กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   ฝึกมโนมยิทธิแล้วมองไม่เห็นอทิสมานกาย (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2077)

เถรี 24-08-2010 00:04

ฝึกมโนมยิทธิแล้วมองไม่เห็นอทิสมานกาย
 
ถาม : เมื่อครู่ผมไปฝึกมโนมยิทธิมา อทิสมานกายเป็นอย่างไร ผมไม่เข้าใจ คือ ให้นึกว่ามีกายอยู่ข้างในหรือ ?
ตอบ : จะนึกก็ได้ แต่ขอให้รู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดของเราก็คือกายใน แต่คนที่ยังไม่ชำนาญ จะยังไม่สามารถที่จะกำหนดเป็นรูปร่างชัดเจนได้ บางคนสามารถกำหนดในลักษณะเป็นดวงได้ ก็จะรู้ว่ามีสีสันอย่างไรเท่านั้น แต่ถ้าจะกำหนดเป็นตัวตนเลย ระยะแรกเราจะเห็นไม่ชัด

แค่ใช้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา อย่างเช่นครูฝึกเขาบอกว่า ให้ยกอทิสมานกายของเราขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราว่าไปอยู่ที่นั่นเลย ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราตอนนี้รู้ว่า ตรงหน้าของเราก็คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ รู้สึกว่าเป็นอย่างไรก็อธิบายให้ครูเขาฟัง

ต้องไปทำเรื่อย ๆ อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งถูกมากขึ้น..เมื่อถูกมากขึ้น เกิดความมั่นใจ
สภาพจิตของเราจะสงบ ภาพก็จะค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นมา

ถาม : มีครั้งหนึ่งไปฝึกที่วัด ครูเขาถามว่าเห็นเราไหม ? เห็นเราใส่ชุดอะไร ? คือผมไม่เห็นอะไร ?
ตอบ : ไม่เห็นไม่เป็นไร แรก ๆ เราจะไม่เห็น รู้สึกอย่างไรให้ตอบไปอย่างนั้น

ถาม : ถึงแม้จะให้ขอบารมีพระแล้วก็ตาม ผมก็ไม่เห็น ?
ตอบ : ถ้าเรา "อยาก" จะไม่เห็น

ถาม : ผมก็เลยแกล้งว่าผมเห็นก็แล้วกัน
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็เชิญแกล้งต่อไป ขอให้เจริญ ๆ..!

เถรี 24-08-2010 00:10

ต้องเข้าใจเลยว่าแรก ๆ เราไม่เห็นหรอก เป็นแค่ความรู้สึกเฉย ๆ รู้สึกว่าเป็นอย่างไรให้บอกไปอย่างนั้น เหมือนกับเราอยู่ในห้องมืด ๆ เขาส่งของมาให้ชิ้นหนึ่ง เราคลำ ๆ อยู่สักพักหนึ่ง เราก็จะบอกได้ว่า ของชิ้นนี้น่าจะเป็นหนังสือ เป็นต้น

ถ้าครูฝึกยืนยันว่าเป็นหนังสือ เราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้น เราก็ต้องไปฝึก ไปลูบไปคลำอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งแตะปุ๊บก็บอกได้เลยว่านี่คือหนังสือ ถ้าหากมีความคล่องตัวระดับนั้น ความมั่นใจจะเกิด สภาพจิตจะนิ่ง พอสภาพจิตนิ่ง ภาพก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

แล้วตอนนั้นจะไปเสียอีกทีก็คือ อยากเห็นชัด พออยากเห็นชัด เรามักจะไปกำหนดเพ่งด้วยสายตา ภาพก็จะหายไปอีก เพราะว่าเราต้องส่งจิตไปยังสถานที่นั้นจึงจะเห็นได้ การที่เราจะเพ่งด้วยสายตา ก็คือ นึกถึงลูกตา นั่นเป็นการนึกถึงตัวเอง เท่ากับเป็นการดึงใจกลับ ภาพก็จะหายไป เราก็ไปนั่งคลุ้มคลั่งว่าทำไมเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย ?

จนกว่าเราจะทำใจได้ว่า ก่อนหน้านี้ถึงไม่เห็นก็รู้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ถึงจะไม่เห็นก็ช่างเถอะ เราพอใจแค่นี้ ถ้าวางกำลังใจอย่างนั้นได้ก็จะเห็นภาพได้นาน ของเรายังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน

เดี๋ยวจะเหมือนไอ้หนูเมื่อตอนบ่าย พอออกจากห้องปุ๊บก็ทดสอบเลย ให้เพื่อนเขียนตัวเลขแล้วก็ทาย..ผิดทั้งหมด เด็กเพิ่งจะเข้าเรียน ป.๑ ไปทำข้อสอบเลยก็เจ๊ง..ผิดหมด

ถาม : แล้วอย่างตอนหลับตา จะเป็นสี ๆ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ หลับตาไม่ได้ใช้สายตา เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเสีย เราไม่ได้ใช้สายตา แต่เอาความรู้สึกนึกถึง

ถาม : จะเป็นสีวงกลม จะเป็นดวง ?
ตอบ : จะเป็นอะไรช่างหัวมัน..! เพราะว่าเป็นการนึกถึงสิ่งที่เราไม่เคยชินเหมือนกับเรานึกถึงบ้าน เราบอกลักษณะรูปร่างบ้านได้ชัดว่าเป็นอย่างไร แต่ถามว่าเห็นไหม?..ก็ไม่เห็น ถามว่ารู้สึกชัดไหม?..ก็ชัด

เขาเห็นกันลักษณะอย่างนั้น เห็นเหมือนอย่างที่เรานึกถึงบ้าน แต่ทีนี้เราชินกับบ้าน เราสามารถบอกได้ เพียงแต่ว่าสิ่งอื่น ๆ เราไม่ชิน ก็เลยต้องเชื่อความรู้สึกแรก


ถาม : เขาถามว่าคนนั้นมาไหม ? คนนี้มาไหม ? เขาว่ามาเราก็ว่ามากับเขา ?
ตอบ : ต่อไปถ้าไม่รู้เรื่องให้นั่งฟังเฉย ๆ อย่าไปมั่ว..เดี๋ยวก็ยิ่งเละไปใหญ่

เป็นที่น่าเสียดายว่า..ครูฝึกส่วนใหญ่ขาดความชำนาญ คือ ขาดเจโตปริยญาณ จึงมักจะโดนลูกศิษย์หลอกเสมอ เขาตอบส่งเดชอย่างไรก็เออออไปกับเขาด้วย เลยทำให้คนส่วนหนึ่งเอาไปพูดกันว่า มโนมยิทธิเป็นเรื่องเหลวไหล..!



พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
สนทนาช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๓


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว