กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5597)

เถรี 08-05-2017 08:07

ถาม : หนูได้รับเชิญให้เข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของนอร์เวย์ เพื่อเสวนาในหัวข้อเรื่องศาสนากับสิทธิมนุษยชน ร่วมกับตัวแทนจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในนอร์เวย์ หนูจะเข้าร่วมในฐานะตัวแทนชาวพุทธ จึงได้รับมอบหมายให้พูดสั้นๆ เรื่อง "พุทธศาสนากับสิทธิสตรี" กราบขอเมตตาเรียนสอบถามว่าหลวงพ่อมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : เรื่องของสิทธิมนุษยชนพระพุทธเจ้าท่านให้ไว้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เพศที่สาม เพศที่สี่

พื้นฐานเลยก็เรื่องของศีลห้า เราเคารพสิทธิผู้อื่นจึงไม่ไปฆ่าฟัน ไม่ไปทำร้ายเขา เราเคารพสิทธิของผู้อื่น เราจึงไม่ไปลักขโมย ไม่ไปหยิบฉวยของที่เขาไม่ได้ให้ เป็นต้น ฯลฯ เพราะฉะนั้น...สิทธิอะไรก็ตามพระพุทธเจ้าท่านได้ให้ไว้ครบถ้วนแล้วตั้งแต่ต้น กล่าวถึงตรงจุดนี้แล้วโยงไปว่าผู้หญิงของเราต้องทำอะไรเกี่ยวกับศีลห้าบ้าง


ถาม : การได้เกิดเป็นหญิงไทย เราได้รับสิทธิ์และมีข้อจำกัดด้านสิทธิ์อย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ไปถามรัฐบาล...!

ถาม : และพุทธศาสนาส่งผลต่อสิทธิสตรีหรือไม่ อย่างไรเจ้าคะ ?
ตอบ : อย่างที่บอกไปแล้ว

เถรี 08-05-2017 08:13

ถาม : ถ้ามีพระสงฆ์มาบิณฑบาต เราไม่ได้เตรียมอาหารไว้ แล้วนำเงินใส่บาตรแทน จะผิดหรือถูก และมีคุณมีโทษประการใดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่ว่าผู้ให้และผู้รับตั้งเจตนาไว้อย่างไร

ถ้าผู้ให้ตั้งเจตนาว่า "เราใส่บาตรด้วยเงิน พระจะต้องอาบัติแน่ ๆ" แปลว่าผู้ให้ผิด
ถ้าผู้รับตั้งใจว่า "ขอให้เขาใส่เงิน ไม่ใช่อาหาร" ผู้รับผิด
แต่ถ้าผู้ให้ตั้งใจว่า "สิ่งนี้แทนปัจจัยสี่ พระคุณเจ้าขาดเหลืออะไรจะได้นำไปใช้" ผู้ให้ก็ให้ถูก
ถ้าผู้รับเห็นปัจจัยแล้วตั้งใจว่า "ญาติโยมให้มาด้วยศรัทธา เราควรจะเอาไปใช้ในส่วนของสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานและกองบุญการกุศล" ผู้รับก็ตั้งกำลังใจถูก

เพราะฉะนั้น...ขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ให้และผู้รับว่าตั้งไว้อย่างไร จะถูกจะผิดอยู่ที่ตรงนั้น

เถรี 08-05-2017 08:16

ถาม : กระผมนั่งสมาธิเฉลี่ย ๓๐ นาทีทุกวัน ตามเทปกรรมฐานของหลวงพ่อครับ แต่ระยะหลังผมนำพระไตรรัตนจักรของหลวงพี่เอกมาถือไว้ในมือแล้วนั่งสมาธิ จะทำให้นั่งนิ่งขึ้น และจับภาพพระได้ชัดเจนแจ่มใสขึ้น แต่นั่งได้เพียง ๒๐ นาทีโดยเฉลี่ยครับ กราบเรียนถามว่ากระผมควรทำอย่างไรให้นั่งสมาธิได้นาน ๆ ครับ ?
ตอบ : ถ้าถือไว้มือเดียวก็ควรที่จะเพิ่มเป็นถือสองมือ...!

เถรี 08-05-2017 08:18

ถาม : การที่นั่งพับเพียบสวดมนต์ไม่ได้ เนื่องจากเป็นโรคปวดเข่า จึงนั่งขัดสมาธิแทน ถือว่าเป็นการปรามาสหรือไม่ ? และที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : ถ้านั่งพับเพียบไม่ได้ ควรจะนั่งเก้าอี้ห้อยเท้ามากกว่า

เถรี 08-05-2017 08:18

ถาม : การอุทิศส่วนบุญให้กับสัตว์ที่เราได้ซื้อนำมากินเป็นอาหาร จะอุทิศช่วงเวลาสวดมนต์ก่อนนอนได้หรือไม่ ?
ตอบ : เวลาไหนก็ได้ ขอให้มีกำลังใจอุทิศส่วนกุศลถึงเขาบ้าง

เถรี 08-05-2017 08:20

ถาม : การที่ตัวเราทำบุญให้กับคนในครอบครัวที่มีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นเมื่อเราได้พบกับเขา เราจะบอกเขาว่า "เราได้ให้เงินกับเขาจำนวนเท่านี้บาท และเราก็ได้นำเงินนั้นไปทำบุญในงานบุญนั้น ๆ ให้กับเขาแล้ว ขอให้เขาอธิษฐานและอนุโมทนา" ลักษณะเช่นนี้ถือว่าเขาจะได้รับบุญ ๑๐๐ เปอร์เซนต์เต็มหรือไม่ ?

ตอบ : เขาอาจจะลงนรกไปเลย เพราะเราไปบอกว่าให้เงินเขา แต่เขาไม่ได้คิดจะทำบุญ เขาคิดจะเอาเงินไปใช้อย่างอื่น กำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราไปบอกว่าให้เงินเขาจำนวนเท่านี้ แต่เราเอาเงินไปทำบุญ อาจจะผลักเขาให้ลงนรกเร็วขึ้น


เถรี 08-05-2017 08:29

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม สภาพจิตยิ่งละเอียดจะยิ่งรู้เห็นโทษมากขึ้น จะพยายามปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้น จะพยายามไม่ให้เป็นทุกข์ เป็นโทษแก่คนอื่น

เรื่องเหล่านี้จะมาพร้อมกับกำลังใจที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ บุคคลที่กำลังใจสูงย่อมเห็นโทษมากกว่าบุคคลที่กำลังใจต่ำ เหมือนกับบุคคลซึ่งอยู่ในที่สูงกว่า ย่อมมองได้ไกลกว่าบุคคลซึ่งอยู่ในที่ต่ำ


บางเรื่องที่ถามไป กำลังใจของคนถามไม่เท่ากัน ถ้าตอบชัด ๆ สำหรับคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งไปคิดว่าเหมือนกันก็บรรลัยเลย หลายคนก็ไม่รู้หนักรู้เบา ถือเอาคำตอบเป็นมาตรฐานร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ตั้งคำถามที่เป็นมาตรฐาน ถึงเวลาได้รับคำตอบนั้นไปก็ถือว่ามาตรฐานนั้นถูก ดีไม่ดีก็เอาไปคัดง้างกับคนอื่นอีกด้วย

เถรี 08-05-2017 08:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "การนั่งขัดสมาธิฟังเทศน์ หรือสนทนากับพระ หรือสวดมนต์อย่างที่ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ถ้าจำเป็นจริง ๆ นั่งพับเพียบไม่ได้ ก็หาเก้าอี้เตี้ย ๆ มานั่งยอง ๆ หรือไม่ก็นั่งเก้าอี้ห้อยขาไปเลย"

เถรี 08-05-2017 09:10

ถาม : เห็นเพื่อนบอกว่า คำว่า นาค กับ ช้าง คือ ความหมายเดียวกันหรือครับ ?
ตอบ : นาคะ แปลว่า ผู้ประเสริฐ, แปลว่า ผู้เป็นใหญ่, แปลว่า ผู้ฝึกดีแล้ว, แปลว่า ช้าง, และหมายถึงงูใหญ่อีกความหมายหนึ่ง

เถรี 08-05-2017 09:13

ถาม : เรื่องภาพพระ ระหว่างแก้วใสธรรมดากับแก้วใสที่ละเอียด เหมือนหรือมีความต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : อันดับแรก จับภาพให้ได้ก่อน ถ้าจับได้แล้วค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

ถาม : ถ้าภาพพระใสแบบนี้ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ถือเป็นสาระ ให้กำลังใจจับว่าเป็นแก้วก็แล้วกัน วัตถุในการจับยิ่งใสมากเท่าไร ก็ยิ่งจับได้ยากเท่านั้น

เถรี 08-05-2017 09:35

ถาม : มีวีดีโอในการฝึกอสุภกรรมฐาน ที่เห็นศพหรือเห็นร่างกายไม่ดี ?
ตอบ : ไร้ประโยชน์

ถาม : ถ้าดูจบแล้ว เหมือนเป็นการฉุกใจในร่างกายตัวเอง ดูได้สักพักหนึ่ง แล้วมีความรู้สึกไม่อยากจะดูต่อ ถ้าอย่างนี้แปลว่าใจตัวเองไม่ยอมรับว่าร่างกายห่วยแตกหรือครับ ?
ตอบ : ข้ามขั้นตอนมากจนเกินไป อันดับแรกต้องกำหนดภาพให้ติดตาติดใจก่อน หลังจากนั้นจึงจะมาพินิจพิจารณาอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำอะไรเลยแล้วจะไปดูให้ยอมรับทีเดียว

ในเมื่อข้ามขั้นตอนจนเกินไป กำลังใจไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องปกติ แต่วิดีโอเกี่ยวกับบรรดาอสุภกรรมฐานต่าง ๆ แทบจะไร้ประโยชน์ เพราะว่าไม่มีกลิ่น..!


ถาม : แล้วอสุภะสามารถจับควบคู่กับภาพพระได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาก็เอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ได้แน่นอนไปก่อนแล้วค่อยทำอย่างอื่น ไม่ใช่เด็กเพิ่งหัดเดิน แต่กูจะเขียน ก.ไก่ พร้อมกับเล่นดนตรีไปด้วย

เถรี 08-05-2017 10:12

ถาม : ถ้าในระหว่างวันเราพยายามจะกำหนดรู้ คิดหนอ เดินหนอ ซ้ายหนอ ขวาหนอ ปวดหนอ แต่ไม่ได้ตลอดเวลา ซึ่งได้แค่ขณิกสมาธิ อย่างนี้ถือว่ามีประโยชน์บ้างไหมครับ ?
ตอบ : ก็ยังดีกว่าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วทั้งวัน..!

ถาม : ทำอย่างไรจะก้าวหน้าไปกว่านี้ ?
ตอบ : วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราก็ทำไป ๒๕ ชั่วโมงสิ ไม่ใช่วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง เราก็มาภาวนาสัก ๓๐ นาที ที่เหลืออีก ๒๓ ชั่วโมงครึ่งไหลตามกิเลสไป ก็คงจะก้าวหน้าไวอยู่หรอก...!

ลองไปนึกถึงการว่ายน้ำดู เราว่ายทวนน้ำมา ๓๐ นาที แล้วปล่อยให้ไหลตามน้ำ ๒๓ ชั่วโมงครึ่ง จะหาความก้าวหน้าได้ไหม ?

เรื่องของการปฏิบัติธรรมไม่มีทางลัด มีแต่ทางตรง จำไว้ว่าทางตรงเป็นทางที่สั้นที่สุด จะลัดไปแบบไหนก็ตาม มีแต่จะกลายเป็นอ้อมไกลกว่าทั้งนั้น


ถาม : ทางตรง คือเราต้องทำตัวเองเป็นหลัก ?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางที่ตรงที่สุดแล้ว

เถรี 08-05-2017 13:36

ถาม : พระกริ่งเนปาล พระโพธิสัตว์ที่เป็นผู้แทน เป็นองค์ไหนครับ ?
ตอบ : ถามท่านดูสิ...! เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า การถามปัญหาให้ถามในส่วนที่ติดขัดในการปฏิบัติของเรา ไม่ใช่อยากรู้อะไรก็ถามฟุ้งซ่านไปทุกเรื่อง นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังมีโทษอีกด้วย พอถึงเวลาก็เอาไปคุยกับคนอื่น เขาไม่เชื่อเถียงขึ้นมาก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน กิเลสเกิดขึ้นท่วมหัวอีก

ถาม : แต่ถ้าเราถามแล้ววางกำลังใจว่า เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ ?
ตอบ : แล้วช่วยให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้าไหม ?

เถรี 08-05-2017 14:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านหลังนี้เล็กเกินกว่าที่จะจัดงาน ในเมื่อคณะกรรมการอยากจะจัด ก็จะได้รู้เสียบ้างว่าการโดนเหยียบตายนั้นเป็นอย่างไร ? จำไว้ว่า...ถ้ากำลังน้อยอย่าจัดงานใหญ่ บ้านเท่าแมวดิ้นตายดันจัดงานทำบุญ จะดูว่าคนต้องนั่งขี่คอกันกี่ชั้นจึงจะพอนั่ง"

เถรี 08-05-2017 14:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเติมบุญหลังนี้เกิดขึ้นจากแรงศรัทธาและการวิ่งเต้นของคุณณัฐพล สุขวัฒนศิริ และชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต โดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา เจรจาขอเช่าสถานที่จากเจ้าของ ซึ่งเจ้าของดีใจมาก เพราะว่าถ้าคนอื่นมาเช่าอาจจะทำบ้านของเขาโทรมหมด แต่พอเรามาเช่าแล้วก็ซ่อมบ้านของเขาจนสวย

บ้านหลังนี้มีคุณภาพพิเศษ กลางคืนนอนอยู่ก็แกว่งเป็นไกวเปล ตอนรถพ่วงหรือรถสิบล้อวิ่งผ่าน...!

บ้านเริ่มเปิดมาตั้งแต่ปีใหม่ แปลว่านี่เข้าเดือนที่ ๕ จึงมีการทำบุญกัน ตอนแรกก็ตกลงกันว่าทำบุญวันที่ ๕ พฤษภาคม แต่อาตมาขอเลื่อนเป็นวันที่ ๖ พฤษภาคม โยมหลายคนก็บอกว่าวันที่ ๕ เป็นวันหยุด จะไปเลื่อนทำไม ? ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าวันที่ ๕ ไม่ใช่วันหยุด"

เถรี 08-05-2017 14:25

มีโยมนำพระหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง มาถวายพระอาจารย์ "กรุวัดบางกระทิง ส่วนใหญ่จะไปในทางอยู่ยงคงกระพัน ตามธรรมเนียมของการสร้างพระสมัยก่อนซึ่งยังมีศึกมีสงครามอยู่ จะเอาเหนียวนำหน้า

ยุคนี้เป็นยุคการค้า จึงเอาอานุภาพด้านซื้อง่ายขายคล่อง เมตตามหานิยมนำหน้า ยุคสมัยเปลี่ยน ความนิยมก็เปลี่ยนไปด้วย"

เถรี 08-05-2017 15:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีพระเจ้า ๕ พระองค์ เนื้อยาจินดามณี หลุดมาเมื่อเช้านี้ ๕๐ องค์ ขนาดขึ้นราคาเป็นเท่าตัวก็ยังบูชากันจนหมด

เห็นเขาไปลงเว็บขายกัน ๑,๕๐๐ บาท ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย นอกจากบูชาไป แล้วเพิ่มราคาเป็น ๑,๕๐๐ บาท สรุปว่าอาตมาโง่หรือเปล่า ? ทำแทบเป็นแทบตาย ขาย ๕๐๐ บาท เขาแค่จองบูชาเฉย ๆ ไปจำหน่ายต่อ ๑,๕๐๐ บาท..!"

เถรี 08-05-2017 15:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๕ พฤษภาคม วันฉัตรมงคลยกเลิกไปแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ไม่ใช่วันหยุดอีกแล้ว เพราะว่าวันฉัตรมงคลคือวันทำพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ ถ้าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทำพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการวันไหน วันนั้นก็จะเป็นวันฉัตรมงคล ซึ่งจะเป็นคนละวันกับของเดิม

เมื่อทำพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการก็จะเป็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ถ้ายังไม่ได้ทำพิธีอย่างเป็นทางการ ก็เป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ต่างกันแค่นี้เอง หายสงสัยหรือยัง ? ว่าทำไมเขาเรียกไม่เหมือนกัน

แต่มีวันหยุดเพิ่มมา ๒ วัน ก็แปลว่าได้กำไร ๑ วัน คือ ยกเลิกวันหยุดวันที่ ๕ พฤษภาคมของทุกปี เปลี่ยนเป็นหยุดวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และหยุดวันที่ ๑๓ ตุลาคม วันสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙

สรุปแล้วประเทศไทยยังมีวันหยุดมากอยู่ดี ทำงานกันปีละไม่กี่วัน มิน่าว่าไม่เจริญสักที...! ถึงทางราชการไม่ประกาศวันหยุดยาวให้ เราก็ลาเสียเอง...ใช่ไหม ? ลาแทรกกลางสักวันสองวันก็ได้หยุดยาวไปเลย"

เถรี 08-05-2017 15:20

มีโยมนั่งขวางทางเดิน "โยมเดินเข้ามาอีกหน่อย ไปนั่งขวางทางอยู่คนอื่นเขาเข้าไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่ค่อยจะสังเกตกัน ถึงเวลาก็นั่งแปะตามสบาย แต่ไปอุดทางเข้าพอดี ในเมื่อของหยาบ ๆ แค่นี้เรายังสังเกตไม่ได้ การจะสังเกตกำลังใจตัวเองซึ่งเป็นของละเอียดก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่"

เถรี 08-05-2017 15:40

ถาม : ที่เราเห็นเป็นรูปเป็นร่างคือธาตุสี่มาประชุมกัน แล้วที่เราเห็นเป็นออร่าคือพลังงานที่อยู่ในนั้นก็อยู่ด้วยกัน ?
ตอบ : ออร่าคือพลังงานหรือพลังชีวิตที่เปล่งออกมา

ถาม : ที่ว่าธาตุสี่กับพลังชีวิตที่มารวม ๆ กัน เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปนึกเอง เป็นกรรม หรือเป็นเพราะอะไร ?
ตอบ : ต้องมีอาหาร ลำพังธาตุ ๔ ก็คือธาตุ ๔ เมื่อมีจิตวิญญาณเข้ามาจับ ถ้าไม่มีอาหารหนุนเสริมอยู่ก็ไปไม่ได้ ดังนั้น...ส่วนประกอบจึงประกอบไปด้วย ธาตุ ๔ อาหาร อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ไออุ่นที่ว่าก็คือพลังปราณหรือพลังชีวิต อายุคือความสั้นยาวของการที่เราจะคงอยู่ได้ เป็นไปตามกรรมที่สร้างมา

ถาม : เป็นพลังงานที่มีธาตุเบาบางมาก พลังงานอันนี้ไม่ใช่พลังชีวิตใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นพลังของจิตวิญญาณ เป็นต้นธาตุต้นธรรมของแต่ละคน

ถาม : ทั้งหมดนี่คือเรายึดไว้ทั้งหมดเลย ?
ตอบ : เราก็ยึดตัวเรา เขาก็ยึดตัวเขา

เถรี 08-05-2017 15:42

ถาม : นอกจากมีปัญญาเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้แล้ว ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือคะที่จะตัดออกจากร่างกายได้ ?
ตอบ : บางคนเห็นทุกข์แต่กำลังไม่พอก็ยังตัดไม่ได้เหมือนกัน ก็แปลว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องสมบูรณ์บริบูรณ์จริง ๆ จึงจะตัดร่างกายนี้ได้ ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง ก็ไม่สามารถที่จะพ้นไปได้

เถรี 09-05-2017 09:27

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีหลายท่านยังแต่งดำอยู่ ซึ่งก็คือการไว้ทุกข์เนื่องจากการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙

ปกติแล้วทางราชการขอให้ไว้ทุกข์เนื่องในการนี้แค่ ๑๐๐ วัน ที่เหลือแล้วแต่ความตั้งใจของแต่ละคน แต่มีประชาชนจำนวนมากที่แต่งดำหรือยังคงติดโบดำอยู่ แสดงออกถึงการไว้ทุกข์

จะว่าไปแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงตรากตรำเพื่อไพร่ฟ้าประชากรมาตลอด ๗๐ ปี การที่เราจะไว้ทุกข์ถวายพระองค์ท่านสักปี ก็เป็นเรื่องที่สมควร สมัยอาตมาเด็ก ๆ บางครอบครัวที่พ่อแม่ตายเขาไว้ทุกข์ถึง ๓ ปี ระหว่างนั้นไม่สามารถจัดงานมงคลได้ กลายเป็นว่า ถ้ารักกันชอบกันถึงขนาดหมั้นหมายกันแล้ว ก็ยังต้องรออีก ๓ ปีถึงจะแต่งงานกันได้ เขาเรียกว่า ให้พ้นทุกข์เสียก่อน

อาตมาได้ยินคำว่าพ้นทุกข์ สมัยนี้ความหมายคนละอย่างกัน พ้นทุกข์ของพวกเราสมัยนี้หมายเอาการหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน พ้นทุกข์สมัยก่อนก็คือหมดเขตการไว้ทุกข์ บางคนก็เรียกว่าออกทุกข์

อะไรที่เป็นทุกข์คือสิ่งที่ต้องทน ในเมื่อเราใช้คำว่าไว้ทุกข์ จะแปลว่าต้องทนทำหรือเปล่า ?"

เถรี 09-05-2017 09:38

"ที่เขาบอกว่าไม่ควรจัดงานรื่นเริง สงกรานต์จัดเป็นงานรื่นเริงหรือเปล่า ? เห็นเขาเล่นกันเต็มที่เลย อาตมาโดนน้ำแข็งเป็นถัง คนราดไม่รู้เหมือนกันว่าเอาอะไรคิด ถึงเวลาเทโครมลงมา น้ำแข็งหลอดเต็มหน้าตักเลย

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเห็นการสรงน้ำของญาติโยมแล้ว อาตมารู้สึกว่าเขาห่างวัดเกินไป ถึงเวลาสรงน้ำพระพุทธรูปก็ราดตั้งแต่เศียรพระลงไปเลย


การสรงน้ำพระเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นการถวายของหอมเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ความหยาบละเอียดของกำลังใจเห็นได้ชัดมาก หลายท่านสรงน้ำถวายด้วยการรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป บางท่านก็รดที่พระอังสาคือที่บ่า แต่ว่าส่วนใหญ่ร้อยละ ๘๐-๙๐ รดที่พระเศียรคือรดหัวเลย กลัวพระพุทธรูปจะไม่เย็น...!

แม้แต่คนทั่ว ๆ ไป เราก็ไม่ควรที่จะไปราดหัวเขาอยู่แล้ว นี่ราดหัวพระพุทธรูปเล่นกันสนุกสนานเฮฮา ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่อนาถมาก แสดงออกถึงความหยาบของกำลังใจ ที่ไม่ได้ดูว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร"

เถรี 09-05-2017 09:49

"ปีนี้ที่อาตมาโดนน้ำแข็งมากเพราะว่าคนแบกไม่ใช่แม็กซีม น้องแม็กซีมเป็นวัยรุ่น กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ แบกหลวงพ่อแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวก็วิ่งเลย จึงไปถึงห้องสรงเร็ว โดนราดน้อยหน่อย ปีนี้คนแบกแข็งแรงกว่า ค่อย ๆ ไป จึงโดนน้ำแข็งเสียบานเลย ซึ่งความจริงถ้าทุกคนไปรอที่รางน้ำซึ่งทางวัดจัดไว้ให้ก็หมดเรื่องไป แต่ส่วนใหญ่แล้วอยากจะสรงกันชนิดตัวต่อตัวมากกว่า ก็เลยดักราดตอนอุ้มผ่าน

ความจริงมีอยู่งานหนึ่งที่อยากจะทำ ก็คือช่วงสงกรานต์ จัดให้มีการสรงน้ำพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แต่ยังไม่มีเวลาต่อกรง จะว่าไปก็น่าอนาถ จะสรงน้ำพระต้องต่อกรง..! ไม่อย่างนั้นมีตัวอย่างที่บางวัดพระธาตุหายทั้งผอบมาแล้ว สรงน้ำเสร็จก็คว้าติดมือไปเลย

ที่วัดพระบรมธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ทองจัดสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุทุกปีก็ต้องต่อกรง ทำอย่างไรที่พวกเราจะไว้วางใจกันได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าของสำคัญจะสูญหาย ?

จะว่าไปแล้วเรื่องของกรรมก็เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะถ้าทุกคนเห็นนรกเห็นสวรรค์ สิ่งที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นทำก็จะไม่ได้ออกจากน้ำใสใจจริง แต่จะออกมาว่าทำดีเพราะกลัวนรก ทำดีเพราะเห็นแล้วอยากไปสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กลายเป็นการบังคับให้ทำไปในตัว แต่พอไม่ให้เห็น จะให้ทำจากน้ำใสใจจริง โอกาสที่จะทำดีทำถูกก็น้อย เพราะว่าน้ำใสใจจริงของแต่ละคน ล้วนแล้วแต่พร้อมที่จะละเมิดศีลละเมิดธรรม

มีบางสำนักในสมัยชุนชิวจ้านกว๋อของประเทศจีน ที่บอกว่าคนเราชั่วโดยกำเนิด จึงต้องออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมาเพื่อบีบบังคับให้อยู่ในกรอบที่ดีงาม"

เถรี 09-05-2017 09:58

วันศุกร์พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางกองทุนหลวงปู่ปานบอกว่าอยากจะร่วมทำบุญด้วย จึงถวายยาจินดามณีมา ๒๐๐ ขวด บอกว่าร่วมบุญกับพระอาจารย์ด้วย เป็นชุดเดียวกับที่สร้างพระนั่นแหละ ก็เลยให้เอาไปขาย ราคาแพงหน่อย...ขวดละ ๒๐๐ บาท"

ถาม : วัดโพธิ์ผักไห่ขายขวดละ ๓๐๐ บาทค่ะ ?
ตอบ : อ้าว...อาตมาไม่รู้ กลายเป็นไปตัดราคาเขา ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาทำจำหน่ายขวดละ ๓๐๐ บาท เขาอุตส่าห์เอาไปถวายถึงวัด บอกว่าขอร่วมบุญกับพระอาจารย์ด้วย คราวที่แล้วเอาเข้าพิธีเสาร์ ๕ ไว้ ๘ กิโลกรัม เป็นอันว่าเราขายถูกกว่าเขา ๑๐๐ บาท ต้องขออภัยด้วย เพราะว่าขายเท่าไรก็ได้กำไรเท่านั้น ใครมาก่อนก็ถือว่าโชคดีไป

เถรี 09-05-2017 19:43

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาเพิ่งจะลงไปภูเก็ตกับหาดใหญ่มา ทำงานหัวทิ่มหัวตำอยู่ทุกวัน พอปลีกตัวได้ก็รีบลงไป ปรากฏว่าญาติโยมนับวันให้ดูว่า ๒ ปีกว่าแล้วที่ไม่ได้ลงไป เล่นนับวันเลยว่าครั้งสุดท้ายไปถึงวันไหน เดือนไหน ปีไหน

คนอยู่ไกลก็เหมือนกับคนหิวข้าว ไปถึงเขาก็กอบโกยของเขาเต็มที่ พวกเราบางทีอยู่ใกล้ก็ประมาทเกินไป ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเรื่อย ๆ

แต่มีอย่างหนึ่งที่สะดุดตาก็คือสนามบินภูเก็ต เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลตั้งแต่ปากทางเข้าไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิงอิสลาม เหมือนอย่างกับว่าเจ้าหน้าที่โดนเปลี่ยนเป็นผู้หญิงหมด แล้วก็คลุมผ้าฮิญาบเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เท่าที่ดูทั้งหมดเห็นมีอยู่ ๒ คนเท่านั้นที่ไม่ได้คลุม ไม่รู้ว่าเป็นอิสลามหรือเปล่า ? อาจจะเป็นคนไทย แต่ว่าที่เหลือนั้นแสดงตัวชัด

ถ้าสถานที่สำคัญขนาดนั้นยังคัดเลือกแต่คนอิสลามเข้าไปทำงาน ก็แปลว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่นั่นเป็นอิสลามแน่นอน"

เถรี 09-05-2017 19:47

"เราต้องเห็นความดีของอิสลามอย่างหนึ่งคือ เขาสามัคคีแน่นเหนียว รักพวกรักพ้องมาก อะไรมาเขาเอาพวกของเขาไว้ก่อน ส่วนนี้เป็นส่วนที่คนไทยเราขาดมากเป็นพิเศษ ที่ขาดมากเป็นพิเศษไม่ใช่ว่าเราไม่รู้จักใช้เส้นสายเพื่อนพ้อง แต่เรามีการเลือกที่รักมักที่ชัง ส่วนเขาขอให้เป็นอิสลามเท่านั้นแหละ เขาถือว่าเป็นพวกเดียวกันหมดทั้งโลก เป็นเรื่องที่เราต้องเลียนแบบให้ได้ ถ้าเลียนแบบไม่ได้เราก็สู้เขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะว่าเรื่องความสามัคคีของเขานี่กินเราขาดเลย

อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับพระ อาตมาก็เลยไม่อาราธนาวัตถุมงคล เดินผ่านปล่อยให้เครื่องดัง ปรากฏว่าเขายืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก อาตมาไปยืนรอให้เขาตรวจร่างกาย ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ต้องตรวจ เพราะว่าทำอะไรไม่ถูก

ตั้งแต่ไปจากสนามบินดอนเมืองก็ไม่มีปัญหา เดินผ่านตลอดเครื่องไม่ดัง ไปถึงที่โน่นอยากรู้ว่าถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับพระเขาจะจัดการอย่างไร ปรากฏว่าเขาก็ไม่กล้าตรวจ เพราะว่าไม่มีผู้ชายเลย"

เถรี 09-05-2017 20:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้ามนุษย์เรายังบริโภคพลังงานอย่างไม่บันยะบันยัง ต่อไปเรื่องที่ลำบากที่สุดก็คือหาพลังงานมาป้อน ถ้าไม่มีไฟฟ้าอาตมามั่นใจว่าตัวเองอยู่ได้ แต่คนรุ่นหลังอาจจะตายกันไปเลย..!

อาตมาเคยอยู่มาในสมัยที่บ้านทั้งหลังมีตะเกียงกระป๋องดวงเดียว เทียนก็ไม่มีเพราะเทียนเป็นของแพง ต้องหัดควั่นผ้ามาทำไส้ตะเกียง หาน้ำมันมะพร้าวมาเติม"

เถรี 09-05-2017 20:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปทิเบตอาตมากลัวหนาว หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านบอกว่า ฝนตกก็หายหนาวแล้ว อ้าว...ถ้าฝนตกหายหนาวแล้วเละเทะ ผมจะเที่ยวอย่างไร ? ก็แล้วแต่ท่านจะสงเคราะห์ เปียกก็เปียก แห้งก็แห้ง แล้วแต่ท่านจะเมตตา"

เถรี 09-05-2017 20:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปภูเก็ตกับหาดใหญ่ ที่นั่นก็มีญาติโยมบางคนที่มีศรัทธาแต่ปัญญาน้อยทำบุญมา ที่ว่ามีศรัทธาแต่ปัญญาน้อยก็คือ หาครกกระบากสากกะเบือมาถวายท่วมหัวท่วมหูไปหมด โดยไม่ได้คิดว่าอาตมาจะขนกลับอย่างไร เดินทางไปโดยมีกระเป๋าใบเดียว ไปโดยเครื่องบิน หอบของมาถวายขนาดนั้นอาตมาคงต้องเช่าเหมาลำขนมาต่างหาก ท้ายสุดก็ต้องใช้วิธีเดิมก็คือ ให้ถวายวัดที่ใกล้ที่สุด

หลายคนคิดจะทำบุญอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดว่าคนรับจะจัดการอย่างไรกับบุญของเขา เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังคิดไม่ถึง แล้วเรื่องอื่นจะไปคิดได้อย่างไร แต่ก็แก้ไม่หาย ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีคนประเภทนี้ ประเภทมาถึงพร้อมกับน้ำส้มคั้น ๑๐ ขวด แล้วอาตมาจะฉันของเขาอย่างไรวะ ? น้ำส้มคั้นก็เก็บไม่ได้ด้วย ไปนึกถึงที่หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านว่า มีศรัทธาก็ต้องมีปัญญาประกอบด้วย"

เถรี 09-05-2017 21:00

มีโยมเอาว่าน ๑๐๘ มาถวาย "ว่าน ๑๐๘ อาตมาเคยไปดูเขาหั่นตากแดด ปรากฏว่าคนหั่นคันคะเยอทรมานไปหลายคืน ส่วนใหญ่แล้วพวกว่าน ๑๐๘ เน้นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมกับคงกระพัน

ว่านบางอย่างที่เป็นประโยชน์สมัยนี้หายากแล้ว อย่างว่านม้าทอง ช่วยให้เดินทางไกลได้อึดอย่าบอกใครเลย น่าจะมีผลคล้าย ๆ กับใบกระท่อม คือทำให้คนไม่รู้สึกเหนื่อย น่าจะทำให้ประสาทชา ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรทำนองนั้น

สมัยอาตมาเด็ก ๆ อยากได้อะไรก็ไปหลังบ้าน ป่าดี ๆ นี่เอง มุดเข้าไปขุด ไปหา ไปตัด ไปแคะมา เดี๋ยวก็ได้แล้ว ถึงเวลาลุงหมอก็บอก “ไอ้หนู...ไปเอาช้างมา ๒ เชือก” ก็วิ่งเข้าป่าไปตัดบอระเพ็ดพุงช้าง คนโบราณเขาไม่บอกตรง ๆ เขาว่าถ้าบอกตรง ๆ บางทียารู้แล้วไม่เต็มใจจะมาก็จะหนี เขาว่าอย่างนั้น

สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้ว หายากขึ้นไปเรื่อย ๆ วัดท่าขนุนเคยมีบอระเพ็ดมาก อาตมาให้แม่ชีช่วยถลกบอระเพ็ดไปให้ท่านอาจารย์พลตรีเฉลิมชัย เสียงใหญ่ เพราะว่าท่านจะเอาไปทำยารักษาโรคริดสีดวงทวารให้กับคนที่รู้จัก ไม่รู้ว่าแม่ชีเขาถลกอีท่าไหน สงสัยจะไปถอนรากด้วยกระมัง ? ไม่ขึ้นใหม่อีกเลย"

เถรี 09-05-2017 21:18

มีโยมเอามะม่วงมาถวาย แล้วถามว่ามะม่วงที่ตัวเองถวายเป็นพันธุ์อะไร "เขียวเสวยของแท้ เพียงแต่ว่าต้นหนึ่งออกไม่กี่ลูก (สามสี่ลูกเองค่ะ) ก็เลยใหญ่ขนาดนี้ ถ้าออกเยอะขนาดจะเล็กกว่านี้ อาตมาอยู่กับสวนมะม่วงมา แค่มองก็รู้แล้ว

วันก่อนมีโยมเอามะม่วงไปถวายที่วัด ปอกมาถวายตอนฉันเพล พอเข้าปากอาตมาก็บอกว่า "นี่คุณปล่อยให้เทวดาเลี้ยง ไม่ได้ดูแลเลยใช่ไหม ?" เขาถามว่าพระอาจารย์รู้ได้อย่างไร ? จึงบอกว่า "กูกินมาตลอดชีวิต รสชาติต่างกันมาก" มะม่วงที่คนดูแลก็รสชาติอย่างหนึ่ง มะม่วงประเภทที่ต้องดูแลตัวเองก็รสชาติ
อีกอย่างหนึ่ง

เด็กรุ่นหลังแยกรสไม่ออก...แปลกมาก บางทีอาตมาก็ว่ารสชาติเป็นอย่างนี้ บอกเขาได้ แต่เขาก็แยกไม่ออก กินตรงนั้นเขาก็ยังแยกไม่ออก พอถึงเวลาแม่ครัวปอกมะม่วงมา ท่านก็หมดปัญญาแล้ว ส่วนอาตมาใส่ปากแล้วบอกว่าอันนี้หนองแซง อันนี้เขียวเสวย อันนี้น้ำดอกไม้ แต่ท่านแยกไม่ออก สรุปแล้วของท่านนั้นมะม่วงก็คือมะม่วง

เวลาโยมเอาข้าวต้มมาถวายก็เหมือนกัน พอฉันข้าวต้ม เออ...อันนี้ใช้ได้ เริ่มเคี่ยวข้าวต้มมาตั้งแต่แรก ส่วนอันนี้ไม่ได้เรื่อง เป็นประเภทต้มน้ำเดือดแล้ว
ก็เอาข้าวสุกใส่ลงไป แล้วค่อยไปเคี่ยวทีหลัง เขาก็ถามว่ารู้ได้อย่างไร ? อาตมาบอกว่ากินมาตลอดชีวิด แล้วตัวเองเคยทำด้วย...ก็รู้สิ ยังแปลกใจว่าไม่ใช่สมรรถภาพร่างกายของอาตมาดีกว่าคนอื่น หรือเป็นเพราะว่าประสบการณ์เยอะ เข้าปากไปก็รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร"

เถรี 10-05-2017 13:58

"ก่อนนี้ที่บ้านของอาตมามีมะม่วงอยู่ ๒ ต้น ถ้าให้เด็กสมัยนี้ดูไม่มีทางรู้ว่าเป็นมะม่วงอะไร ลูกขนาดเล็กมาก จริง ๆ แล้วคือมะม่วงเขียวเสวย แต่อายุต้นกว่า ๖๐ ปี ลูกจึงเล็กลง เล็กจนไม่น่าจะใช่มะม่วงเขียวเสวย

พวกมะม่วงอื่น ๆ อย่างสมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นกัน อย่างมะม่วงตกตึก มะม่วงหัวช้าง มะม่วงตกตึกก่อนหน้านี้บางทีเขาก็เรียกว่า มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย เป็นมะม่วงที่ต้องกินห่าม กินสุกไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยจนสุกเนื้อรอบเมล็ดจะเหมือนกับช้ำ เขาเลยเรียกว่ามะม่วงตกตึก ต้องกินห่าม ๆ ถึงจะอร่อย ส่วนมะม่วงหัวช้างลูกใหญ่สมชื่อเลย

ส่วนมะม่วงทองดำสมัยนี้ก็ไม่เคยเห็น เปลือกเป็นสีเขียวจนดำเลย แต่ปอกออกมาข้างในเนื้อจะสีเหลืองทอง เขาจึงเรียกว่ามะม่วงทองดำ ถ้าเข้าปากอาตมาก็รู้เลยว่ารสนี้คือมะม่วงทองดำ

สมัยก่อนมะม่วงยอดฮิตเลยก็คือมะม่วงอกร่อง จะเป็นอกร่องทองหรืออกร่องขาวก็ได้ สมัยก่อนเขานิยมอกร่องเพราะว่ารสหวานแหลม เหมาะที่จะกินกับพวกข้าวเหนียวมูนที่รสเค็มหน่อย ๆ แต่เท่าที่กินมามะม่วงสุกที่อร่อยที่สุดต้องมะม่วงฟ้าลั่น อร่อยมาก แต่ส่วนใหญ่เขาไปกินดิบกัน มะม่วงฟ้าลั่นต้นที่บ้านของอาตมามดแดงเยอะสุด ๆ ขึ้นไปแต่ละทีต้องพกขี้เถ้าไปถังหนึ่ง รีบไปยึดกิ่ง
ไว้ก่อน แล้วก็เอาขี้เถ้าทาบนทาล่างไว้ พอมดมาถึง เจอขี้เถ้าก็หล่น มาถึงเราไม่ได้ คราวนี้ก็เอาตะกร้อค่อย ๆ สอยมะม่วง"

เถรี 10-05-2017 13:59

"เด็กสมัยหลังไม่เคยเห็นมะม่วงต้นสูง ๒๐-๓๐ เมตร เขาเห็นแต่ต้นเตี้ย ๆ พวกต้นเตี้ยนั้นเป็นพวกมาจากกิ่งตอน สมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นพวกต้นที่เกิดจากการเพาะเมล็ด

มะม่วงพื้น ๆ ของสมัยก่อนอย่างมะม่วงแก้มแดงก็หายาก อย่าว่าแต่เห็นลูกเลย เด็กสมัยนี้แม้แต่ชื่อก็ยังไม่เคยได้ยิน มะม่วงแก้มแดง มะม่วงทองดำ ต้องสุกปากตะกร้อถึงจะอร่อย พอก้นเริ่มเหลือง ๆ หัวแดง ๆ ก็ได้เรื่องแล้ว

ด้วยความที่บางทีก็ขี้เกียจรบกับมด อาตมาก็เลยใช้วิธีใหม่ เอาหนังสติ๊กยิงเอา ยิงตัดขั้วแล้วก็วิ่งไปรับ ต้องยิงแม่นและรับแม่นด้วย ไม่อย่างนั้นมะม่วงช้ำหมด

สมัยก่อนเวลาผู้ใหญ่เขาจะปอกมะม่วงสำหรับกินกับข้าวเหนียว ต้องใช้มีดทองเหลือง มีดทองเหลืองแต่บางคนเขาเรียกมีดทองเฉย ๆ ปอกแล้วไม่ทำให้รสเปลี่ยน มีดที่เป็นเหล็ก เป็นโลหะทำให้รสเปลี่ยน เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้วว่ามีดทองเป็นอย่างไร"

เถรี 11-05-2017 14:46

"มะม่วงงาช้างก่อนหน้านั้นเรียกว่ามะม่วงงาช้างบ้าง เรียกว่ามะม่วงแขนอ่อนบ้าง ระยะหลังเขาเรียกว่ามะม่วงหนัง เพราะว่าเปลือกหนา เหมาะที่จะส่งต่างประเทศ สมัยนี้ที่บรรดาผลไม้ต่าง ๆ ไม่หลากหลายก็เพราะการค้านี่แหละ จะต้องการเฉพาะพันธุ์ที่คนชอบ พันธุ์ที่คนไม่ชอบก็ไม่ปลูกกัน จึงสูญไปเรื่อย ๆ

มะม่วงแก้มแดงนี่เอาไว้ทำน้ำปลาหวานได้อย่างเดียว เพราะว่ารสเปรี้ยวมาก มะม่วงแก้มแดงจะกินอร่อยต้องกินสุกหรือไม่ก็ทำน้ำปลาหวาน

อันนี้ต้นเป็นกิ่งตอนเหมือนกัน ต้นไม่สูง คือลักษณะลูกกับลักษณะต้นจะบอกเราได้ เหมือนกับคนโดนจำกัดอาหาร ลูกออกมาก็จะแกร็น

ส่วนใหญ่ถ้าจะเก็บผลไม้สุก ให้ตัดน้ำสักอาทิตย์หนึ่งก่อนแล้วค่อยเก็บ รสจะจัดมาก ที่บ้านจะมีลำไยอยู่ ๒ ต้น ต้นใหญ่มาก ๆ ถึงเวลาก็หยุดประโคมน้ำ ทิ้งไว้ ๗-๑๐ วันแล้วค่อยเก็บ รสหวานชนิดลืมตายเลย คนกินก็ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นเบาหวาน แต่ค้างคาวรู้ดีกว่า พอลูกเริ่มแก่ก็มากินกันกระจาย ตกเกลื่อนพื้นเป็นหมื่น ๆ ลูกเลย ตอนหลังจึงแก้โดยการเอาชะลอมใส่ พอลำไยจวนจะแก่ก็เอาชะลอมไปใส่ไว้ เวลาค้างคาวมาติดชะลอมเข้าไปกินไม่ได้

คนโบราณใช้วิธีชักตะขาบ ตะขาบก็คือกระบอกไม้ไผ่นี่แหละ เวลาดึงก็กระทบเสียงดังอีโล้งโคล้งเคล้ง ค้างคาวตกใจก็บินไปเสียหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็กลับมาอีก เพราะรู้ว่าไล่ตามไม่ได้ พอบอกว่าไปเฝ้าสวนชักตะขาบ เด็กสมัยนี้ได้ยินก็สงสัยอีกว่าคืออะไร"

เถรี 11-05-2017 14:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนสมัยอาตมาเด็ก ๆ ที่บ้าน เสาไม้แต่ละต้นโตเกือบโอบ แค่คานบนก็ใหญ่ประมาณบาตรแล้ว...แค่คานนะ แล้วเป็นไม้ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า มะเกลือเลือด แกร่งสุด ๆ กว่าจะกล่อมให้เป็นเสาเป็นคานได้นี่เหงื่อหยดติ๋งเลย

ส่วนใหญ่คนสมัยโน้นเขาจะกล่อมเสา ถากเสาด้วยตัวเอง ใช้ผึ่ง ใช้ขวาน แค่นั้นเอง ไม่น่าเชื่อ เขามีคำที่ว่า ถ้าลูกชายบ้านไหนถากไม้เป็นหมาเลียนี่ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นเขย ถากไม้เป็นหมาเลียคือเรียบกริบเลย

น่าจะประมาณปี ๒๕๒๑ ช่วงอาตมาเข้ากรุงเทพฯ พอกลับไปอีกทีบ้านก็หายไปแล้ว คนมาเหมาซื้อไปทั้งหลังเลย เขาต้องการพวกเสาพวกคาน เพราะว่าไม้เก่าตรง ๆ จะหายาก โดยเฉพาะพวกไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียน ไม้มะเกลือเลือดยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ เป็นไม้เนื้อหนักแกร่งมาก ถ้าฟันผิดจังหวะมีไฟแลบด้วยนะ"

เถรี 11-05-2017 14:59

พระที่เรียนบาลีมากราบพระอาจารย์ "พวกนี้ทุกขาปฏิปทา ชอบของยาก จึงไปเรียนบาลีกัน จริง ๆ แล้วเรียนบาลีต้องอาศัยลูกขยันอย่างเดียว ท่องกันให้หูดับตับไหม้ไปเลย ยกเว้นบางส่วนที่ต้องการความเข้าใจอย่างพวกสัมพันธ์ จะไปใช้สมองอีกทีก็คือวิเคราะห์รูปประโยค จะเป็น กาล วจนะ บท บุรุษ วาจก ปัจจัย ฯลฯ ถ้าวิเคราะห์ออกก็แปลได้ทุกประโยค แต่ถ้าวิเคราะห์ไม่ออกถึงแปลได้ก็ไม่ถูก"

ถาม : สมัยก่อนที่พระต้องเรียนบาลี ?
ตอบ : สมัยก่อนบังคับ ที่บังคับก็คือเรียนตรง ๆ ในสำนักเรียน กับเรียนทางอ้อมในลักษณะคาถาอาคมกับครูบาอาจารย์

เถรี 11-05-2017 15:04

ถาม : ขอถวายค่ายานพาหนะค่ะ (พระที่เรียนบาลี)
ตอบ : ถ้าค่ายานพาหนะต้องพอให้ท่านซื้อรถ อย่าใช้คำพูดผิด ใช้คำว่าถวายค่ารถค่าเดินทางก็ได้จ้ะ แต่ถ้าถวายค่ายานพาหนะนี่ต้องพอซื้อยานพาหนะได้ พอที่จะเข้าใจไหม ?

เถรี 11-05-2017 15:13

ถาม : เรียนบาลีนี่เป็นเปรียญหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : นั่นแหละจ้ะ ถ้าสอบผ่านก็ได้เปรียญธรรม ก็มีตั้งแต่ประโยค ๑ - ๒ พอเปรียญธรรม ๓ ประโยคก็มีคำนำหน้าว่า พระมหา

มหาก็คือใหญ่ ใหญ่ด้วยความรู้ จริง ๆ แล้วประโยค ๓ ได้เปรียบกว่าประโยค ๙ ถ้าบอกว่าพระมหาอย่างเดียวไม่ห้อยท้ายว่าประโยคไหน ก็ราคาเท่ากัน

เถรี 11-05-2017 15:19

ถาม : จะมีโอกาสได้เห็นสงครามหรือไม่คะ ?
ตอบ : มีโอกาสได้เห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวล สมัยนี้สงครามชอบแสดงแสนยานุภาพ มีใครจำสงครามเกาะฟอล์กแลนด์ได้บ้าง ? ที่อังกฤษรบกับอาร์เจนตินา อาร์เจนตินายิงเรือรบอังกฤษจมไป ๑ ลำ ด้วยจรวดเอ็กโซเซต์ (Exocet) หลังจากนั้นไม่กี่วันจรวดเอ็กโซเซต์ผลิตไม่ทันขายเลย ใคร ๆ ก็อยากได้

แต่ดูแล้วน่าทึ่งมาก เพราะว่าทันทีที่จรวดนำวิถีวิ่งชนเรือรบ ก็มุดเข้าไปข้างในเลย แต่จริง ๆ แล้วก็คือจรวดระเบิดตัวแล้ว แต่ที่ระเบิดตัวคือส่วนหัวที่เขาเรียกว่าดินโพลง จะระเบิดสร้างความร้อนมหาศาลขึ้นมา ละลายโลหะตรงนั้นก่อน ชั่ววินาทีเดียวก็มุดเข้าไปข้างในเลย ต้องบอกว่าเรื่องฆ่ากันนี่คนเราฉลาดจริง ๆ

ทันทีที่อาตมาเห็นอเมริกาทิ้งระเบิดถล่มอัฟกานิสถานแบบไม่ยั้งมือ บอกเลยว่าอเมริกาเอ็งซวยแน่ ๆ แล้ว เพราะว่าอันดับแรก แรงอัดที่ทำให้พื้นดินสะเทือน ก่อผลให้เกิดแผ่นดินไหว อันดับที่ ๒ แรงระเบิดที่ดันขึ้นข้างบน ทำให้กระแสอากาศเคลื่อน แล้วก็จริง ๆ ด้วย พอฤดูกาลถัดมาพายุแคทรีนาก็ถล่มสหรัฐฯ เละเป็นโจ๊กเลย ตัวเองทำเองแท้ ๆ ทิ้งระเบิดทางด้านเอเชีย ไปเกิดเป็นพายุทอร์นาโดทางด้านอเมริกา


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:21


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว