กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4777)

เถรี 24-12-2015 11:53

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๘
 
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชอบมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้มีผู้ถามว่า รู้ตัวอยู่ว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไร แต่ไม่มีกำลังใจที่จะไปขวนขวายทำ อยากทราบว่าขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหน ? ซึ่งคาดว่าพวกเราหลายคนก็เป็นเช่นนี้ การที่เรารู้ว่าตนเองต้องทำอะไร แต่ไม่มีอารมณ์ที่จะไปทำ มีความขวนขวายน้อย เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่หนึ่ง ก็คือ เข้าถึงมรรคถึงผลแล้ว ไม่เห็นสาระแก่นสารในสิ่งที่ตนเองต้องไปทำ จึงหมดความอยากที่จะทำในสิ่งนั้น ๆ

ส่วนสาเหตุที่สอง ก็คือ กำลังใจของเรายังไม่เพียงพอ ยังตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา กิเลสรู้ว่าถ้าเราปฏิบัติสิ่งทั้งหลายเหล่านี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง เราก็จะหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ดังนั้น...เขาก็จะดลใจให้เราขี้เกียจ ไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติ ก็แปลว่าในส่วนที่บกพร่องมากที่สุดของเราก็คือสมาธิ จึงไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านอำนาจของกิเลสได้

ดังนั้น ถ้าผู้ใดเกิดอารมณ์ในลักษณะอย่างนี้ ให้หันมาเร่งในเรื่องของสมาธิภาวนาเข้าไว้ ถ้าหากว่าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว คราวนี้ก็จะมีความพากเพียรบากบั่นไม่ย่อท้อ ตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายที่เป็นหน้าที่การงานของเราให้สำเร็จลง ด้วยเห็นว่าเรามีชีวิตอยู่ในวันนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวเท่านั้น เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อถึงเวลาจะได้จากไปอย่างสง่างามที่สุด อยู่คนเขาก็เกรงใจ ไปคนเขาก็คิดถึง

เมื่อเป็นดังนั้นก็จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มสติเต็มกำลัง ซึ่งบุคคลที่เข้ามาถึงตรงจุดนี้ก็จะโดนนินทาในลักษณะที่ว่า จะบ้างานไปถึงไหน ? แต่ความจริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ ทำในลักษณะทิ้งทวน ทำในลักษณะงานชิ้นสุดท้าย เป็นงานครั้งสุดท้าย จึงต้องทำให้ดีที่สุด ให้เต็มกำลังที่สุด ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากำลังใจของท่านยังไม่พอ พูดไปบางทีก็ฟังไม่เข้าหู

เถรี 25-12-2015 11:32

ในส่วนของการปฏิบัตินั้น เราต้องสร้างเสริมสติ โดยเฉพาะอานาปานสติ คือการระลึกถึงลมหายใจเข้าออก ถ้าอานาปานสติคล่องตัว ก็จะเกิดกำลังจากสมาธิ เมื่อสมาธิทรงตัว จิตใจสงบแนบแน่น ปัญญาก็เกิดได้ง่าย เมื่อสติระลึกรู้ว่า ทางนี้เป็นหนทางที่ผิด ก็จะใช้สมาธิระงับยับยั้งไม่ให้ก้าวไปยังหนทางนั้น และใช้ปัญญาตรึกตรองดูว่า แล้วหนทางที่ถูกเป็นอย่างไร ? เมื่อเห็นว่าหนทางที่ถูกนั้นเป็นทางใดแน่ ก็จะมุ่งตรงไปยังทางนั้น

ดังนั้น...ในสิ่งที่ผู้ถามถามว่า รู้อยู่ว่าต้องทำหน้าที่อะไร แต่ว่าไม่มีกำลังใจที่จะไปทำ ก็คาดว่าจะเป็นในอย่างที่ ๒ ก็คือปล่อยให้กิเลสมีอำนาจมากกว่า เรียกว่าแต่ละวันหายใจทิ้งไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้กำหนดสติตามดูตามรู้ในลมหายใจเข้าออกของตนจนมั่นคงเพียงพอ ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็จะต้องแพ้กิเลสไปเรื่อย ๆ และอาจจะหมดกำลังใจที่อยากจะทำความดีไปเลย

เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายที่เข้ามาปฏิบัติธรรม คงจะเคยได้ยินอาตมาพูดหลายครั้งแล้วว่า คำตอบแทบทุกประการจากการปฏิบัติธรรมนั้น อยู่ที่ตัวสมาธิแทบทั้งสิ้น ยกเว้นช่วงสุดท้ายที่ต้องใช้ปัญญาในการตัดกิเลส แต่ก็ยังต้องอาศัยกำลังจากสมาธิช่วยตัดกิเลสอยู่ดี พวกเราจึงไม่ควรทิ้งอานาปานสติอย่างเด็ดขาด เพราะอานาปานสติหรือว่าลมหายใจเข้าออก เป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง เป็นกำลังช่วยกดกิเลสให้นิ่ง บั่นทอนกำลังกิเลสให้น้อยลง และช่วยให้เราตัดละกิเลสได้ง่ายขึ้น

เมื่อทราบถึงสาเหตุแล้ว ก็ให้เร่งปฏิบัติในอานาปานสติให้จริงจังกว่านี้ เพื่อที่จิตจะได้มีกำลังต่อต้านกระแสกิเลสได้ ไม่ไหลไปตามอารมณ์ใจใฝ่ต่ำอย่างเดียว

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว