กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3952)

เถรี 21-12-2013 14:53

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๖
 
ถาม : เคยได้ยินว่าพระห้ามฉันเนื้อดิบ อยากเรียนถามว่าถ้าจะถวายปลาดิบแบบญี่ปุ่น พระจะฉันได้หรือไม่ และผิดศีลไหมคะ ?
ตอบ : ฉันได้ แต่ผิดศีล เพราะว่าสมัยก่อนทางด้านฮินดูเขานิยมมังสวิรัติ โดยเฉพาะอาหารเนื้อ ต่อให้ทำสุกเขายังรังเกียจ แล้วนี่ว่ากันดิบ ๆเลย

ถาม : แล้วอย่างกึ่งสุกกึ่งดิบได้ไหมครับ ?
ตอบ : ผิดเหมือนกัน คือตอนนี้พระอีสานจำนวนมากอยากจะสึก เพราะว่าฉันปลาร้าบองดิบ ๆ ไม่ได้ ..!

เถรี 21-12-2013 14:54

ถาม : มีเพื่อนต่างชาติถามว่าคนไทยทำบุญทอดกฐินทุกปี เป็นร้อยปี แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังยากจน ในขณะที่พวกตะวันออกกลางบางประเทศที่มีน้ำมัน ไม่ได้ทำบุญหรือทอดกฐินเลย แต่ประชาชนมีฐานะดีและมีสวัสดิการดี อยากทราบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นเจ้าคะ ?
ตอบ : คุณรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ที่รวย ๆ ในตะวันออกกลาง ไม่ใช่คนไทยไปเกิดที่นั่น ? ก็ดันถามเรื่องอย่างนี้ สรุปว่าคนที่ทำยังไม่ทันจะเกิดใหม่ ส่วนคนที่เกิดใหม่ในรุ่นเรานี่แหละ เดี๋ยวรอให้ม็อบเลิกก็จะเริ่มรวยแล้ว ขนาดออกพระทองคำยังจองกันไม่มีเหลือ จะไม่รวยได้อย่างไร เขาบอกว่าทำบุญชาตินี้มักจะได้ชาติหน้า ให้รีบเสนอหน้าแล้วจะได้ชาตินี้..!

เถรี 21-12-2013 15:01

ถาม : การปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ย บาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บาปแปลว่าชั่ว ปล่อยเงินกู้ชั่วไหมเล่า ? การปล่อยเงินกู้ ถ้าเป็นไปตามกฎหมายก็ถือว่าสมยอมกัน ไม่มีใครทำผิด แต่ถ้าเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราเกินกฎหมาย ถ้าคิดว่าแน่ก็เบี้ยวได้เลยเพราะอีกฝ่ายหนึ่งผิด แต่เขาจะส่งคนมากระทืบจมดินเสียก่อน..!

ถาม : แต่ถ้าคิดดอกเบี้ยมหาโหดแล้วทำให้เขาเป็นทุกข์นี่จะเป็นบาปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น..เพราะคุณเองรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร..แล้วยังไปเอาจากเขา

ถาม : ก็คนเดือดร้อนนี่ครับ ?
ตอบ : ก็รับกรรมของตัวเองไป

เถรี 21-12-2013 15:04

ถาม : เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มักจะมีการชุมนุมกันหลายครั้ง จากสาเหตุหลายกรณี เช่น การชุมนุมทางการเมือง การชุมนุมเรียกร้องราคาผลผลิต ซึ่งมักจะมีการปิดถนนหรือสถานที่ต่าง ๆ การกระทำทั้งหลายเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายไหนหรือภาคส่วนไหน อยากทราบว่าการกระทำเหล่านี้จะเกิดผลกรรมหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : กรรมแปลว่าการกระทำ เกิดผลแน่ ๆ ผลที่เห็นคือรถติด ส่วนผลที่จะเห็นต่อไปข้างหน้า ถ้าสุขภาพไม่ดีจะท้องผูกเป็นประจำ อันนี้แค่ผลกระทบที่น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าไปอุดเขานานหลายวัน ถ้าไปอุดเขานานหลายวันก็ตัวใครตัวมันเลยนะ

ถาม : แล้วถ้าเกิดว่าพ้นจากชาตินี้ไปแล้วล่ะครับ ?
ตอบ : ทำอะไรก็ติดขัด มีอุปสรรคไปหมด

ถาม : เมื่อเดือดร้อนผมก็ไปเรียกร้อง ต้องปิดถนน ?
ตอบ : คนไทยเรามักจะรู้แต่สิทธิของตนเอง แต่ลืมในการไปล่วงสิทธิของผู้อื่น

ถาม : แล้วมีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : มี..เดี๋ยวฆ่ากันตายหมดเขาก็เลิกกันไปเอง..!

เถรี 21-12-2013 15:07

ถาม : จากการที่หลวงพ่อวัดท่าซุงได้เล่าเรื่องสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม และได้เล่าเรื่องพระปัจเจกพุทธเจ้า คิดว่าในเมื่อมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม แล้วจะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ปฐมด้วยจะเป็นไปได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : น่าจะเป็น

ถาม : จะเป็นบรรลุพร้อม ๆ กันหรือเปล่า ?
ตอบ : เกิดไม่ทันจ้ะ เลยตอบไม่ได้

เถรี 21-12-2013 15:08

ถาม : ถ้าเกิดเรามีของทำบุญแล้ว ทีนี้เราโทรไปถามเพื่อนว่าจะร่วมทำบุญด้วยหรือเปล่า เขาก็ร่วมทำบุญกับเรา แล้วให้เราออกเงินทำบุญใส่ซองไปก่อน แล้วเอาเงินนั้นมาจ่ายเราทีหลัง เงินนั้นเราเอามาใช้จะมีโทษไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เกินราคาของที่ทำบุญใช้ได้ มีโทษคือใช้แล้วเงินหมด..!

ถาม : แล้วถ้าเกิดว่าเกินนี่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เอาไปถวายวัดก็ติดหนี้สงฆ์

เถรี 21-12-2013 15:15

ถาม : ในหนังสือสมบัติพ่อให้เขียนว่า พุทธาภิเษกที่ตึกรับแขก วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งเป็นพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปบูชา แต่คุณวิมาลี ศิรประภาชัยได้ขออนุญาตหลวงพ่อนำส่วนที่สร้างถวายเข้าพิธีนี้ด้วย วันรุ่งขึ้นก่อนหลวงพ่อรับแขกท่านเล่า “เมือคืนปลุกเสกพระหมาไม่หอน งวดนี้ไม่ให้หมาเห็น เพราะ ๒ งวดก่อนให้หมาเห็นเห่ากันเจี๊ยวจ๊าว รุ่นนี้แอบไม่ให้หมาเห็น เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ ใครทำไม่ดียันกลับหมด” ผมอ่านคำสนทนาของพระอาจารย์ ณ บ้านอนุสาวรีย์ พ.ศ.๒๕๔๔ เห็นว่าหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านให้เข้าพิธีใหม่ ผมขอโอกาสถามว่า ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านบอกว่า “เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ” คือรุ่นไหนครับ ?
ตอบ : เมื่อคืนอาตมาหลับ ก็เลยไม่รู้ว่ารุ่นไหน..!

ถาม : แล้วรุ่นยันกลับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงทำนี่รุ่นไหนครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลือกรุ่นหรอก ถ้าใครมาใกล้ ๆ ก็ยันได้ทุกคนแหละ..!

ถาม : ที่หลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ เป็นล็อกเก็ต มีลักษณะไหนครับ ใช่เหรียญของขวัญวันเกิดรุ่นสุดท้ายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เห็นทางวัดท่าซุงเขาบอกว่ารุ่น ๓ คือรุ่นที่เป็นเหมือนพระพุทธชินราช

ถาม : แต่ล็อกเก็ตนี่คือรุ่นสุดท้ายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่จะนับ เหมือนกับการสังคายนาพระธรรมวินัย บางรายก็นับไป ๗ - ๘ ครั้ง บางรายก็นับแค่ ๓ ครั้ง แล้วแต่ว่าเชื่อตรงไหน

ถาม : แล้วมีข้อสรุปไหมครับว่าตกลงมีมาแล้วกี่ครั้ง ?
ตอบ : นักวิชาการเอาแค่ ๓ ครั้งแรก

ถาม : แล้วทำไม ๔ ครั้งหลังนี่เขาไม่นับล่ะครับ ?
ตอบ : นอกจากหลักฐานไม่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการแค่ทวนความเฉย ๆ การสังคายนาต้องมีสาเหตุที่จะทำเพื่อความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัย แต่การสังคายนาครั้งที่ ๔ และ ๕ เป็นการทวนความเฉย ๆ ไม่ได้มีสาเหตุ

ครั้งที่ ๑ สาเหตุคือการจาบจ้วงพระธรรมวินัยของสุภัททปริพาชก ครั้งที่ ๒ เป็นการไม่เสมอกันในศีลของภิกษุชาววัชชี ที่ไปตีความเองว่าน่าผ่อนผันได้อย่างนั้นอย่างนี้ ครั้งที่ ๓ มีพวกเดียรถีย์ปลอมบวชเข้ามามากแล้วอ้างพระธรรมวินัยผิด ๆ ส่วนครั้งที่ ๔ - ๕ นั้น ท่านทำลักษณะทวนของเก่า เหมือนอย่างกับว่าสวดดูว่ายังจำได้ไหม ไม่ได้มีสาเหตุในการปกป้องพระธรรมวินัย

การสังคายนาพระธรรมวินัยคือการทบทวนว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ อันดับแรกถ้าได้บุคคลที่ทันในยุคสมัยนั้นได้ยิ่งดี เพราะจะได้ยืนยันในคำสอนนั้น ๆ อันดับที่ ๒ ผู้ที่เข้าร่วมในการสังคายนาพระธรรมวินัยควรจะเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เพราะว่าทุกท่านสามารถที่จะติดต่อตรงกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถยืนยันคำสอนนั้นได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ดังนั้น..ก็เลยมีแบบธรรมเนียมปฏิบัติในลักษณะที่ว่า อย่างน้อย ๆ บุคคลที่เข้าสังคายนาก็ควรจะเป็นพระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณขึ้นไป

ส่วนเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีข่าวว่าขุดพบอาคารสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เอาไปพิสูจน์อายุของเนื้อไม้ตามแบบที่ฝรั่งเขาเรียกว่าคาร์บอน ๑๔ ได้อายุออกมา ๖๒๕ ปี (ก่อนคริสตกาล) ก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าอาจจะเกิดก่อนหน้าที่พวกเราเชื่อถือกันเป็น ๑๐๐ ปี ว่าอย่างนั้น แต่อาตมาดูแล้วไม่เห็นมีอะไรต่างเลย เพราะว่าปัจจุบันของเราอายุพุทธศาสนาก็คือมากกว่าศาสนาคริสต์ ๕๔๓ ปี ถ้าบวกอายุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ๘๐ ปีก็คือ ๖๒๓ ปีพอดี ก็แปลว่าไม่มีอะไรผิดพลาดไปจากที่เขาวิเคราะห์ออกมา

ฉะนั้นไม่ใช่ข่าวใหญ่ แล้วก็ไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่รู้สึกว่าแวดวงวิชาการเขาตื่นเต้นกันมากว่าเป็นของใหม่ จะต้องปรับเรื่องวัน เดือน ปีในการประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งไกลเกินไป เขาบอกว่าอายุไม้นั้นเกิดก่อนคริสตศักราชประมาณ ๖๒๕ ปี คราวนี้พอเราเอา ๕๔๓ บวกด้วย ๘๐ ได้ ๖๒๓ ต่างกัน ๒ ปีเท่านั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าฝรั่งจะโม้ว่าวิธีการของเขาแม่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อาตมาไม่เห็นความต่างของ ๒ ปีเลย

เถรี 21-12-2013 15:16

ถาม : ผมจะไปบวชธุดงค์ที่วัดท่าซุง ขอคำแนะนำว่าควรปฏิบัติและทำกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : ควรปฏิบัติอย่างไร ? “ปฏิบัติตามระเบียบวัดท่าซุง” ทำกำลังใจอย่างไร ? “ตายแน่” คนเราถ้านึกถึงความตายเป็นปกติ จะไม่ประมาทในชีวิต ถ้าตายแล้วไปอบายภูมิถือว่าขาดทุนมหาศาล ในเมื่อรู้ตัวอย่างนั้นก็ต้องตะเกียกตะกายให้เต็มที่ ไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ หลุดพ้นไปพระนิพพานได้เลยยิ่งดี

เถรี 21-12-2013 15:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "กรรมอทินนาทานมักจะเสียทรัพย์สิน เราดูอย่างพายุไห่เยี่ยนล่อเสียราบเป็นหน้ากลองเลย เราคงไม่เคยคิดว่ามีบ้านอยู่ดี ๆ จะโดนลมยกไปทั้งหลัง แล้วส่วนใหญ่ที่โดนพร้อม ๆ กันก็มักจะเป็นประเภทถึงเวลาก็ยกกองทัพไปตีบ้านตีเมืองเขา มาทีก็กวาดราบเป็นหน้ากลองไปเลย ไม่ต้องห่วง คนทองผาภูมิร่วมกันบริจาคช่วยบรรเทาภัยจากพายุ ส่งของไปฟิลิปปินส์หลายตันแล้ว"

เถรี 21-12-2013 18:47

พระอาจารย์เล่าว่า "นึกถึงตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงไปอเมริกา ท่านนำญาติโยมกับพระตามไปทั้งหมด ๔๒ รูป ชุดนั้นได้วีซ่าอเมริกาตลอดชีวิตหมดเลย แล้วตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม รู้อยู่อย่างเดียวว่าพระท่านช่วย พอมาท่านเจ้าคุณแย้ม (พระราชวิริยาลังการ) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงรูปปัจจุบันบอกว่า “ผมจะไปอเมริกา ปรากฏว่าวีซ่าไม่ผ่าน เขาบอกว่าถ้าอยากให้วีซ่าผ่านให้ไปขอลายเซ็นคน ๒ คนมาให้ได้” ถามว่าลายเซ็นใคร ? “นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ได้ก็เอาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ”

เขาบอกว่าไม่รู้ว่าสถานทูตอเมริกาให้สิทธิพิเศษอะไรหลวงพ่อ ถ้าท่านเซ็นรับรองเขาจะออกวีซ่าให้เลย แล้วท่านบอกว่า "ผมจะไปเอาลายเซ็นนายกฯ ที่ไหน เพราะว่าตอนนั้นยังเป็นมหาแย้มอยู่เลย แล้วหลวงพ่อฤๅษีลิงดำผมก็ไม่รู้จัก.." ท่านเล่าให้ฟังแล้วก็ตลกดี ท่านบอกว่า "จนกระทั่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าวัดท่าซุงอยู่ที่ไหน ?"

จะเห็นได้ว่าเรื่องของบารมีพระเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึง ปี ๒๕๓๒ ถ้าจำไม่ผิดนะ ช่วงปลายปี หลวงพ่อบุญรัตน์รับสัญญาบัตรพัดยศที่ พระครูปิยรัตนาภรณ์ ท่านก็โทรศัพท์มาหา ขอให้ไปช่วยงานหน่อย ก็ลาหลวงพ่อขึ้นไปพร้อมกับท่านชาติชาย ปรากฏว่างานพระราชทานมีในวิหารวัดพระสิงห์ อาตมาก็ไป ปรากฏว่าพระผู้ใหญ่นั่งอยู่เต็มไปหมด ก็ย่อง ๆ ไปนั่งกับเขา ใกล้เวลาที่สมเด็จพระญาณสังวรจะเสด็จ ตอนนั้นพระองค์ท่านเพิ่งจะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชได้ไม่กี่เดือน พวกเจ้าหน้าที่กรมศาสนามาไล่พระที่ไม่ได้เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศให้ออกหมดเลย

อาตมาหันไปบอกท่านชาติชายว่า “เอาหลวงพ่อนั่งบนหัวไว้ ดูว่าเขาจะกล้าไล่ไหม ?” จับภาพหลวงพ่อนั่งบนหัวอย่างชัดเจนเลย นั่งไม่รู้ไม่ชี้ เขาไล่ออกหมดเกลี้ยง เหลือไอ้เด็กน้อย ๒ คนนั่งอยู่หน้าตาเฉย หลังจากนั้นบรรดาเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดก็ตามขบวนสมเด็จพระสังฆราชเข้ามา พอสมเด็จพระสังฆราชเห็นพวกอาตมา ๒ คนนั่งอยู่ก่อน ท่านก็พระราชทานย่ามให้คนละใบ

เพราะฉะนั้น..เราต้องเชื่อเรื่องของคุณพระ คืออยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่ข้าราชการตัวกระเปี๊ยกจะเอาบารมีที่ไหนมาไล่หลวงพ่อวัดท่าซุง แต่วิธีนี้รังแกชาวบ้านเขาเกินไป อย่าทำบ่อยนัก อาตมาก็ทำครั้งนั้นครั้งเดียว ย่ามที่สมเด็จพระสังฆราชประทานให้ก็ยังเก็บอยู่จนทุกวันนี้ แต่ว่าถ้างานพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศของหลวงพ่อองอาจ วัดวีระโชติฯ ท่านต้องไปรับที่นครพนม เพราะว่าของท่านสังกัดคณะสงฆ์หนตะวันออก รับที่วัดพระธาตุพนม ลองไปดูก็ได้นะ วิ่งรถเป็นวันเลย

แล้วก็มีหลวงพี่อาจินต์จากวัดท่าซุง แต่ว่าได้ในนามของวัดไทยที่เยอรมัน ของหลวงพี่อาจินต์ท่านรับที่วัดพนัญเชิง เพราะว่าอยู่หนกลาง บรรดาต่างประเทศนี่เขาเอาลงสังกัดหนกลางหมด"

เถรี 23-12-2013 20:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องขอโมทนากับญาติโยมทุกท่าน ที่ร่วมด้วยช่วยกันซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับทางโรงพยาบาลทองผาภูมิ โรงพยาบาลทองผาภูมิได้อาคารผู้ป่วยนอกใหม่เพิ่มมาอีก ๑ หลัง คราวนี้อาตมาจับพลัดจับผลูท่าไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นประธานการพัฒนาโรงพยาบาล หาเงินให้เขามา ๒ ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ ๓

ที่น่าสงสารที่สุดก็คือ อาตมาเองตื่นขึ้นมาก็เจอว่าพระไพรีพินาศหมดแล้ว เขาแอบไปแย่งกันตอนที่อาตมาหลับ เปิดกระทู้ตอน ๒ ทุ่ม ยังไม่ทันจะ ๓ ทุ่มเลย พระก็หมดแล้ว แต่ถ้าโอนไม่ทันวันที่ ๕ นี้เขาตัดสิทธิ์นะจ๊ะ มีผู้จองสำรองไว้บานเลย แล้วก็โปรดทราบว่า งานนี้คนที่จองสำรองก็มีสิทธิ์อด เพราะว่าจำนวนยอดการสร้างพระ อาตมาสั่งโรงงานผลิตไปแน่นอนแล้ว ถ้าช่วงที่ยังไม่สั่ง ยังสามารถเพิ่มยอดได้ ตอนนี้สั่งการไปจนเขาผลิตจะเสร็จอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง..ราคาที่กำหนดคือกำหนดตามราคาเม็ดเงินและค่าการผลิต ในช่วงนั้นเงินกับทองเหมือนกัน ก็คือราคาขึ้น ๆ ลง ๆ

ถ้าใครที่ไม่ได้วัตถุมงคลชุดที่สร้างเครื่องมือแพทย์ ก็ไปรอปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน อาตมาจะให้สิทธิ์บูชาอีกชุด พอบอกว่าองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท คนทำได้ยินแทบช็อก จะเอากำไรที่ไหนมา พระหน้าตัก ๑.๕ เซนติเมตร เนื้อเงินแท้ทั้งองค์ รับรองว่าท้องตลาดต้องมีคนมาด่าอาตมาอีก ว่าไปทำราคาเขาเสียหมด แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ด่าก็คือคุณล้อมเดช อาตมาตั้งราคาถูกเท่าไร คุณล้อมเดชก็ได้กำไรมากเท่านั้น เขาเอาไปปล่อยเสียแพงหูดับไปเลย..!"

เถรี 23-12-2013 20:51

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมว่า "เป็นอย่างไรจ๊ะ ติดม็อบนกหวีดกันหรือเปล่า ? เฮ้อ...ไม่รู้บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไรต่อไป โบราณเขาบอกว่าได้คืบจะเอาศอก ถ้ารัฐบาลถอยในเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แล้วเลิกม็อบ การเลือกตั้งครั้งต่อไปเขามีสิทธิ์ชนะสูงมาก แต่คราวนี้ไม่ยอมเลิก ในเมื่อไม่ยอมเลิก สร้างความเดือดร้อนให้กับคนส่วนรวม โปรดระวังพลังเงียบไว้ด้วย คนที่เขาเดือดร้อนแล้วอยู่เฉย ๆ ก็ดี แต่ถ้าเขาเดือดร้อนแล้วไปแสดงออกด้วยการเลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม คุณจะเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก..!"

เถรี 23-12-2013 20:54

ถาม : ล้มทับแขนตัวเองหัก
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้รับการฝึกมาจริง ๆ จะเป็นสัญชาตญาณเลยว่า เวลาล้มเราต้องใช้มือข้างที่ถนัดลงไปค้ำทุกครั้ง อาตมาเองยังไม่รู้ว่าแก่กว่านี้ ยังจะทำได้เหมือนปัจจุบันหรือเปล่า ? เพราะปัจจุบันนี้ล้มไม่เป็น ลื่นแค่ไหนก็ไม่ล้ม ความเคยชินที่ฝึกมาจะหาจุดสมดุลของตัวเองได้ แต่พอแก่ไปกว่านี้แล้ว ประสาทร่างกายล้า เฉื่อยชาลงไป อาจจะขยับตัวหาความสมดุลไม่ทัน

ปัจจุบันเวลาลื่น บางทีคนเขาเห็นทางลื่นยาวเป็นเมตรเลย “ทำไมอาจารย์ไม่ล้ม ?” ถ้าแก่กว่านี้ต้องอาศัยเทวดาช่วยค้ำ ...(หัวเราะ)... ตอนนี้ยังพอที่จะค้ำตัวเองได้อยู่

เถรี 23-12-2013 20:55

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่บูชาพระเนื้อทองคำมาว่า "ได้พระมาแล้วโปรดระวัง อย่าทำให้ท่านกลายเป็นพระลาว (จมูกบี้) เพราะว่าทองคำเนื้อจะอ่อนมาก เนื่องจากว่าอาตมาใช้ทองคำแท่ง ไม่มีส่วนผสมอื่น ดังนั้น..ถ้าเผลอกดโดนพระนาสิกจะบี้ ถ้าเป็นเซียนพระก็คือหมดราคาไปเลย"

เถรี 23-12-2013 20:59

ถาม : ทำบุญด้านใดจึงจะได้หลักในการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยคะ ?
ตอบ : สมาธิอย่างเดียวเลยจ้ะ ถ้าสมาธิทรงตัวได้ตั้งแต่ระดับอุปจารสมาธิขึ้นไป จะเริ่มเห็นผลของการปฏิบัติ โดยเฉพาะถ้าปีติเกิด คราวนี้ก็จะทำไม่ยอมทิ้งแล้ว

เถรี 23-12-2013 21:00

ถาม : ตอนเย็นต้องมีการทดลองวิทยาศาสตร์ ต้องทำให้สัตว์ตาย จะมีการอธิษฐานเพื่อหลีกเลี่ยงอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องคิดว่า สิ่งที่เราทำนี้เป็นความรู้ ในเมื่อเป็นความรู้ก็แปลว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทาน ให้อุทิศส่วนกุศลที่เป็นธรรมทานนี้ให้แก่สัตว์ที่ตาย ให้เขาไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ จำไว้ว่า..เราไม่อยากทำหรอก แต่คราวนี้สภาพนั้นบังคับ ก็ทำเฉพาะช่วงนั้น ไม่ได้ทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้ทำทุกปี เวลาที่เหลือเราก็รักษาศีลปฏิบัติธรรมของเราให้เต็มที่ไปเลย

เถรี 23-12-2013 21:03

ถาม : การปล่อยปลาที่ท่าน้ำที่มีเรือผ่าน เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้ใกล้เรือ จะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้...แต่อย่าให้คนไปรอช้อนก็แล้วกัน ก่อนปล่อยเอาถุงหรือว่าถังที่ใส่ปลาเปิดให้น้ำเข้าไปสักหน่อยก่อน ให้ปลาชินกับน้ำใหม่ พอเปิดเข้าไปจนปลาชิน ปลาก็จะเริ่มหาทางออกแล้ว เราค่อยเทลงน้ำไป ถ้าเทลงไปเลยทีเดียวปลาจะช็อกน้ำใหม่ แล้วจะไปไหนไม่เป็น โดนเขาจับไปหมด

เถรี 23-12-2013 21:04

ถาม : ถ้าอยากมีโอกาสในการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต้องอธิษฐานอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องอธิษฐาน ถึงเวลาก็ทำเลย ทำเพื่อพระศาสนา ทำเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง การปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานของตัวเอง คือการทำเพื่อพระศาสนาอยู่แล้ว ถ้าศีล สมาธิ ปัญญาของเราดี สร้างความเลื่อมใสให้กับคนอื่น ทำให้เขาหันเข้ามาทำนุบำรุงพระศาสนากันมากขึ้น แล้วปฏิบัติตามหลักพระศาสนามากขึ้น คือการที่เราช่วยอย่างเต็มที่แล้ว

เถรี 23-12-2013 21:07

ถาม : ไปปฏิบัติธรรม สักพักมีครูบาอาจารย์ทักว่าเป็นพุทธภูมิ ?
ตอบ : ไม่เห็นยาก..ก็ลาพุทธภูมิ

ถาม : ลาอธิษฐานกับพระหรืออย่างไรคะ ?
ตอบ : จ้ะ..ใช้ธูป ๕ ดอก เทียนขาว ๕ เล่ม บัวขาว ๕ ดอก จุดธูปเทียนบูชาพระ ถวายดอกบัวไป อธิษฐานว่าถ้าข้าพเจ้าเคยปรารถนาพระโพธิญาณมาในชาติใดก็ตาม ข้าพเจ้าขอละซึ่งความปรารถนานั้น จะขอปฏิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้

ถาม : แค่นี้หรือคะ ?
ตอบ : แค่นั้นแหละจ้ะ ถ้าทำมากกว่านั้นเดี๋ยวจะให้ไปตีลังกาทำ ง่ายเกินไม่ชอบใช่ไหม ?

เถรี 23-12-2013 21:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกตั้งใจว่าเดือนมกราคมจะไปงานรับปริญญาของเด็ก ๆ ที่อังกฤษ เลื่อนไปเลื่อนมา ในที่สุดเขาไปลาได้เอาวันที่อาตมาติดงาน จึงไม่ต้องไปแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วงานของอาตมาต้องนิมนต์กันข้ามปีถึงจะได้ตัว บางทีถ้าไปติดที่เขานิมนต์ไว้แล้วก็ไม่ได้อีก ปีหน้างานหลวงตาวัชรชัยไม่รู้ว่าจะหนีไปได้หรือเปล่า ? เพราะตอนแรกท่านบอกไว้ว่า ท่านจะจัดประมาณวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน คือหลวงตาวัชรชัยท่านเกิด ๒๙ เมษายน แต่ที่ไปจัดวันที่ ๑ พฤษภาคมเพราะว่าเป็นวันหยุดแน่ ๆ คราวนี้พอท่านบอกวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน อาตมาก็เตรียมล็อกวันไว้ให้ท่าน แต่ปรากฏว่าท่านขยับมาจัดวันที่ ๑ พฤษภาคมใหม่ คราวนี้พอเตรียมวันให้ท่าน งานที่อาตมาควรจะรับในวันที่ ๑ พฤษภาคมก็รับไปแล้ว ก็แปลว่าไปงานท่านไม่ได้"

เถรี 23-12-2013 21:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาซื้อทองคำเกินบัญชีไป ๔ ล้านกว่าบาท เพราะว่าพอทองลดราคามาจนได้ราคาพอใจก็รีบซื้อ ปล่อยไปเดี๋ยวขึ้นราคาอีก ทองคำแท่งละ ๕๐ บาทก็พอที่จะฟาดหัวคนถึงตายแล้ว หนักแท่งละ ๗ ขีดครึ่ง ความจริงน่าจะมีแท่งละ ๑๐ กิโลกรัม ไม่ใช่อะไร..ซื้อแล้วจะวางทิ้งไว้ตรงนี้ ดูว่าใครจะอุ้มไปไหว ?

สมัยเป็นฆราวาสอาตมาซื้อทองคำแท่งละ ๑๐ บาทไว้ ๒ แท่ง ยาวประมาณนิ้วมือ ทิ้งไว้บนเตียง พี่ชายเข้ามาหยิบ ๆ ดู “ไอ้ห่..ของแบบนี้เขาก็เอามาปลอมกันเล่นด้วย” แล้วก็โยนไว้ที่เดิม แสดงว่าอาตมานี่หุ่นไม่น่าเชื่อถือเลยว่าจะมีทองคำกับเขา ขนาดทองจริงเขายังเห็นเป็นปลอมเลย

ในชีวิตที่เห็นทองคำมากที่สุดก็คือทองธรรมชาติ มหาศาลเลย ที่วัดท่าซุงปีนั้นหลวงพ่อขอแรงให้ไปช่วยสร้างเพิงพักให้หมา ก็คือหมาที่ท่านเลี้ยงไว้ที่ตึกสงวนจิตรและเพื่อน ที่ท่านเรียกว่าตึกกลางน้ำ หมาก็วิ่งอยู่รอบ ๆ สระน้ำ ไม่มีที่ให้หลบร้อน หลวงพ่อท่านก็ขอให้ไปช่วยทำศาลาให้หมาหน่อย อาตมาก็ไป จำได้ว่ามีหลวงตาชลอด้วย หลวงตาสวัสดิ์ หลวงตาชลอ หลวงน้าสัมฤทธิ์ หลวงพี่สุธน ไปช่วยกันทำ คราวนี้ก็ไปหาเสาเก่า ๆ เอาในวัดนั่นแหละ

ปรากฏว่าเป็นเสาปูน สูง ๕ เมตร เป็นเสาที่เรียกเสาตีนช้าง ที่ต้นใหญ่ ๆ ตัวเสาขนาดหน้า ๕x๕ นิ้ว แต่ความยาว ๕ เมตร ก็คิดว่าเราต้องการสร้างสูงสัก ๒.๕ เมตร ถึง ๓ เมตรเท่านั้นเอง นี่เสายาวตั้ง ๕ เมตร อย่างน้อยก็ต้องขุดหลุมลึก ๒ เมตร จึงตั้งหน้าตั้งตาขุด ขุดไป ๆ ตักขึ้นมา เฮ้ย..! ทองคำ..เป็นทราย ๆ เลย แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันโกยกลบไปเสียอย่างดี แล้วก็มาตัดเสาแทน ทอนให้เหลือยาวเท่าที่ต้องการ ตอนแรกทำไมไม่คิดที่จะตัด ? เหมือนกับท่านต้องการให้เรารู้ว่ามีอยู่จริง ๆ ทำให้พวกเราโง่ขุดหลุมลงไปได้ตั้ง ๒ เมตร ถ้าท่านไม่ได้ตั้งใจให้พวกเราเห็น อย่างไรก็ต้องคิดตัดเสา เพราะว่าเสายาวเกินต้องการไปมาก

อีกครั้งหนึ่งก็ไปดูภูเขาทองที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ เพราะฉะนั้น..ชีวิตนี้ก็เลยเฉย ๆ กับของพวกนี้ คิดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าอยากรวยเมื่อไรก็ไปสึก แล้วก็ไปขนเอา อะไรที่เห็นเยอะเกินไปก็จะหมดอยากไปเอง"

เถรี 23-12-2013 21:23

"ตอนช่วงสร้างสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ที่วัดท่าซุง หมอนพพรมาปรึกษาว่า เป็นครั้งแรกที่จะมีพระรูปสมเด็จองค์ปฐมปรากฏขึ้นในโลก ก็ควรที่จะหาวัตถุที่มีราคาที่สุดเท่าที่เราหาได้มาสร้าง อาตมาถามหมอว่าหมอจะใช้อะไร ? “ทองคำครับ ผมไปถามช่างมาแล้ว บอกว่าใช้ประมาณตันครึ่ง” ก็ถามแล้วหมอจะหาอย่างไร ? หมอบอกว่า “ขอทองคำของหลวงพี่นั่นแหละ” แล้วท้ายสุดก็เอาแผนที่ทหารมาอาตมา ก็ทำเครื่องหมายให้ว่าอยู่ตรงนี้

หมอนพพรหายไป ๒ วัน กลับมาถึง “โอ้โฮ...หลวงพี่ มีมากมหาศาลจริง ๆ ครับ” “อะไรวะหมอ อาตมาขนาดแข็งแรง ๆ วิ่งไปนี่ ๒ วันเต็ม ๆ นะ หมอไปอย่างไร ๒ วันกลับมาแล้ว ?” หมอนพพรเคยโดนอาตมาลากเข้าป่าชนิดตะคริวกินมาแล้ว แกเดินอย่างไรก็ไม่ทันอาตมาหรอก อย่าว่าแต่วิ่ง หมอเขาว่า “ผมเป็นผู้บังคับกองพันครับ ผมมีสิทธิ์สั่งเฮลิคอปเตอร์ออกได้ ขีดเส้นให้เขาบินผ่านตรงนั้น แล้วผมเอาเครื่องวัดแร่วัด เข็มตียันเกจ์เลยครับ” นั่นขนาดวัดจากกลางอากาศนะ

ก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นหมอไปวางแผนมาแล้วกัน ในเมื่อเป็นผู้บังคับกองพัน มีทหารอยู่ในมือ ถ้าทหารแข็งแรงเต็มที่ คนละ ๓๐ กิโลกรัมน่าจะแบกไหว ก็ต้องเอาทหารไปอย่างน้อย ๕๐ คน " หมอหายไปเป็นอาทิตย์เลยคราวนี้ กลับมาบอกว่า “คงทำไม่ได้แล้วครับหลวงพี่” ถามว่าทำไม ? “๕๐ คนนี่ต่างคนต่างถือปืน ไม่มีใครฟังผมหรอก” โดยเฉพาะถ้าอาตมาไปนี่ซวยเลยนะ เพราะถ้าบอกว่าเอาแค่ไหนคือเอาแค่นั้น แล้วถ้าคนอื่นเขาโลภอยากได้ ประเภทหยิบใส่กระเป๋ามาสักกำสองกำ เจ้าที่เขาไม่ได้เล่นงานพวกนั้นหรอก เขาจะเล่นงานหัวหน้าคณะคืออาตมาก่อน ท้ายสุดต้องยกเลิกโครงการไป"

เถรี 23-12-2013 21:30

"หลังจากนั้นแล้วอีกหลายปี ไปอยู่ที่วัดท่าขนุนครั้งแรก ไปช่วยเขาบูรณะวัด ประมาณปี ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕ ก็ปรากฏว่ามีโยมอยู่คนหนึ่ง ไปถามทาง มุ่งมั่นจะเข้าไปให้ได้ ก็เลยบอกทางเขาไป ปรากฏว่าหายไป ๓ - ๔ วัน ก็ถอยกลับมาสะบักสะบอม ถามว่าทำไม ? “สู้ทากไม่ไหวครับ” สำหรับทากขนาดอาตมาวิ่ง ๆ ยังโดนเกาะเต็มเท้าเลย คือพื้นพอสะเทือนทากก็จะยกหัวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ใบไม้ไหวดังซ่า ๆ น่ากลัวมากเลย อาตมาไม่ค่อยจะกลัวพวกทากนี้หรอก ใช้วิธีวิ่งเอา แต่ก็โดนเกาะเต็มเท้า พอไปถึงตรงไหนที่พอหยุดได้ก็ปลดทิ้ง แล้ววิ่งต่อไป

ที่ต้องวิ่งไปไม่ใช่ว่าเก่ง เพราะ ๒ สาเหตุ สาเหตุแรกคือเวลาไม่พอ เพราะอาตมาขาดการลาไปดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่ป่วยไป ๔๕ วัน เกินกำหนดของทางวัด ตอนแรกคณะกรรมการสงฆ์เขาลงมติให้ไล่ออก แล้วก็ส่งเรื่องไปถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อท่านแทงเรื่องลงมาว่า การกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ถือว่าสมควร ให้ตัดวันลาก็แล้วกัน ก็เลยกลายเป็นว่าอาตมาเป็นคนเดียวที่ลาได้แค่ ๗ วัน ในเมื่อ ๗ วัน เวลาไม่พอก็ต้องวิ่ง ประการที่สอง ที่วิ่งเพราะทากบังคับอยู่ ไปช้า ๆ ไม่ได้หรอก โดนกินเลือดตายเลย..!

ปรากฏว่าหายไปเดือนกว่า เจ้านั่นมาใหม่อีกรอบหนึ่ง มาคราวนี้ทำอย่างไร เช่าช้างของกะเหรี่ยงเข้าไป เออ..ฉลาดว่ะ เล่นขึ้นหลังช้าง จะเอาให้ได้ ปรากฏว่าเป๋กลับมาอีก ถามว่า “เป็นอย่างไรวะ ?” เขาบอกว่าเจอทากบนต้นไม้ ไปไม่รอด พวกทากตอง เป็นทากสีเขียว ๆ อยู่บนต้นไม้ พวกทากทั่วไปจะสีน้ำตาล ทากลายเสืออยู่ที่พื้น ถ้าทากตองจะอยู่บนต้นไม้ พอเดินผ่านก็ดีดใส่เรา เมื่อแปะลงมาเราจะรู้สึกเย็น ๆ ทำให้แกะทัน แต่ถ้าพวกความรู้สึกช้า ๆ เดี๋ยวทากเข้าหูเข้าหัวก็ยุ่งเลย สรุปแล้วก็คือไม่ได้รับประทานหรอก

แต่เป็นเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับบุญของคน อาตมาเองตอนแรกก็หาไม่เจอ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าที่เมืองกาญจนบุรีมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ทางด้านทิศเหนือเป็นยอดแหลมขึ้นมาให้เป็นที่สังเกตได้ ภูเขาลูกนั้นจากกึ่งกลางออกไป ๑๕ กิโลเมตรโดยรอบ เป็นทองคำทั้งหมดเลย อาตมาก็พยายามเสาะหาแผนที่ทหารมา สมัยเรียนทหารอยู่เคยได้ที่ ๑ วิชาแผนที่ทหาร มองอย่างไรก็มองไม่ออก เพราะในแผนที่นั้นเป็นแค่ชั้นความสูง

ท้ายสุดก็ไปได้ข่าวว่ามี ตชด.เขารับซื้อทอง ชาวบ้านเขาร่อนทองกัน อาตมาก็เลยไปดู เห็นชาวบ้านร่อนทองในลำห้วยกันตลอดทางเลย ถึงเวลาตชด.เขาก็รวบรวมไว้สัก ๒๐ บาท ๓๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท แล้วก็เอาเฮลิคอปเตอร์บินออกมาจำหน่ายทีหนึ่ง อาตมาจึงทวนน้ำขึ้นไปจนเจอ ที่ว่าเป็นเรื่องของบุญคนก็คือ ชาวบ้านทั้งหมดต้องรู้ว่าทองมากับน้ำ ทำไมไม่ขึ้นไปดูก็ไม่รู้ ? คาดว่าก็มีอยู่ ๒ อย่างคือ ถ้าไม่ใช่เทวดาเขาบังเอาไว้ เขาก็ได้ตามบุญของเขาแค่นั้นแหละ"

เถรี 23-12-2013 21:32

"เรื่องของทองคำธรรมชาติเป็นทรัพย์แผ่นดิน รอเวลาที่ผู้นำประเทศที่เห็นแก่ชาวบ้านจริง ๆ ได้เอาออกมาใช้งาน ถ้าสมัยนี้ออกมาก็เป็นของคนไม่กี่คน ไปขำตรงที่เขาเช่าช้างไป อาตมาเองยังคิดไม่ถึงเลย

แต่เรื่องของสมเด็จองค์ปฐม ท้ายสุดญาติโยมก็บริจาคทองคำร่วมสร้างกับหลวงพ่อไป ๗๘ กิโลกรัม หลวงพ่อท่านให้เทเบ้าที่ ๓ เบ้าแรกจะเป็นเศียรพระ เบ้าที่ ๒ นี่บริเวณพระอังสะ ก็คือบริเวณไหล่ เบ้าที่ ๓ น่าจะประมาณอก ท่านบอกว่า "ถ้าแกเทเบ้าแรก เดี๋ยวมีคนจ้องตัดเศียรพระ"

ตอนสร้างพระองค์ที่ ๑๐ กับพระองค์ที่ ๑๑ โยมบริจาคทองมา ๒๒ กิโลกรัม ทองที่ว่านี่คือทองจริง ๆ เลย ไม่ได้เกี่ยวกับพวกที่เป็นเพชรเป็นพลอย พวกที่เป็นเพชรเป็นพลอยเขาบริจาคกันมามหาศาลเลย แต่ว่าเอาไปหล่อไม่ได้ เพราะว่าเพชรพลอยจะแตกระเบิดเสียของหมด ท่านให้คัดออกมาเพื่อที่จะเอาบรรจุอย่างเดียว

ใครจองพระไว้ไปรับได้เลยนะจ๊ะ เอาทองแท่งไปให้คุณก้านบัวข้างหลัง โปรดอย่าเอามาใส่ขันให้อาตมา ระยะหลังนี่หลายที ต้องมาถามว่าทองคำของใคร พอถึงเวลาทำวัตรเสร็จแล้วเดินมา เขาใส่ย่ามกันเป็นทาง กลับมาถึงกุฏิมีทองคำด้วย แล้วก็ไม่เขียนไว้ด้วยว่าใคร ต้องมาหาตัวให้เจอ เพื่อที่จะได้ลงบัญชีถูกว่ารับจากใครมา น้ำหนักเท่าไร เดี๋ยวพอโยมเอาทองมาให้ครบงวดนี้ อาตมาก็มีทองเป็นสิบกิโลกรัมแล้ว ใกล้ความจริงแล้ว"

เถรี 23-12-2013 21:36

"ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยกังวลกับเรื่องเงินเรื่องทอง ทำให้บางทีทิ้งเงินทิ้งทองกองไว้เฉย ๆ แล้วก็ไม่หาย เพราะไม่มีใครคิดว่าจะเป็นอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าในอดีตไม่ค่อยได้ทำกรรมเรื่องอทินนาทานหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?

ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเลยก็คือ ตอนนั้นอยู่ที่ชายแดน ทำหน้าที่เสมียนกองร้อย เบิกเบี้ยเลี้ยงมา ๒ แสนกว่าบาท จะจ่ายให้กำลังพล คราวนี้การเดินทางไปเบิกเบี้ยเลี้ยง ถนนอย่างกับเตาขนมครก เขย่าจนกรอบเลย ก็ปรากฏว่ากลับมาแล้วหมดสภาพ เอาถุงใส่เงินของธนาคารโยนไว้หัวเตียงแล้วก็หลับ ตื่นขึ้นมารุ่งเช้าก็ลืมไป จนกระทั่งถึงเย็น พวกบรรดาทหารเขาก็มาถาม “เมื่อไรจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงผม ?” อาตมาก็ว่าตายแล้วกู..เงินอยู่ไหนวะ ? ก็วิ่งไปดู ปรากฏว่ากลิ้งลงไปอยู่ข้างซอกตู้ เตียงทหารจะมีเตียงแล้วก็มีตู้คั่นสลับกันไป ทางท้ายเตียงจะเป็นล็อกเกอร์เตี้ย ๆ ปรากฏว่าอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนเอาเงินไปโยนทิ้งไว้อย่างนั้น ก็เลยไม่มีใครไปแล คิดว่าเป็นห่อของอย่างอื่น

บางทีอยู่ที่วัดก็เหมือนกัน ถึงเวลาเบิกเงินธนาคารมา ๓ ล้านบาท ๕ ล้านบาท จะมาจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง กลับมาบางทีเหนื่อยก็โยนกองไว้กลางกุฏิ พอไปตรวจงาน ตรวจไปตรวจมา ลืมว่าทิ้งเงินไว้ กลับมาก็ยังอยู่ที่นั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก

ส่วนตอนไปพม่าเคยแลกเงินเขาทีหนึ่ง ๒๒ ล้าน เอาใส่กระสอบปุ๋ย มัดปากเสร็จก็โยนโครมใส่รถกระบะที่เราเช่าไป แล้วก็ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกินน้ำอยู่ ไม่มีคนสนใจเลย เพราะไม่มีใครคิดว่าจะมีคนเอาเงินทั้งกระสอบโยนไว้ท้ายรถกระบะ เพราะว่าตอนนั้นเงินไทย ๑ ล้านบาทแลกเงินพม่าได้ ๒๒ ล้าน แล้วพม่าก็ยังไม่มีธนบัตรใบพัน ใหญ่ที่สุดก็คือใบละ ๕๐๐ กับใบละ ๒๐๐ เงิน ๒๒ ล้านนี่ใส่กระสอบปุ๋ยเต็มแน่น ๆ เลย

ก็เลยทำให้เห็นว่า ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า บุคคลที่ไม่เคยมีกรรมอทินนาทานในอดีตมา ชาตินี้ทรัพย์สินจะไม่สูญหายด้วยประการต่าง ๆ ทั้งโจรภัย วาตภัย อัคคีภัย อุทกภัย ฯลฯ ก็น่าจะจริง เพราะเรื่องของการเงินนี่อาตมาหละหลวมมากเลย เป็นคนที่เห็นเงินจนเบื่อก็เลยไม่ได้ใส่ใจ
กับเงิน พลอยทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะว่ากุฏิบางทีก็เปิดทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เอาไว้อย่างนั้นแหละ"

เถรี 23-12-2013 22:20

ถาม : คนสมัยก่อนที่เขายังไม่มีนามสกุล เราจะอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายอย่างไรครับ ?
ตอบ : นึกถึงเขาก็ใช้ได้แล้ว

เมื่อสักครู่หมอเสือถามว่า ถ้าผีที่เป็นคนโบราณไม่มีนามสกุล จะอุทิศส่วนกุศลให้เขาได้อย่างไร ? เรื่องของผีไม่ต้องมีนามสกุลจ้ะ เราแค่นึกถึงว่าเป็นเขาคนนั้นก็ใช้ได้แล้ว ถ้ารู้ชื่อรู้นามสกุล ให้ออกชื่อนามสกุลเจาะจงไป ถ้าไม่รู้ชื่อไม่รู้นามสกุล ให้นึกว่าเป็นผู้ตายคนนั้น ถ้าเห็นรูปให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของรูป เจ้าของเงานั้น ถ้าได้ยินแต่เสียง ให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น ถ้ามาแต่กลิ่นให้ตั้งใจว่าเป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ใช้ได้เหมือนกัน

ไม่ต้องไปเสียเวลาไปหานามสกุลให้เขาหรอก เพราะว่าชื่อนามสกุลตรงกันมีเยอะแยะไป โดยเฉพาะฝรั่ง ต่อให้จูเนียร์ขนาดไหนก็ตาม พอไปอีก ๓ - ๔ ชั่วคน ก็เป็นซีเนียร์ไล่กันไปเรื่อย

ฝรั่งเขามีคตินิยมว่า พอรุ่นที่ ๓ ไปเขาจะตั้งชื่อคนรุ่นปู่รุ่นย่าเอาไว้ เพราะอย่างนั้นก็จะมีชื่อซ้ำ ๆ กันไปเรื่อย แต่ภพภูมิข้างล่างเขาไม่กังวล ข้างล่างเขาเอาชื่อแรก แล้วไม่ใช่ชื่อแรกธรรมดา อาจเป็นชื่อในชาติแรกด้วย ในความเป็นทิพย์ พอเขาเรียก เราจะรู้ทันทีว่านั่นคือตัวเรา เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องกังวล ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ สมมติด้วยกันทั้งนั้นแหละ

เรื่องของผีที่เกาะคนมา มี ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกคือเคยมีกรรมเนื่องกันมา สาเหตุที่สองคือเขาบังคับใช้ให้มา ถ้ากำลังใจเรามั่นคง หัดภาวนาจนกำลังใจทรงตัว ถ้าจะเอาปลอดภัยจริง ๆ ก็ระดับปฐมฌานขึ้นไป แต่ว่าให้ภาวนาอย่าทิ้ง ถ้าทิ้งช่วง เวลากุศลกรรมแทรกเขาก็มีโอกาสเกาะใหม่ได้ ถ้าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวระดับปฐมฌาน กำลังของเราจะเท่ากับพรหม ซึ่งสูงเกินผีไปหลายล้านเท่า เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก

เพราะฉะนั้น..ให้ตั้งใจนึกถึงพระ แล้วก็จับลมหายใจภาวนาไว้ ถึงเวลานึกภาพพระแล้ว หายใจเข้าก็ให้ท่านไหลเข้าไปในตัวเราทั้งองค์ หายใจออกให้ท่านใหญ่ขึ้นมาคลุมตัวเราไว้ หายใจเข้าท่านก็เล็กลงไปอยู่ข้างใน หายใจออกท่านก็ใหญ่ขึ้นมาคลุมตัวเราไว้ ถ้าใครทำอย่างนี้ได้ ผีที่ไหนก็เข้าไม่ได้หรอก

เถรี 23-12-2013 22:40

ไปต่างประเทศเจอผีเยอะมาก แล้วลำบากตรงที่ว่า เขาไม่มีคนที่รู้ในเรื่องของการอุทิศส่วนกุศลให้ ผีก็เลยลำบากตะเกียกตะกายไปเรื่อย จนกว่าจะเจอคนที่ให้เขาได้ ก็จะไปรุมตอมกันเป็นฝูงเลย อาตมาไปอินโดนีเซียเจอทีหนึ่ง ๗,๐๐๐ - ๘,๐๐๐ ตัว ถ้าคนทั่ว ๆ ไปเห็นก็คงคิดว่าอาตมาเป่านกหวีดเรียกม็อบ..มากันทีขนาดนั้น..!

เถรี 23-12-2013 22:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "สิงห์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ตัวประมาณเล็บนิ้วก้อยเท่านั้นเอง แต่เขาแกะหัวหูหน้าตานี่สุดยอดมาก คิดว่าคงฝีมือระดับช่างสิบหมู่เลย เพราะสมัยนั้นเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม น่าจะมีพวกช่างหลวงแกะถวาย สมัยนี้ถ้าจะแกะให้ละเอียดได้ขนาดนั้นต้องใช้เลเซอร์อย่างเดียว"

เถรี 24-12-2013 11:51

พระอาจารย์พูดถึงเรื่องการเมืองว่า "กำลังดูว่านายหัวสุเทพจะลงอย่างไร ? เมื่อเช้าอาตมาพูดไปว่า ได้คืบจะเอาศอกแล้วจะจบไม่ลง ตอนนี้ปัญหาที่ถามก็คือว่า ถ้าขับไล่รัฐบาลออกไป แล้วใครจะเป็น ? ถ้าให้นายหัวสุเทพเป็นนายกฯ มีใครเอาไหม ? ต้องบอกว่าทำอะไรโดยไม่คิด

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าเรื่องของสติสัมปชัญญะสำคัญมาก ๆ ถ้าช่วงที่รัฐบาลเขายอมถอย ถอนทุก พรบ.ออกไปแล้ว ตัวเองบอกเลิกม็อบ จะลงได้สวยสุด ๆ แล้วเลือกตั้งคราวหน้านี่เพื่อไทยเหนื่อยสาหัสเลย แต่คราวนี้คุณสุเทพไม่ยอมเลิก ตอนแรกก็ต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วยเพราะเป็น พรบ.ห่วยแตกมาก ประเภทที่จะนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ต่อไปเขาก็ฆ่าคนกันสนุกสนานแล้วก็นิรโทษเหมาเข่ง ไม่ต้องรับโทษกันสิ แต่พอเสร็จสรรพเรียบร้อย กลายเป็นต่อต้านระบอบทักษิณ

มีใครสามารถตอบอาตมาได้บ้างว่า ระบอบทักษิณคืออะไร ? ช่วยบอกหน่อยซิว่าคืออะไร ? ถ้าบอกว่าระบอบทักษิณคือการคอรัปชั่นโกงกิน แล้วโรงพัก ๓๐๐-๔๐๐ แห่ง มีแต่เสาโด่เด่คืออะไร ? แล้วถ้าจะเอาใกล้ตัวกว่านั้น ส.ป.ก. ๔-๐๑ คืออะไร ? ถ้าบอกว่าระบอบของทักษิณเผด็จการ แล้วที่ส่งทหารฆ่าชาวบ้านไป ๙๐ กว่าศพคืออะไร ? เพราะฉะนั้น..เขาตอบไม่ได้หรอกว่าคืออะไร รู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้าบุคคลคนนี้อยู่แล้วตัวเองจะทำอะไรลำบาก เพราะฉะนั้นควรจะให้เขาไป กลายเป็นทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะหน่อยเดียวก็จะเห็น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วก็คือ คนส่วนมากโดนหลอกให้เป็นเครื่องมือ ที่เขาบอกว่ากลัวผีทักษิณจนขึ้นสมองนั่นแหละ พูดอะไรถึงทักษิณออกมา ถูกผิดอย่างไรกูต่อต้านไว้ก่อน

ถ้าถามว่าคุณทักษิณทำผิดไหมที่ผ่าน ๆ มา ถ้าบอกว่าเรื่องการขายดาวเทียมให้เทมาเส็ก ก็นั่นเป็นกิจการของแก แล้วอีกอย่างแกแก้กฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยขาย ก็ไม่ผิด แต่ปรากฏว่ากฎหมายใหม่ที่ออกมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ผิดหลักนิติธรรมของทั้งโลกเลย เพราะว่าเป็นการเอาผิดย้อนหลัง ซึ่งไม่มีกฎหมายประเทศไหนในโลกเขาทำกันอย่างนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้าม ตราบนั้นยังไม่ผิด แม้กระทั่งศาสนาพุทธของเราก็เหมือนกัน ตราบใดที่ยังไม่บัญญัติศีล ก็ไม่ผิด บุคคลที่เป็นต้นบัญญัติศีลพระพุทธเจ้ายังยกให้ เพราะท่านถือว่ายังไม่มีข้อห้ามมาก่อน

แต่นี่มาเอาผิดย้อนหลัง ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายอย่างนี้ ซึ่งไม่ถูกหลักนิติธรรม แต่เขาก็ทำกัน แล้วก็ปล่อยกันมาเรื่อยเปื่อย ซึ่งถ้าจะประท้วง ควรที่จะประท้วงกันตรงนี้ แบบนี้ทั่วโลกเขาสนับสนุน เพราะไม่มีกฎหมายประเทศไหนเขาไปเอาผิดย้อนหลัง ถ้าวันไหนที่ประกาศเป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้วใครทำผิด นั่นถึงจะเอาผิดได้"

เถรี 24-12-2013 11:55

"เราจะเห็นว่าเรื่อง ๒ มาตรฐานในบ้านเรานั้นชัดเจนมาก โดยเฉพาะต่างคนต่างก็ดึงฟ้าต่ำ ยึดประเทศไทยถวายคืนเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถามหน่อยว่าในหลวงจะรับไหม ? ฟังดูก็บ้าแล้ว ปรากฏว่าคนที่บ้าก็เยอะเสียด้วย ก็เลยไปกันเรื่อยเปื่อย อาตมานั่งดูแล้วก็ว่าดีเหมือนกัน บ้านเราเมืองเราก่อนหน้านี้เป็นเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย แซงหน้าประเทศจีนอีกต่างหาก ปัจจุบันนี้เป็นเต่าตัวสุดท้ายของอาเซียน ไม่ต้องไปไหนหรอก ประท้วงกันอยู่นั่นแหละ

เหมือนกับว่านายหัวสุเทพเดินเข้าซอยตันเอง ก็แกเล่นประกาศว่ายุบสภา นายกฯ ลาออก แกก็ไม่รับ แล้วจะให้ทำอย่างไร ?..ถามหน่อย ไม่เป็นไร...โบราณเขาบอกว่าคนบ้ามี ๕๐๐ จำพวก ถ้าเพิ่มมาอีกจำพวกหนึ่งก็ไม่มากเท่าไรหรอก

บ้านเราโชคดีที่ยังมีในหลวงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันอาตมาก็สงสารในหลวงมาก บ้านเราประเภท ๒ - ๓ คนทะเลาะกันยังหาความสุขไม่ได้ แล้วถ้าลูก ๖๐ กว่าล้านคนทะเลาะกัน จะฆ่ากันอยู่ทุกวัน แล้วจะให้ในหลวงท่านมีความสุขได้อย่างไร ?

คนเราส่วนใหญ่มีนิสัยดูความผิดคนอื่น ไม่ได้ดูความผิดตัวเอง ในเมื่อดูความผิดคนอื่น เห็นข้อบกพร่องของคนอื่น ก็พยายามที่จะไปจี้ให้เขาแก้ไข โดยที่ไม่ได้แก้ไขตัวเอง อย่างที่เขาบอกว่า ผิดคนอื่นมองเห็นเป็นภูเขา ผิดของเรามองเห็นเท่าเส้นขน ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลือจะทน ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง ให้กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ เราจะได้ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

เราปรับปรุงแก้ไขคนอื่นไม่ได้หรอก เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลก โลกทั้งโลกเราไปแบกก็หนักเกินไป เพราะฉะนั้น..ต้องดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา ทุกอย่างจะจบ อย่างที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกบอกว่า คนดีเขาไม่ตีใคร ไม่ว่าจะตีด้วยคำพูด จะตีด้วยร่างกายอะไรก็ตาม

โดยเฉพาะพระเราดันไปออกม็อบกับเขา พระเราเมื่อถึงเวลาควรจะเป็นผู้ที่คอยเตือนสติญาติโยม ไม่ใช่ไปสนับสนุนข้างใดข้างหนึ่ง เพราะเราต้องยอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ถ้าตักเตือนแล้ว บอกกล่าวแล้ว เขาไม่ฟังก็ต้องปล่อยวาง ไม่ใช่ไปนั่งอยู่กลางม็อบ แล้วก็ไปยกไมค์ประกาศปาว ๆ เสียเอง ลักษณะอย่างนั้นกลายเป็นเอาพระพุทธศาสนาทั้งคณะสงฆ์ไปเป็นบันไดรองรับเท้า ส่งเสริมตัวเองให้เด่นขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก..!"

เถรี 24-12-2013 11:58

ถาม : ธูปเทียนแพธรรมดากับธูปเทียนบูชาครู ?
ตอบ : สมัยก่อนการบูชาครูก็มีธูป เทียน ดอกไม้ คราวนี้ของเรามีหลักว่า ถ้าเป็นธูปเทียน ถ้าเป็นเทียนแพ ใช้เป็นพิธีหลวง ถ้าเป็นพิธีของพวกเราให้ใช้เทียน ธูป ก็ต้องพลิกบนพลิกล่าง จริง ๆ ก็ชุดเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าหลักการต่างกัน เราเองถ้ารู้ก็ทำให้ถูก ถ้าไม่รู้ก็มั่ว ๆ ไปเถอะ

เถรี 24-12-2013 12:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าบ้านเมืองเรายังวุ่นวายอย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ค่าเงินบาทจะตก เพราะว่าเศรษฐกิจหยุดชะงัก ตอนนั้นทองก็จะแพงขึ้น"

เถรี 24-12-2013 12:01

พระอาจารย์กล่าวถึง คุณ ญ.ผู้หญิง ซึ่งเพิ่งเข้าโรงพยาบาลผ่าไส้ติ่งไปว่า "ขนาดสร้างบุญสร้างกุศลไว้เสียเยอะแยะยังไม่รอดเลย ความดีส่วนความดี ความชั่วส่วนความชั่ว ถึงเวลาดีความดีก็ส่งผล ถึงเวลาความชั่วส่งผล เราก็ลำบากเดือดร้อน จึงควรจะเลือกทำแต่ทางด้านดี "

เถรี 24-12-2013 12:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ญาติโยมหลายท่านแปรสภาพเป็นนักเล่นพระ แล้วไม่ใช่นักเล่นพระแบบสะสม แต่เล่นแบบตั้งใจขายเอากำไร..!"

เถรี 24-12-2013 12:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถวายสังฆทานแล้ว ช่วยอุทิศส่วนกุศลให้นายหัวสุเทพด้วยนะ ให้เขาเจอบันไดลงหน่อย ตอนนี้เลยธงไปเยอะ หาบันไดไม่เจอแล้ว ถ้าเลิกม็อบตั้งแต่ชนะเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม งวดหน้านี่เพื่อไทยสาหัสเลย เพราะกลายเป็นประชาธิปัตย์ฉกคะแนนเสียงไปหมด คราวนี้ไม่ยอมเลิก เลยธงมาจนป่านนี้ กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ส่วนรวม โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณ ไปห้ามจ่ายเงินเดือน คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือ บรรดาข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ใกล้ชิดกับประชาชน คราวนี้ฐานคะแนนเสียงก็หายไปด้วย"

เถรี 24-12-2013 12:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่จองพระไพรีพินาศทองคำไว้ โปรดระมัดระวังให้ดี อย่าไปกดแถวพระนาสิก คือจมูกพระ เพราะทองคำแท่งเนื้อเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อ่อนมาก ถ้ากดแล้วท่านก็จะกลายเป็นพระจมูกบี้ ถ้าใครจะแงะออกดู ให้พยายามแกะออกทางด้านฐาน แล้วพอเวลาใส่คืนก็กดทางด้านฐาน

สมัยก่อนท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี (โสภา เขมสรโณ) ท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดพระงาม พระอารามหลวง จบประโยค ๙ มา ท่านชอบจริง ๆ เรื่องพระเครื่อง ท่านบอกว่าท่านจะเสาะหาแต่เหรียญคณาจารย์ที่จมูกไม่ถลอก คือบรรดาเหรียญต่าง ๆ จุดที่สูงที่สุดก็คือจมูก แล้วก็จะเป็นจุดที่โดนกระทบถลอกเร็วที่สุด ท่านก็บอกว่าจะหาเหรียญที่จมูกไม่ถลอก จะเป็นเหรียญอาจารย์รุ่นใหม่แค่ไหนก็ได้ ถ้าจมูกไม่ถลอกเอามาเถอะ ท่านรับทั้งนั้น

ท่านบอกว่าแรก ๆ ท่านก็ไม่คิดที่จะศึกษาเรื่องพระเครื่องหรอก แต่คราวนี้พอรับตำแหน่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาก็หาวัตถุมงคลมาให้ พอเอาไปให้เซียนพระดูแล้วเขาบอกว่าปลอม..อายเขา ก็เลยต้องหัดดูเองจนเป็น ท่านบอกว่าขนาดเป็นแล้ว ยังมีคนเอาของปลอมมาหลอกอยู่เรื่อย

ท่านเจ้าคุณโสภาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่า “เล็ก..พอข้าเป็นเจ้าคณะภาคแล้ว แกมาเป็นเลขาฯ ให้ทีนะ” อาตมากราบเรียนว่า “ไม่รับหรอกครับ หลวงพ่อคงได้เป็นเจ้าคณะภาค ๑๙ แน่ ๆ” การปกครองคณะสงฆ์มหานิกายมีแค่ ๑๘ ภาค อาตมาบอกว่าท่านเป็นได้แค่ภาค ๑๙ แล้วก็จริง ๆ ท่านมรณภาพก่อน ท่านต้องการพระที่ทำงานคล่องตัว โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้น ถ้ามีพระเลขาฯ เก่ง ๆ นี่ พูดง่าย ๆ ว่าเลขาฯ รับงานแทนได้เกือบหมด แล้วถ้าปลอมลายมือเป็นอย่างอาตมาก็เซ็นแทนได้ด้วย..!

อาตมาทำสถิติ อยู่ชายแดนเจ้านายไม่อยู่ เซ็นอนุมัติแทนมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นการรุกล้ำของอากาศยานไร้สัญชาติ ซึ่งมีวี่แววว่าเป็นของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ออกคำสั่งให้ตรวจการ โดยเซ็นอนุมัติคำสั่งเอง ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริง ตรวจสอบแล้วว่าเราป้องกันได้ทัน เขาไม่สามารถจะล่วงล้ำน่านฟ้าเข้ามาได้ลึก ผู้บัญชาการกองพลเรียกเจ้านายไปชม เจ้านายกลับมาแบบงง ๆ แกถามว่า “กูเซ็นไปตอนไหนวะ ?” ก็เลยเรียนท่านไปว่า “ฝีมือผมเองแหละครับ” ท่านก็ดูสมุดบันทึกคำสั่งหน้านั้น ดูเสร็จท่านบอกว่า “อย่าบ่อยนะมึง..!” เจ้าของลายเซ็นมาดูลายเซ็นเอง แล้วสงสัยว่าตัวเองเซ็นไปตอนไหน นึกเอาก็แล้วกัน

ทหารที่อยู่ชายแดนสมัยก่อน โดนบังคับให้จำแบบอากาศยานรบทุกประเภท มองเห็นบนฟ้าลิบ ๆ ต้องแยกออกว่าเป็นยี่ห้อไหนรุ่นไหน แล้วก็ยานยนต์รบทุกประเภท ตรวจการณ์เจอไกล ๆ ชนิดกล้องส่องทางไกลเห็นเท่าแมลงวันหัวเขียว ก็ต้องแยกออกว่าเป็นรถถังรุ่นไหน ยี่ห้อไหน"

เถรี 24-12-2013 12:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาขอแรงทิดโต (สถิระ ชัยชนะกลาง) ถอดยันต์ดวงมหาพิชัยสงคราม คราวนี้ยันต์มหาพิชัยสงคราม ท่านเจ้ากรมฯ เสริมเป็นคนลอกแบบออกมาจากตำราพระร่วง แล้วตำราพระร่วงเล่มเล็ก ประมาณว่าใหญ่กว่าคัมภีร์เทศน์ แต่เล็กกว่าสมุดข่อย ท่านเจ้ากรมฯ เสริมไม่รู้ภาษาขอม แต่ท่านสามารถลอกออกมาได้ขนาดนั้น ก็เลยทิ้งปริศนาไว้ให้พวกเราเสียเยอะแยะเลย

ถ้าตัวคาถารอบนอกนี่อาตมาอ่านไม่เป็นก็ไม่รู้หรอก ว่าที่ท่านเขียน ๆ มานั่นทั้งตกทั้งหล่น จะไปโทษท่านเจ้ากรมฯ ก็ไม่ได้ เพราะท่านเห็นอย่างไรท่านเขียนอย่างนั้น ท่านไม่เข้าใจว่าภาษาขอมว่าอย่างไร ท่านลอกแบบตามมา เหมือนกับเราลอกภาษาต่างประเทศที่เราไม่รู้ พอลอกตัวที่เราไม่รู้ เขียนไป ๆ ก็งงว่าสมบูรณ์หรือยัง ? ก็เลยให้ทิดโตช่วยจัดการ เพราะว่าทิดโตฝากฝีมือเอาไว้ตอนทำยันต์มหาเศรษฐีเงินล้าน เห็นว่าเรื่องนี้ไว้ใจได้ก็เลย
ขอใช้บริการหน่อย

รุ่นของพวกเราได้เปรียบตรงที่ว่า คอมพิวเตอร์สามารถสร้างแบบอักษรต่าง ๆ ได้ แม้กระทั่งบาลีขอมก็ทำได้ แต่ว่ามี ๒ อย่างก็คือขอมไทย ขอมไทยบางทีใส่ไม้หันอากาศ ใส่วรรณยุกต์เข้าไปด้วย แต่ว่าขอมที่เป็นของเขมรจริง ๆ นั่นก็ต่างจากขอมโบราณเยอะ แม้กระทั่งอาตมาไปเขมรแล้วอ่านภาษาเขมรออกเกือบทั้งหมด แต่ก็แปลได้ไม่หมด ตอนนี้ก็เลยให้ทิดโตแกะลายแทงอยู่

กำลังรอพระนามพระพุทธเจ้า ๓๗ พระองค์อยู่ ถ้าได้ครบก็เป็นอันว่าสมบูรณ์ แต่ว่าตอนท้ายให้ลงเสียง ‘อะ’ หมดนะ ตัณหังกะระ เมธังกะระ โกณฑัญญะ ฯลฯ ยกเว้นท่านที่ท้ายลงด้วย ‘อิ’ ‘อี’ อย่างเช่น พระพุทธสิกขี เวสสะภู ฯลฯ ต้องลงตามปกติของเขา ชื่ออื่น ๆ ต้องลงอะหมด สิทธัตถะ ปุสสะ พระพุทธเทวเทพ ต้องเป็นเทวะเทวะ ๒ คำซ้อนกัน ถ้าเป็นปฐมาวิภัติ เอกวจนะ จะเป็นเทวะเทโว แต่คราวนี้ถ้าอยู่ในลักษณะการขานพระนามก็เป็นเทวะเทวะ ก็คือเทวเทพ พอมาถึงกัปของเราก็เป็น พระกะกุสันธะ โกนาคะมะนะ กัสสะปะ โคตะมะ

เกิดมามีผลงานฝากไว้ในพระศาสนาก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาก"

เถรี 24-12-2013 12:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้พระที่วัดกำลังสนุกสนานกับการสัก เพราะว่ามีมือสักระดับสุดยอดของโลกไปบวชอยู่ ท่านสักทีราคาเป็นแสนบาท แต่ที่วัดนั่นสักฟรี ท่านไปแข่งขันสักลายวิจิตรแล้วได้ที่ ๑ มา ตอนนี้พระที่วัดลายไปทั้งตัว ดูทิดหนุ่ยเล็กของเรา เต็ม ๒ แขนเลย เห็นแก่ของฟรี พวกไม่ต้องเสียเงิน ก็สักไปเถอะ

วันก่อนบอกกับพระทั้งวัดว่า พวกคุณขลังไปหมดทั้งตัวแล้ว มีผมไม่มีลายอยู่คนเดียว เลยไม่ขลัง เป็นอาจารย์พวกคุณไม่ได้แล้ว ...(หัวเราะ)... แต่เขาเก่งนะ อักขระขอมแม่นมากเลย ขอให้มีลายให้ลอกนิดเดียว อักขระไม่ต้องลอกเลย ประเภทเล่นสด อย่างยันต์เกราะเพชร ขอให้มีลาย เขาสักอักขระเองได้"

เถรี 24-12-2013 12:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการทำดอกบัวครรภ์รักษา เหมือนกับการทดสอบกำลังใจว่าจะทำจริงหรือเปล่า ? คาถาสำหรับเสกแต่ละบทนี่ยาวเป็นกิโลเมตรทั้งนั้นเลย ญาติโยมไม่รู้หรอกว่า กว่าจะเสกเสร็จแต่ละครั้งไม่หนี ๒ ชั่วโมงครึ่ง..!

ครั้งก่อนมีโยมมาขอ พอทำเสร็จส่งให้ เขาถามว่า "ใช้อย่างไร ?" เลยด่ากระจาย กระทั่งใช้อย่างไรก็ไม่รู้ แล้วเสือกมาขอ..มึงเห็นกูว่างนักใช่ไหม..?!!"

เถรี 24-12-2013 12:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูดี ๆ ไปตั้งโรงเรียนสอนพิเศษกันหมด แบบเดียวกับเกาหลี ครูบางคนมีลูกศิษย์เป็นล้านเลย น่าจะเก่งกว่าครูอุ๊ของเรา ครูลิลลี่เก่งภาษาไทย ตกลงครูลิลลี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ? อาตมายังสงสัยจนถึงทุกวันนี้

ครูประเภทนี้ที่เด็กเขาจะชอบ เพราะว่าสอนแล้วเด็กรู้เรื่อง อย่างวิชาเคมีน่าสับสนกับชีวิตจะตายไป แค่ท่องสูตรธาตุอย่างเดียวก็ตายแล้ว แต่ครูอุ๊สามารถทำให้เป็นของง่ายได้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้น่าจะให้เป็นครูสอนครูด้วยกันเองมากกว่า สอนครูอีกที อย่างของต่างประเทศคนที่เรียนเก่งที่สุด เขาให้ไปเป็นครู เงินเดือนของเขาแพงมาก แพงกว่าหมออีก ถ้าอย่างนั้นเด็กจะพัฒนา เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

แต่บ้านเรา คนเก่งที่สุดไปเรียนหมอ เรียนวิศวะ คนที่ไม่ได้เรื่องไปเรียนครู ก็เลยกลายเป็นกลับข้างกับที่อื่น ของเขายิ่งไปยิ่งเก่ง เพราะว่าครูมีคุณภาพ ของเราเอาคนไร้คุณภาพมาเป็นครู..!"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:55


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว