึงไม่มีใครเอาตัวไปงานเขาได้ ขอบใจจริง ๆ ว่ะที่มา..คิดถึงฉิ..หา..เลย..!"

นางมารร้ายเองเจอไม้เท้าหลวงตาไปโป๊กหนึ่ง โทษฐานหายหัวไปจากยุทธจักร มัวแต่ติดหนับอยู่ที่พระอาจารย์..!

ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่า พระอาจารย์มีเครดิตในสายตาของหลวงตาขนาดไหน พี่ ๆ มากันเป็นกระตั้ก แต่หลวงตากราบเท้าขอหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ จุดเทียนชัย และกำหนดให้พระอาจารย์จุดเทียนสัตตบริภัณฑ์ในพิธีพุทธาภิเษก เขาเรียกว่าพี่น้องย่อมรู้มือกันว่าใครเจ๋งแค่ไหน..!


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 02-02-2012 08:32

พระอาจารย์เคยบอกว่า คนเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องเสมอ แต่ผลการคิดต่างกันเพราะสติปัญญาต่างกัน ผู้ร้ายฆ่าคนก็คิดว่าเขาทำถูก..เพราะเขามีสติปัญญาแค่นั้น

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 02-02-2012 08:39

พระอาจารย์บอกว่า แก้วจักรพรรดิที่หลวงพี่เมตตา(หลวงพี่เอ)ถวายให้ท่านอาจารย์หาทุนสร้างเขื่อน มี ๑๓ แบบด้วยกัน จำนวนสูงสุดแบบละ ๘๓ องค์ จำนวนต่ำสุด ๘ องค์ค่ะ มีแบบดาวเท่านั้นที่เป็นเพชรเขาพระงาม นอกนั้นเป็นแก้วคริสตัลของสวารอฟสกี้ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น ๙๕,๖๐๐ บาท ขออนุโมทนามาเป็นอย่างสูงค่ะ

เรื่องเหรียญทำน้ำมนต์หรือวัตถุมงคลอื่น ๆ ก็ตาม ยิ่งทำด้วยวัสดุมีค่าสูงเท่าไร เทวดาที่รักษาก็ยิ่งต้องมีศักดานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ปกติเหรียญทำน้ำมนต์นั้น ท่านให้ทำด้วยทองคำ นาก หรือ เงิน แต่เนื่องจากราคาสูงมากเกินไป จึงได้ขอพระท่านเป็นชุบทองแทน ดังนั้นจึงมีข้อแม้ว่าห้ามทองลอก ถ้าลอกจะเสื่อมอานุภาพทันที แต่ถึงลอกก็เอาไปชุบทองใหม่ได้ แล้วปลุกเสกด้วยอิติปิโสสามห้อง ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ ก็จะใช้ได้เหมือนเดิมค่ะ

อิติ สุกขติ สุกขโต อิติ สุคติ สุคโต คาถาทำน้ำมนต์อาบเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง หรือทำน้ำมนต์พรมรถ - เรือที่ออกใหม่ หรือภาวนาขณะขับขี่ยานพาหนะ จะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ เป็นคาถาของพระสารีบุตรมหาเถระเจ้าค่ะ

วัตถุมงคลที่เป็นพระแร่เหล็กน้ำพี้นั้น ท่านอาจารย์สร้างขึ้นอย่างละ ๒,๐๐๐ องค์ เข้าพิธีทั้งเสาร์ห้า และพิธีที่วัดเขาวงมาแล้ว อาราธนาติดตัวไว้ใช้ได้เลยค่ะ ปลุกด้วยคาถา "อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด "

เหรียญทำน้ำมนต์รุ่นนี้ พระท่านว่าเป็นเหรียญครอบจักรวาล อธิษฐานใช้ได้ในทุกด้าน เพียงแต่เน้นในการทำน้ำมนต์รักษาโรคเท่านั้น ที่ยันต์บางส่วนไม่เหมือนกับของทางวัดท่าซุง เพราะการทำเหรียญน้ำมนต์ของวัดท่าซุงนั้น "ท่านผู้การสถาพร" ไปให้ช่างทำแผ่นเงินทำน้ำมนต์ และเหรียญทำน้ำมนต์(แบบสี่เหลี่ยม) มาอย่างละ ๗๒ องค์ ช่างเขาว่าการเขียนอักขระทับเส้นยันต์นั้นผิด (ผิดของเขา) เขาเลยเพิ่มตัว มะ กับ อะ มาอีก ๒ ตัว จะได้ลงเต็มทุกช่องพอดี หลวงพ่อฤๅษีท่านเห็นว่าทำมาแล้ว ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เมื่อพระท่านเสกให้ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ

ท่านที่สงสัยในหลวงพี่เมตตา กับหลวงพี่อุเบกขา ท่านอาจารย์เฉลยว่า หลวงพี่เมตตายาว หลวงพี่อุเบกขาใหญ่ เมื่อยาวรวมกับใหญ่ย่อมใช้งานได้ดีเป็นพิเศษค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 03-02-2012 12:32

ท่านอาจารย์เหมือนบอกทางอ้อมว่า ถ้าพวกเราขาดสติ ก็อาจทำอะไรให้ท่านเดือดร้อนได้ ท่านบอกว่าพระที่ทรงฌานได้ดี เวลาจะไป ท่านจะป่วยหนักแล้วไปเลย ไม่เคยแสดงอาการป่วยเล็กน้อยให้เห็น เพราะท่านใช้กำลังฌานควบคุมร่างกายได้

ท่านต้องการสงเคราะห์คนเป็นสำคัญ จึงไม่ยอมแสดงอาการป่วยให้คนที่มาพึ่งนั้นขาดกำลังใจ คนจึงไม่รู้ว่าท่านป่วยมาก จนกระทั่งร่างกายแย่สุด ๆ จนล้มหมอนนอนเสื่อ ก็ไม่เหลือเวลาให้เยียวยาแล้ว

ฉะนั้น..ถ้าอยากให้ท่านอยู่กับเรานาน ๆ ก็ต้องพยายามอย่ารบกวนท่าน รักษาสติและกำลังใจตัวเองให้ดี นางมารร้ายสังเกตว่าถึงท่านจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าคนต้องการกำลังใจ ท่านจะไม่แสดงอาการเหนื่อยให้เห็น

ดังนั้นถ้าเราเข้มแข็ง ไม่ต้องให้ท่านมากังวลรักษากำลังใจ ก็จะเป็นการช่วยให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนพักฟื้นร่างกายมากขึ้น จะได้อยู่เป็นที่พึ่งเราไปนาน ๆ อย่างไรคะ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 03-02-2012 12:42

งานนี้ประทับใจคำปรารภของพระอาจารย์ตอนทำวัตรเช้าวันเข้าพรรษาค่ะ ท่านพูดยกตัวอย่างให้พระฟังว่า ขณะนี้ท่านกำลังถูกมารพยายามเล่นงานอย่างหนัก เพราะท่านตั้งใจจะทำวัดท่าขนุนให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ เป็นที่พึ่งทางใจทั้งของพระและฆราวาส พวกเขาจึงต้องพยายามขวางอย่างหนัก

เขาเล่นท่านตรง ๆ ไม่ได้ ก็พยายามหันไปใช้คน สัตว์ สิ่งของรอบข้างกลั่นแกล้งท่านอยู่ทุกครั้งที่มีจังหวะ ให้ท่านไม่มีเวลาพัก..เมื่อเหนื่อยและเพลียมาก ๆ จะได้ขาดสติ เขาจะได้เข้าแทรก เช่น ท่านสั่งให้พระกวาดลานวัด พอจะงีบสักหน่อย พระองค์หนึ่งโดนมารดลใจ ให้กวาดแต่รอบกุฏิของท่าน มาถามภายหลังว่าไม่รู้หรือว่ารบกวนอาจารย์? ท่านว่าก็รู้เหมือนกัน..แต่ทำไมไม่คิดจะย้ายไปกวาดที่อื่นก็ไม่รู้

กำลังจะงีบ ๆ เดี๋ยวก็มีคนมาตะโกนเรียก..หนังสือพิมพ์มาแล้ว นางมารร้ายเจอจัง ๆ ก็ตุ๊กแกผีบ้าค่ะ ได้ยินมันร้องลั่นตั้งแต่กุฏิเจ้าที่ที่อยู่ถัดไปตั้งสองหลัง พอเดินเอาเอกสารไปวางให้ถึงรู้ว่าดังมาจากในกุฏิพระอาจารย์นี่เอง มองไปก็เห็นท่านนอนบ่นงึมงัมอยู่ น่าสงสารจังค่ะ

ยังไม่พอ..เช้าวันรุ่งขึ้นที่จะมีงาน ท่านเกิดถ่ายท้องหมดเรี่ยวแรง ไมค์ตั้งโต๊ะที่เคยใช้ประจำดันหอนไม่ยอมหยุด ทำให้ท่านต้องออกแรง ทั้งที่ก็จะไม่เหลือแรงให้ออกอยู่แล้ว ถือไมค์เก่าคุยกับญาติโยม (ท่านว่ามารที่ตามกวนท่านนี้เป็นคู่ปรับเก่ากันมาก่อน..ผลัดกันแพ้ผลัดชนะมาหลายยกแล้ว)

ท่านเตือนพระว่า..อย่าคิดว่าเป็นพระแล้วมารจะแทรกไม่ได้ ขนาดพรหมยังโดนมารแทรกได้เลย ดูอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้ท้าวพกพรหมฟังนั่นปะไร ท้าวพกพรหมท่านมีบุญมาก ตายจากพรหมก็เกิดเป็นพรหมต่อ หลายครั้งเข้าจนท่านคิดว่าท่านเป็นอมตะ พอพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังว่าการเป็นพรหมนั้นไม่เที่ยง ยังมีการแตกดับ ก็ยังอุตส่าห์มีพรหมองค์หนึ่งลุกขึ้นมาเถียงพระพุทธเจ้าว่าไม่จริง..พกพรหมนั่นแหละเลิศสุดแล้ว

ท่านยังยกตัวอย่างพระองค์หนึ่งในวัดท่าขนุน ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่รักของคนทั่วไป ถึงคราวกรรมเข้า วันนั้นอาจจะเพราะศีลพร่องไปหน่อยด้วย มารเข้าสิงใจ ท่านน้อยใจที่โดนเพื่อนในวัดต่อว่าเลยไปผูกคอตาย

ฉะนั้น..ขอให้ทุกท่านพยายามระมัดระวังสติให้ดี รักษาศีลให้ครบถ้วน เพื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกมารเข้าแทรกใจ การที่ทุกท่านพยายามตั้งมั่นอยู่ในความดี ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นการทำเพื่อรักษาเกียรติคุณของครูบาอาจารย์อันมีหลวงพ่อสาย เป็นต้น และเป็นการทำเพื่อวัด เพราะเมื่อคนเห็นว่าพระเราดี..วัดเราดี..เขาก็แห่กันมาทำบุญอย่างที่เห็น วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมเขาไม่ไป..ถามตัวคุณเองสิว่าวัดอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่ไปบวช ทำไมมาเลือกวัดนี้

และท้ายสุด..การรักษาความดีเป็นการช่วยพระศาสนาด้วย เมื่อคนหันมาพึ่งพระพึ่งวัดแล้วดี..มีความสุข เขาก็จะพากันมามากขึ้น ๆ เข้าถึงความดีกันมากขึ้น ๆ ทั้งศาสนาและประเทศชาติก็จะเจริญขึ้น


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 27-02-2012 14:04

พูดถึงเรื่องแก้วจักรพรรดิ พระอาจารย์เคยพูดย้ำเสมอ ๆ ว่า พระเณรควรจะมีติดตัวไว้ เมื่อถึงเวลาถึงวาระจะเป็นที่พึ่งแก่คนเขาได้

แก้วจักรพรรดิองค์ต้นที่รับมาจากหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนั้น เป็นของพระเจ้าจักรพรรดิเลี้ยงคนได้ ๔ โลก คือ อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป ชมพูทวีป ปุพพวิเทหทวีป แล้วแก้วจักรพรรดิของหลวงพ่อมีอานุภาพ ๙๐ % ขององค์เดิมถึงแม้ว่าจะเลี้ยงคนไม่ถึง ๔ โลกก็ตาม แต่ก็ใกล้เคียง

ผมเรียนถามพระอาจารย์ว่า เวลาท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลท่านทำอย่างไร ท่านขอพระท่านว่าขอให้มีอานุภาพเหมือนของหลวงพ่อทุกประการ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 08:10

นำคำสอนหลังทำวัตรเช้า วันที่ ๒๓ ต.ค. ๔๙ มาฝากค่ะ

ใจหรือจิตของคนเรา จะเสวยกุศลหรืออกุศลได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจิตเป็นกุศล..อกุศลก็จะแทรกไม่ได้ หรือถ้าจิตเป็นอกุศลอยู่..ความเป็นกุศลก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องตื่นแต่เช้า เพราะสำหรับนักปฏิบัติแล้ว ตื่นยิ่งเช้ายิ่งดี ผมเองตอนฝึกกรรมฐานผมตื่น ๐๒.๕๕ น. ใช้เวลาทำธุระส่วนตัว ๕ นาที แล้วตั้งแต่ตี ๓ ถึง ตี ๕ จะภาวนา ใช้หนังสือ ๔ เล่ม คือ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน , กรรมฐาน ๔๐ , ปฏิปทาของท่านผู้เฒ่า , และมหาสติปัฏฐานสูตร ผมเอาคำสอนในหนังสือเป็นคำภาวนา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจำเนื้อหาในหนังสือได้หมดทุกคำว่าอยู่ตรงไหน หน้าไหน

เมื่อครบเวลาแล้ว ก็จะพยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้ได้ตลอดวัน ถ้าทำดังนี้ได้..ดวงจิตจะชินกับอารมณ์ที่เป็นกุศล ต่อให้มีความชั่วเจริญงอกงามอยู่แล้ว..ก็จะเจริญต่อไปไม่ได้ การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 09:27

เอาธรรมะจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝากค่ะ

พระอาจารย์บอกว่า การแสดงความรักในหลวงที่ดี ก็คือ การทำงานในความรับผิดชอบตามหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ

ท่านยังว่า แก่นของพระพุทธศาสนาก็คือสติ

และด้วยขณะนี้มีพุทธศาสนานิกายอื่น ๆ มากมาย ที่บางนิกายก็ไม่เน้นพระวินัย ท่านอาจารย์จึงกล่าวถึงนิกายเถรวาทของเราที่เน้นพระวินัยว่า พระวินัยนั้นคือรากแก้วของพระพุทธศาสนา หากปราศจากรากเสียแล้ว จะแก่นหรืออะไรก็ไม่มีทั้งนั้น พระวินัยก็คือศีล ก็ถ้าไม่มีศีลเสียแล้วสมาธิและปัญญาก็มิอาจที่จะตั้งอยู่ได้


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 09:51

ใครที่ร้อนใจเพราะข่าวการเมืองตอนนี้ ให้หมุนไปดูช่องอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว การได้เห็น การได้ยิน เป็นของร้อน เพราะพอรับมาแล้วก็เอามาปรุงแต่งด้วยกิเลส แล้วก็ทำให้กิเลสเพิ่มขึ้นอีก

ทำอย่างไรจะรักษาใจให้เป็นสุข ไม่ให้กิเลสมาครอบงำ ก็ต้องระวังไม่เอาไฟเข้ามาเผาใจ โดยระวัง ตา หู จมูก ลิ้น ให้ดี อย่าไปรับเอาของร้อน ต้องรู้จักหยุดคิดหยุดปรุงแต่ง ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน เห็นก็สักแต่ว่าเห็น แล้วปล่อยวางให้ได้

การฟัง โดยเฉพาะในสิ่งที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ทำให้ใจนำมาปรุงแต่งต่อ เกิดความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เกิดความร้อนรุ่ม ขอบอกว่าประเทศไทยนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อีก ๕ - ๖ ปีก็ดีเอง

ข่าวภายนอกเต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะในทางการเมือง ทั้งนี้เพราะความเชื่อของคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเขาได้รับความเชื่อถือจากเราแล้ว จะทำอะไรเราก็สนับสนุนเขา เขาจึงต้องพยายามช่วงชิงความเชื่อถือจากเราให้ได้ รูปในข่าวถือระเบิดอยู่ในมือชัด ๆ เมียเขายังบอกว่าเป็นพวงกุญแจ..ไปของเขาจนได้

นี่เป็นเรื่องปกติ บ้านเมืองยิ่งเจริญคนก็ยิ่งห่างจากศาสนา คนยิ่งห่างจากศาสนา จิตใจก็ยิ่งร้อนรุ่ม ที่น่าเป็นห่วงคือเด็กรุ่นใหม่ ทำอย่างไรจะให้เขาเข้ามายึดศาสนา จิตใจจะได้มีที่พึ่งเป็นเบื้องต้น ไม่ไหลไปตามกระแสโลก จนรู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม มีชีวิตไปเพื่ออะไร เกิดสับสนขึ้นมาก็พาลจะบ้าคลั่งไล่ฆ่าคนอย่างที่เห็นเป็นข่าว

ฉะนั้น..จะดูจะฟังข่าวอะไร ก็ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาประกอบ อย่าใช้อารมณ์ไปปรุงไปแต่ง จนมีอารมณ์ไปในทางที่เขาต้องการ ก็รู้ว่าร้อนก็อย่าไปรับเข้ามา..ก็จบ แล้วลองใช้ปัญญาพิจารณาไป ก็จะค่อย ๆ เห็นความจริงกันเอง


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:01

สำหรับคนที่พลาดไปงานทอดกฐินครั้งนี้นะคะ ท่านอาจารย์กล่าวถึงพระสมเด็จศรีอินทราทิตย์ ที่ปลุกเสกตั้งแต่เมื่อเสาร์ห้าที่ผ่านมา ว่าพระรุ่นนี้ท่านให้เขาเผานานเป็นพิเศษ เพื่อให้เนื้อแกร่งเป็นเซรามิก เผื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ พระจะได้ปลอดภัยค่ะ ฮ่า ๆ

ในส่วนของคน ท่านว่ากรรมที่เคยไปตีบ้านตีเมืองเขาไว้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านจึงขอชีวิตไว้ ถ้าต้องเสียหายก็ขอเป็นแค่ทรัพย์สินค่ะ

ท่านบอกว่า ปกติเวลาปลุกเสกก็ไม่เคยขออะไร คราวนี้เห็นคนวิตกเรื่องภัยพิบัติกันมาก ท่านเลยขอให้พระรุ่นนี้สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากธาตุทั้ง ๔ ได้ ท่านว่างานนี้ หลาย ๆ คนที่เป่ายันต์จนด้านไม่รู้สึกอะไร...ก็ยังรู้สึกมึน ๆ หนัก ๆ หัวกัน ก็เพราะขอจนขนาดนั้นนั่นแหละค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:04

เราจะเกิดเป็นคนกันมาได้ ก็ต้องมีคุณธรรมของความเป็นคนมาก่อน การทำผิดศีล ๕ ทำให้คุณธรรมตรงนี้ลดลง ฉะนั้นใครที่ทำผิดศีล ๕ ก็หมายถึงว่าเขากำลังทำลายความเป็นมนุษย์ของตนเองให้ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ตัวเองต้องไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าคนลงไปเรื่อย ๆ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:12

คำเทศน์ก่อนฝึกกรรมฐานช่วงนี้ พระอาจารย์ท่านเน้นให้เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลค่ะ

เราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกเราโชคดีเพียงไรที่ได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมเช่นนี้ หากมองย้อนไปในอดีต และมองไปในประเทศอื่น ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์ ก็จะเห็นชัดว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้เปี่ยมด้วยพระบารมีอันยิ่งใหญ่เพียงไร

นับตั้งแต่ทรงปกครองบ้านเมืองมาหกสิบปี มีโครงการในพระราชดำริเกิดขึ้นมากมาย เฉลี่ยแล้วแทบว่าจะสัปดาห์ละ ๑ โครงการ พระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอด ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทำให้ท่านเป็นที่รักและมีอิทธิพลยิ่งต่อปวงชนชาวไทย เรื่องใหญ่ร้ายแรงเพียงไร พระองค์ท่านเอ่ยปากเพียงคำเดียวทุกฝ่ายก็พร้อมจะหยุด เป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ชาวต่างประเทศ

พระราชาแห่งบรูไนตรัสยกย่องว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทยนั้น เป็นเกียรติเป็นศรีแก่สถาบันกษัตริย์ทั่วโลก และพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กษัตริย์ในหลายประเทศดำเนินรอยตาม ทำให้เกิดความหวังที่จะพลิกฟื้นความศรัทธาในสถาบันกษัตริย์จากประชาชนในประเทศที่เคยมี

พวกเรามีแก้วมีค่าในมือ ก็ควรที่จะรู้วิธีระวังรักษาให้อยู่กับเรานาน ๆ สิ่งที่จะทำให้คนอายุแปดสิบมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปเพื่อลูกหลาน ก็คือความประพฤติดีประพฤติชอบนั่นเอง ถ้าเราทะเลาะกันพ่อคงไม่มีกำลังใจจะอยู่ต่อ ถ้าเราขยันหมั่นทำดีเพื่อชาติกันมาก ๆ ท่านก็คงสุขใจ ทำให้สุขกาย อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เราไปนาน ๆ

ดังนั้น..ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะขยันทำความดีกันเพียงไร ตั้งแต่นี้ลองตั้งใจถือศีล ๘ ถ้าไม่ไหวก็ศีล ๕ นั่งสมาธิสักวันละครึ่งชั่วโมงเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จะทำกันได้ไหม ?


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:22

นางมารร้ายเคยถามพระอาจารย์ว่า ถ้าเราเลือกฤกษ์ดีออกรบ ฝ่ายข้าศึกออกรบวันเดียวกับเรา แล้วใครจะชนะละคะ ?

พระอาจารย์ท่านหัวเราะตอบว่า ก็ต้องเราสิ..เพราะเรารู้ เราบูชาบวงสรวงด้วยความเคารพ แต่เขาไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ

นี่แหละค่ะเรื่องของฤกษ์ยาม ถ้าเลือกฤกษ์ยามดี ไหว้พระก่อนออกเดินทาง แต่ดันไปไม่ทันเครื่องบิน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเที่ยวบินนั้นอาจจะมีปัญหาก็ได้นะคะ..ฮี่..ฮี่..


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-02-2012 10:18

ศาสดานอกศาสนาที่ชื่ออารกะ ท่านบอกว่า
ชีวิตเหมือนต่อมน้ำ ผุดขึ้นมาก็แตกโป๊ะไปเลย
ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ วูบเดียวก็หายไปเลย
ชีวิตเหมือนลำธารไหลจากภูเขา พรวดเดียวก็ผ่านหน้าไป
ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า ตายแน่ ๆ ไม่พ้นความตายเด็ดขาด
ชีวิตเหมือนน้ำค้าง โดนแดดก็ระเหยหมดไปแล้ว

ยังจะไปคิดว่าอายุขัย ๑๐๐ ปี ตอนนี้เหลือแค่ ๗๕ ปี เป็นเวลาที่นานแล้ว มันนานของเรา ลองไปเปรียบกับอายุของหินผา ต้นไม้ก็ได้ ไม่ต้องไปเปรียบถึงขนาดอายุของจักรวาล อายุของพรหม เทวดาท่านหรอก มันเศษเสี้ยวธุลีเดียวเท่านั้น จะตายลงไปวันไหนก็ไม่รู้

รอบข้างมีแต่ภัยอันตรายจะพาเราสิ้นชีวิตลงไปได้ทุกเวลา ถ้าไม่ฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิดสร้างความดีให้แก่ตัวเองให้มากที่สุด การที่จะเวียนตายเวียนเกิดเพื่อทุกข์ทนก็จะยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วการเวียนตายเวียนเกิดเหมือนกับทางลาดชัน มีโอกาสที่จะไถลลงได้มากเกิน ๘๐% นึกถึงตรงจุดนี้จะรู้ถึงความน่ากลัวของวัฏสงสาร เผลอเมื่อไรก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นใช้เวลาทุกเวลานาทีให้มีค่าที่สุด ทำอย่างไรที่จะให้เราไปให้พ้นให้ไกลที่สุด


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-02-2012 10:29

สมเด็จพระสังฆราชวัดสระเกศ ตอนนั้นท่านอายุ ๙๐ ปี สมเด็จพระสังฆราชกิตติโสภณมหาเถระ วัดเบญจฯ ทำบุญฉลองอายุ ๗๒ ปี สมเด็จพระราชาคณะก็ไปกันหมด สมเด็จพระสังฆราชตอนนั้นยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะท่านก็ไป ไปตอนฉันเพลท่านก็คุยกัน

ท่านก็บอกกับเพื่อน ๆ สมเด็จฯ ด้วยกันว่า "ผมตรวจดูดวงผมแล้ว ผมจะได้เลื่อนอีกขั้นหนึ่ง" จริง ๆ สมเด็จพระราชาคณะไม่มีเลื่อนสูงกว่านั้นหรอก นอกจากเป็นพระสังฆราช แล้วรายที่นั่งอยู่อายุแค่ ๗๒ พระคุณท่าน ๙๐ แล้ว หลวงพ่อพระสังฆราชวัดเบญจฯ ฉุนขาดเลย แกล้งเหน็บไปว่า "สงสัยจะเลื่อนเข้าโกศกระมัง ?"

ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน คนอายุ ๗๒ หัวใจวาย ปล่อยให้คนอายุ ๙๐ เป็นพระสังฆราชไปสองปีกว่า มรณภาพตอน ๙๒ กว่า ๆ สมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ญาโณทัยมหาเถระ ท่านเป็นพระที่ไม่ถือตัว

จำไว้...พระดีไม่มีถือตัวหรอก เวลาเขามานิมนต์จะยากดีมีจนอย่างไรก็ตามถ้าท่านว่างท่านก็รับ รับเสร็จแล้วก็ไปสงเคราะห์เขา บางทีอาแป๊ะมานิมนต์ก็ไปกับท่าน เขาก็ไม่มีรถยนต์มารับ ก็ไม่เป็นไรหรอก เอาซาเล้งก็ได้ ก็เรียกมา ถึงเวลาก็ขึ้นสามล้อไป เล่นเอาพวกเจ้าหน้าที่สังฆาธิการต่าง ๆ ที่ทางกระทรวงเขาส่งมาหัวเสียไปตาม ๆ กัน เป็นพระสังฆราชไม่ได้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรเลยหรือ...ไปขี่สามล้ออย่างนั้น

สามล้อยังดี มีอยู่เที่ยวหนึ่งอาแป๊ะอีกคนมานิมนต์ ท่านก็บอกว่า "ไป..บ้านอยู่ไหนล่ะ ?" อาแป๊ะก็บอกว่าอั๊วไม่มีรถมารับนะ "เฮ้ย...ไม่เป็นไร ขี่หลังลื้อไปก็ได้" ตกลงอาแป๊ะก็แบกสมเด็จพระสังฆราชขึ้นหลังไปอย่างกับเด็ก เด็กเขาเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันใช่ไหม ? ท่านก็ไปของท่านอย่างนั้น

ท่านรักษากำลังใจคน เพราะว่ากำลังใจคนถ้าหากเกาะพระดีหน่อยเดียว ได้ประโยชน์เขามหาศาลไม่รู้จบจริง ๆ จะกี่ชาติกี่ภพก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ตัวเองไม่พ้นห่างจากความดี ท่านก็ไปสงเคราะห์เขาอย่างนั้น ไปถึงบางทีเขาเปิดร้านชำ ข้าวของแน่นไปทั้งร้านเลย ไม่มีที่จะสวดมนต์ ท่านบอกไม่เป็นไรหรอก ตรงด้านหน้าร้านเป็นทางเท้าอยู่หน่อยหนึ่ง นั่งตรงนั้นก็ได้ ปูเสื่อลงไปนั่งสวดตรงนั้น ในสมัยนี้เขาทำกันไหมล่ะ ?

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว